ถูกสื่อสับละเอียดเป็นชิ้นสำหรับ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกทีมชาติโปรตุเกส ไม่ใช่การย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ รีล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,500 ล้านบาท) หากแต่เป็นการสวม หมวกสีชมพูและทัดดอกไม้ ขณะพักผ่อนช่วงปิดฤดูกาลอยู่ที่ ลอสแองเจลลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมิใช่หนแรกของบรรดาดาวดัง หากมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นแฟนกีฬาได้ร้อง "อู้ว" กันอยู่เรื่อยๆเพราะพ่อค้าแข้งถือว่ามีอิทธิพลสูงไม่ว่าจะหยิบจับอะไรแต่งตัวแบบไหนมักจะต้องถูกจับตามอง และจากนี้คือเหตุการณ์ที่เคยเขย่าแฟชันแห่งโลกลูกหนังมาแล้ว
1.สไปซ์บอยรุ่นพ่อ - จอร์จ เบสต์ เจ้าของฉายา "บีเทิล คนที่ 5" ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วด้วยพฤติกรรมนักดื่มคอทองแดง โดย ปีกตัวพ่อของแมนฯยู ยุคทศวรรษ 60 ลากยาวมาจนถึงต้น 70 ถือเป็นสไปซ์บอยรุ่นแรกก่อน ลี ชาร์ป, เจมี เรดแน็ปป์ และ สตีฟ แม็คมานามาน เพราะเป็นนักฟุตบอลที่มีสไตล์การแต่งตัวโดดเด่นในสมัยนั้นชอบเข้าสังคมและเที่ยวเตร่
2.กุนซือขอเท่บ้าง - หาก เบสต์ คือนักฟุตบอลที่มีเสน่ห์มากที่สุดในยุคทศวรรษ 60-70 มัลคอล์ม อัลลิสัน ก็น่าจะโดดเด่นที่สุดในบรรดากุนซือด้วยกัน อดีตเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ปัจจุบันอายุ 81 ปี เคยคุมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี, คริสตัล พาเลซ และ กาลาตาซาราย ในสมัยนั้นการแต่งตัวที่เป็นเอกลักษณ์ก็คือ หมวกสักหลาด, เสื้อโค้ตหนังแกะ และ ซิกาแท่งโต
3.ดูโอทีมชาติอังกฤษ - ยุคทศวรรษ 80 แฟนชันที่ฮิตกันมากคือ แว่นตาเรย์-แบน และ รองเท้าส้นตึก แต่สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจและลอกเลียนแบบถึง 99.6 เปอร์เซนต์ได้แก่ทรงผมของนักฟุตบอล ในสมัยนั้นคงจะไม่มีใครเฟี้ยวเกิน เกล็น ฮ็อดเดิล และ คริส ว็อดเดิล สองนักเตะ "สิงโตคำราม" ทั้งคู่เคยมีซิงเกิลชื่อ "ไดมอนด์ ไลท์ส" ในปี 1987 ขนาดพุ่งขึ้นไปติดท็อป 20 เมืองผู้ดีด้วย
4.สูทสีครีมไม่นำโชค - นอกจากลูกถอยหลังยิงของ เอริค คันโตนา ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญถึงแล้ว ในนัดชิง เอฟเอ คัพ ปี 1996 ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือน ลิเวอร์พูล 1-0 สิ่งที่ยังติดตาใครหลายคนอยู่จนทุกวันนี้ก็คือสูท "อาร์มานี" สีครีมที่แข้ง "หงส์แดง" ใส่ก่อนลงสนาม ร็อบบี ฟาวเลอร์ เผยว่า "เป็นความคิดของ เดวิด เจมส์ ซึ่งก็ไม่มีใครคัดค้าน แถมเขายังเป็นนายแบบให้ อาร์มานี แต่แค่นี้พอนะ เพราะผมจะไม่บ้าทำอย่างอื่นตามเขาอีกแล้ว"
5.กางเกงลิง เฟรดริก ลุงเบิร์ก - มีนักเตะไม่กี่คนในโลกนี้ที่เบียดกับ เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้าของวงการฟุตบอลอังกฤษ ได้อย่างสูสีกับการถ่ายโฆษณากางเกงใน เขาคนนั้นก็คือ ลุงเบิร์ก อดีตปีกของ อาร์เซนอล ไม่ใช่ในเรื่องของขนาดแต่อย่างใด แต่หมายถึงความนิยมที่ทำให้ใครๆ ก็อยากใส่กางเกงใน "คาลวิน ไคล์น" กันเป็นทิวแถว
6.โสร่ง เดวิด เบ็คแฮม - กล้าไม่น้อยสำหรับ เบ็คแฮม ที่เมื่อครั้งนั้นยังค้าแข้งให้กับ แมนฯยู เพราะดันสวมโสร่งแถมจูงมือ วิคตอเรีย ให้บรรดาปาปารัซซีจับภาพได้ เพราะคงรู้ดีว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้านายใหญ่ น่าจะโกรธจนควนออกหู แต่ดูเหมือนว่าแฟชันครั้งนั้นของนักเตะที่มีอิทธิพลมากที่สุดโลกจะไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร
7.เสื้อโคต "อาร์มานี" - ปีแรกของ โฮเซ มูรินโญ ในการคุมทัพ เชลซี นอกจากสีหน้า, วาจากวนประสาท และ แชมป์พรีเมียร์ชิป สิ่งที่โดดเด่นเสมอยามลงคุมทัพข้างสนามก็คือการแต่งตัวที่ดูดีบ่งบอกถึงรสนิยม ที่ไม่เคยห่างกายเลยก็คือเสื้อ โอเวอร์โคต เพราะก่อนหน้านี้นั้นกุนซือมักจะเน้นใส่สูทหรือไม่ก็ชุดวอร์มมากกว่า
8.ทุกสิ่งคือแฟนชันและแฟนชันคือทุกสิ่ง - ฌิบริล ซิสเซ อดีตกองหน้า ลิเวอร์พูล ที่มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง แสดงให้เป็นว่าทุกสิ่งล้วนนำมาผสมผสานกับการแต่งตัวให้เป็นแฟชันได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนำผ้าเช็ดหน้ามาผูกกับกางเกง หรือว่าโซ่มาประดับสูทชุดหรู นอกจากนี้สิ่งที่เขากังวลก่อนลงสนามมีเพียงอย่างเดียวคือทรงผม
9.ผิวสีแทนของ โรนัลโด - เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้วอุปกรณ์ข้างกาย คริสเตียโน โรนัลโด ปีกจังหวะนรกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเพียง ไม้ค้ำยัน, สร้อยไม้กางเขน, กางเกงขาสั้นจุดจู๋ และ แว่นกันแดด จากนั้นก็นอนตะบี้ตะบันอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน ทั้งที่การไปเล่นน้ำกับสาวๆ ที่นุ่งบิกินีตัวจิ๋วน่าจะสนุกกว่าเป็นไหนๆ
10.แข้ง "อัซซูรี" กับปราการด่านสุดท้ายของท่านชาย ยี่ห้อ "ดอลเช แอนด์ แกบบานา" - เบ็คแฮม และ ลุงเบิร์ก ยึดพื้นที่บิลบอร์ดทั่วทั้งเกาะอังกฤษ โดยมีปราการด่านสุดท้ายปิดกายไว้เพียงชิ้เดียว ภายใต้โฆษณาของ อาร์มานี และ คาลวิน ไคล์น แต่ที่อิตาลี ไม่มีใครจะมาเด่นเกินบรรดานักเตะทีมชาติ ที่นำทัพโดย เจนนาโร กัตตูโซ, ฟาบิโอ คันนาวาโร และ จิอันลูกา ซามบร็อตตา ที่ยืนโชว์หุ่นภายใต้แบรด์ดังอย่าง "ดี แอนด จี" กันหน้าสลอน