“กองเชียร์ไทยลีก” เมล็ดพันธุ์แห่งความศรัทธา

วงการลูกหนังไทยปี 2009 นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นอย่างแท้จริง หลังจาก สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ สโมสรทั้ง 16 ทีมที่เดินหน้ายกมาตรฐานของตนเองอย่างเต็มที่ ความกระตือรือร้นของนักฟุตบอล และที่ขาดไม่ได้คือความตื่นตัวของเหล่ากองเชียร์อันเป็นปัจจัยเสริมแต่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญยิ่ง สำหรับการสร้างสีสันและมูลค่าให้กับลีกฟุตบอลอาชีพของเมืองไทย

สำหรับภาพของแฟนบอลไทยในสนามลูกหนังอาชีพ ณ ห้วงเวลานี้แม้ว่าจะยังไม่สามารถเปรียบความยิ่งใหญ่ได้ถัดเทียมกับวงการลูกหนังยุโรป แต่จำนวนใจที่เหล่ากองเชียร์ของแต่ละทีมในไทยพรีเมียร์ลีกมอบให้นั้นถือเป็นรากฐานสำคัญของลีกอาชีพ และสโมสรที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นแบบของแฟนคลับลูกหนังเกรดเอของเมืองไทยนั้นเห็นจะหนีไม้พ้น “ชลบุรี เอฟซี” ที่มีลีลาการเชียร์เป็นแบบฉบับของตนเอง ตลอดจนมีสาวกเรือนหมื่นแห่กันเข้าชมเกมนัดเหย้าเต็มความจุ ขณะที่นัดเยือนก็ขนกองทัพ “ฉลามชล” ไปข่มขวัญทีมเจ้าบ้านไม่ต่ำ กว่าหลักพัน

โดย “หน่อง ฉลามกรุง” รองประธานแฟนคลับของทีมผันตัวมาเป็นหัวหน้ากองเชียร์ที่อยู่ในกรุงเทพฯ คอยดูแลเรื่องการจัดหารถตู้สำหรับเดินทาง วางแผนกับคณะยามออกไปเชียร์ในต่างจังหวัด ซึ่งนอกจากดูบอลแล้วยังพาไปเที่ยวในจังหวัดที่ไปเยือน และมีการนัดแข่งฟุตบอลระหว่างแฟนคลับทั้งสองทีมเพื่อสานสัมพันธ์กันก่อนเชียร์ทีมโปรด

ซึ่งวิธีการดังกล่าวกลายเป็นต้นแบบให้กับหลายทีมโดยเฉพาะ “ราชนาวี ระยอง”ทีมน้องใหม่ที่เพิ่งขึ้นมาโรมรันในไทยพรีเมียร์ลีก 2009 เพราะหลังจากโยกไปใช้สนามกีฬาจังหวัดระยอง ปรากฏว่ามียอดแฟนบอลเฉลี่ยนัดละ 5,000 คนในแมตช์ที่เล่นเป็นทีมเหย้าจากคำบอกเล่าของ ศิวัช ขนบธรรมกุล ประธานแฟนคลับ “ม้ามังกร” ฝั่งระยอง และ นาวาตรีวิกรม ทองสุข ประธานสาวกฝ่ายราชนาวี เนื่องจากคนในจังหวัดตื่นตัวกับการมีทีมในลีกสูงสุดให้เชียร์ และ “ระยอง เอฟซี” ที่เป็นสโมสรท้องถิ่นก็อยู่เพียงดิวิชัน 2

ทั้ง 3 คนยังพูดถึงการประสานงานของแฟนคลับเวลาออกไปเป็นทีมเยือนให้ MGR Sport ได้ทราบอีกด้วยว่า “ก่อนแข่งเราจะประชาสัมพันธ์ทั้งในเว็บไซต์ Navyrayong.com และวิทยุชุมชนคลื่น 103.75 ใครที่รู้ข่าวสารก็จะบอกต่อๆ กันไป แต่ส่วนใหญ่แฟนคลับจะพบปะกันเป็นประจำอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในการรวมตัว กรณีเล่นเป็นทีมเยือนแฟนคลับก็จะหารถเช่ารถกันเอง ไม่รบกวนสโมสร เพราะเราทำกันด้วยใจ ค่าใช้จ่ายต่อคนก็ 200 บาทสำหรับรถธรรมดา และ 250 บาทสำหรับรถปรับอากาศ ซึ่งราคานี้รวมค่าตั๋วแล้ว ส่วนใหญ่จะตามมาเชียร์ราว 200 คน ถ้าเตะวันอาทิตย์ก็จะมากขึ้นมาอีก ซึ่งแฟนบอลชาวระยองให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”

ขณะที่ในกรุงเทพฯ เองก็มีสาวกคอยให้กำลังใจเช่นกัน แม้ปริมาณจะสู้ไม่ได้แต่ในด้านคุณภาพถือว่าไม่เป็นรอง ยกตัวอย่างเช่น “บีอีซี เทโรศาสน” ซึ่งจากการสอบถาม พีระพล พรหมวิชัย หรือ “เจี๊ยบ หัวเหม่ง” ประธานแฟนคลับ “อูลตรา ไฟร์ดรากอนส์” ได้เล่าถึงการก่อตัวของกลุ่มเชียร์ “อุลตราฯ” ว่า

“จริงๆ แฟนบอลเทโรฯ มีอยู่ไม่น้อย แต่คนทั่วไปติดที่ภาพลักษณ์องค์กรบีอีซีทำให้รู้สึกว่าเข้าไม่ถึง กระทั่งปีที่แล้วกระแสไทยลีกเริ่มบูมหลายคนก็แสดงตัวมากขึ้น จนปีนี้มีคนดูเข้าสนามหนองจอก (บ้านเทโรฯ) 2,000-3,000 คนซึ่งเราหวังให้ทีมเป็นของคนหนองจอกด้วยโดยก่อนแข่งแต่ละสัปดาห์ก็จะมีการนัดแฟนคลับอีกฝ่ายเตะบอลกระชับมิตร ระหว่างแข่งก็มีของที่ระลึกมาแลกกันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กลุ่มคนรักบอลไทย ส่วนแฟนคลับเราก็ทำหนังสือโปรแกรมกันเอง เขียนกันเอง ตีพิมพ์เอง แล้วนำมาจำหน่ายเล่มละ 20 บาท เพื่อหาเงินเข้ากองทุนแฟนคลับ แม้จะได้กำไรน้อยและยังต้องลงขันกันเพิ่มอีก แต่เราก็เต็มใจ”

ไม่เพียงแต่คอบอลหนุ่มๆ แล้ว สังเวียนแข่งขันไทยลีกที่ต่างๆ ยังมีกองเชียร์สาวๆ เข้าไปแต่งแต้มสีสันดังเช่นกลุ่ม “แร็บบิท เกิร์ลส” ของ “บางกอกกล๊าส เอฟซี” ซึ่งกลายเป็นดอกไม้งามที่ส่งกลิ่นเลื่องลือไปทั้งวงการ

โดยทีมข่าว MGR Sport ได้พูดคุยกับ กระต่ายสาวรายหนึ่ง “เอ็ม” วรณัน ลีลาฤทธิ์ เธอว่า “เราเป็นพนักงานประจำของ บางกอกกล๊าส อยู่แล้วจึงรวมตัวกันมาเชียร์ ซึ่งหลายคนที่เป็นเลขาฯ, ฝ่ายการตลาด, โอเปอเรเตอร์ ก็หน้าตาน่ารักกันอยู่แล้ว (หัวเราะ) แต่ละนัดเราก็ประสานงานกับกองเชียร์ที่เป็นพนักงานด้วยกันเพื่อมาร่วมเชียร์ สำหรับกลุ่มเราถ้าใครว่างหรือไม่ติดธุระก็จะรวมตัวที่สนาม”

ทั้งหมดนี้คือสีสันบางส่วนของแฟนบอลในไทยพรีเมียร์ลีก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ลงสนามแข่ง แต่เสียงเชียร์ของคนเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญสำหรับผลงานของทีม และแม้จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตามสิ่งที่คนไทยหัวใจลูกหนังเหล่านี้ได้ร่วมกันทำคือการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความศรัทธาลงไปในสังคมลูกหนังไทยอันเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้มูลค่าของไทยพรีเมียร์ลีกในวันนี้ กลายเป็นไทยพรีเมียร์ลีกในวันหน้าที่สร้างนักฟุตบอลเชื้อสายไทยระดับคุณภาพขึ้นมาประดับวงการ