xs
xsm
sm
md
lg

บอลไทย ตกลงรู้กติกากันไหม / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปชมการแข่งขันฟุตบอล ไทย พรีเมียร์ ลีก 2009 นัดที่ 12 ระหว่าง Bangkok United กับ บางกอกกล๊าส ที่สนามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ซึ่งผลจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 แต้ม ทั้งๆที่ทีมที่น่าจะได้รับชัยชนะในนัดนี้คือ Bangkok United แต่ด้วยทั้งผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่ทันเกม ตาถั่ว และไม่แม่นกติกา ส่งผลให้มีการประท้วงด้วยพฤติกรรมที่ไม่สมควรหลายอย่าง จนเป็นเหตุให้ถูกลงโทษ โดยเฉพาะจากกรณีที่แฟนบอลของ Bangkok United ขว้างปาขวดน้ำไปยังผู้ตัดสินขณะที่กำลังเดินกลับไปยังห้องพัก ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล ไทยพรีเมียร์ลีก จึงมีมติปรับเงินสโมสรดังกล่าวเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท

การแข่งขันนัดนี้ บางกอกกล๊าส ทีมที่ยังไม่เคยแพ้ใครในฤดูกาลนี้ และขึ้นมาจับจองตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ แต่ต้องหล่นลงไปอยู่อันดับ 2 ชั่วคราว เพราะก่อนหน้านั้น แมตช์วันเสาร์ เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกไปถล่ม ชลบุรี เอฟซี เละคาบ้านที่สนามเทศบาลตำบลหนองปรือ 5-2 ทำให้มีคะแนนเท่ากับ บางกอกกล๊าส แต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า จึงได้รั้งจ่าฝูงชั่วคราว ส่วน Bangkok United ซึ่งรั้งอันดับ 10 ก็ประกาศจะเป็นทีมแรกที่ยัดเยียดความปราชัยให้ บางกอกกล๊าส

เกมการแข่งขันก็เป็นไปอย่างพื้นๆ บางกอกกล๊าส เล่นไม่ค่อยโดดเด่นนัก แถมทำทะเล่อทะล่า ครึ่งหลังนาทีที่ 66 กลับเสียประตูไปก่อน แม้ว่าจะได้บอลบุกขึ้นมาทางซ้ายใกล้มุมธง ซึ่งมีกองหลังของ Bangkok United ลงมาแพ็คเกมแน่นไปหมด มองไม่เห็นโอกาสผ่านบอลให้เพื่อนที่ยืนอยู่ด้านในบริเวณริมกรอบ 18 หลา ซึ่งตอนนั้น เพื่อนอีกคนก็ขึ้นมาเติมทางริมเส้นด้านซ้ายยืนโล่งๆอยู่ ถ้าส่งบอลย้อนไปให้ หมอนี่ได้โยนไปหน้าประตูแน่นอน แต่กลับเลือกยัดบอลให้เพื่อนที่โดนประกบอยู่ เรียบร้อยครับ Bangkok United ตัดบอลไปได้ และรุกสวนกลับเร็ว โดย ศุภเสกข์ ไก่แก้ว พาบอลขึ้นมาทางขวานั่นแหละ คราวนี้ผู้เล่น บางกอกกล๊าส โกยกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ยังไงก็ไม่ทัน ศุภเสกข์ ผ่านบอลมาให้ วุฒิพันธ์ พันธะลี ที่เติมขึ้นมาทางซ้าย ได้บอลโล่งๆ จับหนึ่งจังหวะแล้วซัดด้วยซ้าย Bangkok United ขึ้นนำ 1-0 และรักษาสกอร์นี้ไปจนช่วงท้ายเกม งานนี้ บางกอกกล๊าส ส่อแววแพ้เป็นนัดแรกจริงๆ

แต่นาทีที่ 88 บางกอกกล๊าส ได้ลูกฟรีคิคทางด้านขวา ศุภชัย คมศิลป์ โยนบอลมาหน้าประตู วีระ เกิดพุดซา ผู้รักษาประตูของ Bangkok United กระโดดขึ้นคว้าบอล แต่ถูก นันทวัฒน์ แทนโสภา ของ บางกอกกล๊าส ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้ากระโดดขึ้นพร้อมๆกับ วีระ ทำให้ วีระ รับพลาด บอลหลุดมาเข้าหัว อำนาจ แก้วเขียว ของ บางกอกกล๊าส โหม่งเข้าไป เป็นประตูตีเสมอ ทำให้ บางกอกกล๊าส รอดตายหวุดหวิด

การเสียประตูดังกล่าว ทำให้ วีระ เกิดพุดซา ไม่พอใจการตัดสินของกรรมการที่ไม่ให้เป็นลูกฟาวล์ กลับให้ บางกอกกล๊าส ได้ประตูอย่างใสสะอาด จึงประท้วงด้วยการถอดเสื้อตนเองขว้างทิ้ง จนโดนใบเหลือง แถม สมชาย ทรัพย์เพิ่ม หัวหน้าผู้ฝึกสอน ออกมาสั่งผู้เล่น วอล์ค เอาท์ ซึ่งกว่าจะกลับมาเล่นกันต่อก็ต้องเสียเวลาไปร่วม 10 นาที

จังหวะการทำประตูของ บางกอกกล๊าส หลายฝ่ายออกมาให้เหตุผลกันแตกต่างกัน สรุปได้อย่างนี้ครับ สมชาย ทรัพย์เพิ่ม บอกว่า กองหน้าของ บางกอกกล๊าส เข้าชาร์จผู้รักษาประตูในเขต 6 หลาเป็นการทำผิดกติกาชัดๆ แต่ผู้ตัดสินไม่เป่า ทางผู้ตัดสินก็ยืนยันว่า ไม่มีการกระทบกระทั่งกันเลย เป็นการเล่นอย่างใสสะอาด ในขณะที่ วีระ เกิดพุดซา ยืนยันว่า ผู้เล่นของ บางกอกกล๊าส ใช้แขนเหวี่ยงกลับหลังมาโดนเขา จะทำอย่างไรครับ ใครผิดใครถูก กลับคำตัดสินก็ไม่ได้ด้วย กองเชียร์ทาง Bangkok United ก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับการเสียประตูลูกนั้น

ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า สิ่งที่ผมเห็นมันเป็นเช่นไร มันเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติจริงๆครับ ผมเห็น นันทวัฒน์ แทนโสภา กระโดดขึ้นทำทีจะโหม่งบอลเข้าประตู แต่กระโดดยังไงก็ไม่ถึงเพราะบอลมาสูงกว่านั้น เส้นทางบอลตรงมาเข้ามือผู้รักษาประตูพอดี แต่ในขณะที่กระโดด นันทวัฒน์ ได้ชูแขนซ้ายขึ้นบังบอลไว้ด้วย ตรงนี้ผู้ตัดสินหรือผู้ช่วยผู้ตัดสินก็น่าจะเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่ามือหรือแขนของ นันทวัฒน์ จะไม่โดนบอล แต่ผู้ตัดสินมัวแต่ไปจับจ้องเพียงแค่มีการชาร์จผู้รักษาประตูหรือไม่เท่านั้น ซึ่งผมก็ยืนยันว่า ไม่มีการชาร์จ แต่การยกแขนขึ้นบัง ผิดกติกาอย่างแน่นอน

ในกติกา ( Laws of the Game ) ของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ที่มีการปรับปรุงแก้ไขในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีที่ เพิร์ธเชอร์ ( Perthshire ) ประเทศสก็อทแลนด์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2008 และประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปีเดียวกัน มันมีอยู่ประการหนึ่งในหมวด 12 ว่าด้วยการทำฟาวล์ และ การทำผิด โดยเฉพาะต่อผู้รักษาประตู เขาบอกว่า “ It is an offence to restrict the movement of the goalkeeper by unfairly impeding him ” ซึ่งหมายความว่า การจำกัดการเคลื่อนไหวของผู้รักษาประตูโดยการขัดขวางอย่างไม่ถูกต้อง ใสสะอาด ยุติธรรมนั้น ถือว่า ผิดกติกา อันนี้ถ้า นันทวัฒน์ กระโดดขึ้นใช้หัวโหม่งบอลเข้าประตูไป จะเป็นการขัดขวางอย่าง fairly คือใสสะอาด แต่ นันทวัฒน์ ไม่มีสิทธิใช้มือหรือแขนเล่นบอล ดังนั้น การชูมือขึ้นบังบอล เป็นการใช้ส่วนที่ผิดกติกามาขัดขวาง เป็น unfairly คือไม่ใสสะอาดครับ

ดังนั้น จังหวะดังกล่าวเป็นการทำผิดกติกา ไม่น่าได้ประตู แต่ไม่ใช่การใช้มือฟาดผู้รักษาประตู และก็ไม่ใช่เพราะการเข้าชาร์จผู้รักษาประตูในเขต 6 หลา แต่เป็นเพราะมีการยกมือขึ้นขวางบอลต่างหาก ถ้าการกระทำดังกล่าวไม่ผิดกติกา ป่านนี้เราคงเห็นบอลฝรั่ง เวลามีลูกเตะมุม บรรดากองหน้าต่างกรูกันกระโดดชูมือบังผู้รักษาประตูกันเป็นฝักถั่วแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น