ชัยชนะของโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ที่เอาชนะ ราฟาเอล นาดาล บนคอร์ตดินรายการ มาดริด มาสเตอร์ส และนับเป็นชัยชนะครั้งแรกในรอบ 5 แมตช์หลังสุดเหนือ "เอล มาทาดอร์" ส่งผลให้ การแข่งขันเฟรนช์โอเพ่น 2009 ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม – 7 มิถุนายน จะกลายเป็นสังเวียนชิงชัย ของสองนักเทนนิสที่เป็นคู่ปรับแห่งทศวรรษ ขณะที่ฝ่ายหญิงนั้น ดินารา ซาฟิน่า ในฐานะมือหนึ่งโลกคนใหม่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งด้วยแชมป์แกรนด์สแลม
นี่คือการแข่งขันครั้งที่ 108 ของสแลมบนคอร์ตดินที่ได้ชื่อว่ามีลักษณะเฉพาะตัวและเป็นสนามที่นักเทนนิสมือหนึ่งของโลกในอดีตหลายรายไม่ว่าจะเป็น อีวาน แลนเดิล จอห์น แมคเอนโร หรือ พีต แซมพราส ไม่เคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์แม้เพียงสักครั้งเดียว ขณะที่อดีตมือหนึ่งของโลกอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นั้นทำผลงานดีที่สุดด้วยตำแหน่งรองแชมป์ 3 สมัย และสำหรับศึกบนคอร์ตดินครั้งนี้ เฟด-เอ็กซ์ มั่นใจว่านี่คือเวลาเหมาะสมที่สุดที่จะทำสถิติ 14 สแลมเพื่อเทียบกับ พีต แซมพราส โดยให้สัมภาษณ์ก่อนลงสนามว่า"ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าผมขาดความมั่นใจแต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทางหลังเป็นแชมป์ที่ มาดริด ดังนั้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าตนเองมีดีพอจะเป็นแชมป์เฟรนช์ โอเพน สมัยแรก”
ด้าน นาดาล เริ่มมีอาการเจ็บเข่าอีกครั้งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ดีกรีชนะรวด 28 แมตช์ในเฟรนช์ โอเพนและเป็นแชมป์เก่า 4 สมัยยังการันตีความเป็น "คิง ออฟ เคลย์" ขณะที่ความพ่ายแพ้ต่อ "เฟดเอ็กซ์" ที่กรุงมาดริด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนไม่มีผลกระทบต่อความมั่นใจของ นาดาล มากนักเมื่อเขาออกมากล่าวว่า "คอร์ตดินที่มาดริดค่อนข้างเร็วหากเราพบกันอีกที่ปารีสรูปเกมจะแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน เพราะที่นั่นพื้นสนามช้าและหนืดกว่าซึ่งเหมาะกับเกมการเล่นของผม"
นอกจาก นาดาล และ เฟเดอเรอร์ ซึ่งผูกขาดรอบชิงชนะเลิศสแลมคอร์ตดินมา 3 ปีติดต่อกันแล้ว "โนเล" โนวัค ยอโควิช มือ 4 ของโลกชาวเซอร์เบียมีผลงานในรายการนี้ยอดเยี่ยมที่สุดจากการเข้าถึงรอบตัดเชือกสองปีล่าสุด ทว่าต้องพ่ายให้กับ นาดาล ทั้งสองครั้ง แต่ฤดูกาลนี้ "เจ้าจ็อกเกอร์" ออกสตาร์ทได้ดีกับแชมป์ที่ ดูไบ และ เบลเกรด เป็นรองแชมป์ระดับ มาสเตอร์ส ถึง 2 รายการโดย 2 รายการนั้นแพ้ให้กับ นาดาล จึงเป็นเรื่องน่าคิดว่าหากมือ 1 โลกชาวสเปนพลาดท่าตกรอบไปก่อนก็ไม่แน่ว่า ยอโควิช อาจบันทึก เฟรนช์ โอเพน 2009 เป็นสแลมที่ 2 ในชีวิตต่อจากออสเตรเลียน โอเพ่น 2008ก็เป็นได้
ข้ามมาที่ฝั่งหญิงคนที่สื่อจับตามองบนคอร์ตดินครั้งนี้มากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นนักเทนนิสหญิงหมายเลขหนึ่งของโลก ดินารา ซาฟิน่า ที่ก่อนหน้านี้ถูกเพื่อนร่วมวงการอย่าง เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ เปรยผ่านสื่อในทำนองที่ไม่ค่อยจะยอมรับนัก ทำให้การแข่งขันเฟรนช์โอเพ่น ในครั้งนี้ ซาฟิน่า ต้องพยายามไปถึงรอบชิงชนะเลิศ เพื่อลบคำสบประมาทตลอดช่วงระยะเวลา 5 สัปดาห์ที่ผ่านมาให้ได้
ส่วนมาเรีย ชาราโปว่า ผู้เป็นจุดขายและมีแฟนเทนนิสรอชมฝีมือของเธอมากที่สุด ล่าสุดนางฟ้าประจำคอร์ตต้องพ่ายแพ้ให้กับ อโลนา บอนดาเรนโก ตกรอบ 8 คนสุดท้าย วอร์ซอว์ โอเพน ซึ่งเจ้าตัวที่ยังคงมีพลาสเตอร์บรรเทาอาการปวดอยู่ที่หัวไหล่ กล่าวถึงผลงานอันน่าผิดหวังของตนเองว่า “การกลับมาลงแข่งขันอย่างเป็นทางการถือเป็นเรื่องน่าดีใจที่สุดแล้วสำหรับคนที่บาดเจ็บไปนาน ส่วนตัวไม่ได้ตั้งความหวังใน เฟรนช์ โอเพน เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ฉันสามารถตั้งความหวังอะไรได้”
ขณะสาวสวยอีกคนอย่าง อนา อิวาโนวิช “แชมป์เก่า” โชคร้ายได้รับบาดเจ็บเข่าเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและเพิ่งลงซ้อมได้ไม่กี่วันก่อนที่ เฟรนช์ โอเพน อาจส่งผลให้โอกาสที่สาวเซิร์บจะชูถ้วยแชมป์ “กูป ซูซาน ลองจ์ลอง” อีกครั้งในปีนี้ริบหรี่เต็มที
สำหรับนักเทนนิสไทยที่ลงสนามในครั้งนี้ ต้องเอาใจช่วย “แทมมี”แทมมารีน ธนสุกาญจน์ มือ 51 ของโลกที่โดยรอบแรก แทมมี จะดวลกับ คามิล แปง หวดสาวเจ้าถิ่นและมีโอกาสเข้าไปพบ อิวาโนวิช ในรอบสอง
ทั้งนี้ระยะเวลาสองสัปดาห์ของ โรลังด์ การ์รอส นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเหล่านักหวดชั้นนำที่กำลังแข่งขันชิงความเป็นหนึ่งในวงการสักหลาดโลก โดย เฟเดอเรอร์ และ นาดาล หากใครคว้าแชมป์ได้โอกาสของการหนีห่างหรือไล่ล่าตำแหน่งมือหนึ่งของโลกกลับคืนมาก็มีอยู่สูง เช่นเดียวกับทางฝั่งหญิงที่ผลงานในรายการนี้มีความสำคัญต่อการ “ฟื้นคืนชีพ” ไม่ว่าจะเป็น ชาราโปว่า หรือ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ ขณะที่ ซาฟิน่า เอง ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เฟรนช์ โอเพ่น จะเป็นใบรับรองความสำเร็จชั้นดีของเธอในฐานะ“มือ 1 ของโลก” เช่นกัน
