แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะลุ้นเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ได้สำเร็จ โดย บาร์เซโลนา จะเป็นผู้ให้คำตอบในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ที่กรุงโรม แต่เหนืออื่นใดถือเป็น 5 ฤดูกาลติดต่อกันแล้วที่ทีมจากอังกฤษ หลุดเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ ซึ่งแสดงให้เป็นถึงศักยภาพของ พรีเมียร์ชิป ได้อย่างชัดเจน จนมีคำถามว่าใครจะมาไล่ล่า "บิ๊กโฟร์" จากเมืองผู้ดีบนเวทียุโรป ลองมาดูกันว่าลีกอื่นๆ จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนในปีหน้า
1.ลา ลีกา สเปน
ลีกแดนกระทิงดุน่าจะขึ้นมาต่อกรกับบรรดาสโมสรจาก พรีเมียร์ชิป ได้อย่างสูสีในปีหน้า นำโดยหัวเรือใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา อดีตแชมป์ฤดูกาล 2005-06 ซึ่งเข้าชิงหนที่ 2 ในรอบ 4 ครั้งหลังสุด ดูแล้วสถานการณ์ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลันไม่น่าเป็นห่วง แต่จะต้องรั้งนักเตะอย่าง เธียร์รี อองรี และ ซามูเอล เอโต ไว้กับทีมต่อไปให้ได้ หรือไม่ก็หาตัวแทนที่สมน้ำสมเนื้ออย่าง ดาวิด ซิลบา หรือ ดาวิด บีญา
ส่วน รีล มาดริด เงินไม่ใช่ปัญหาหากจะหว่านเพื่อทวงตำแหน่ง "คิงส์ ออฟ ยุโรป" กลับมาอีกครั้ง เพราะคือทีมที่มีรายได้มากที่สุดในฤดูกาล 2007-08 มากกว่า แมนฯยู ที่คว้าดับเบิลแชมป์ อีกทั้งชื่อเสียงบารมีที่สั่งสมมาที่ยังสามารถล่อตาล่อใจนักเตะระดับโลก อย่าง ฟรองค์ ริเบรี ของ บาเยิร์น มิวนิค และ คริสเตียโน โรนัลโด ของ "ผีแดง" ได้สบาย
รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่อดีตแชมป์ยุโรปสูงสุด 9 สมัยจะกลับคืนสู่ยุค "กาแลคติกอส" ครองโลกอีกครั้ง หาก ฟลอเรนติโน เปเรซ ที่เคยกว้านซื้อแข้งระดับโลกอย่าง โรนัลโด, ซีเนอดีน ซีดาน และ หลุยส์ ฟิโก หวนคืนเก้าอี้ประธานสโมสรอีกคำรบในช่วงซัมเมอร์นี้
2.กัลโช เซเรีย อา อิตาลี
คดีล้มบอลที่อื้อฉาวที่สุดในวงการฟุตบอลเมืองมะกะโรนีเมื่อ 2 ปีก่อนส่งผลกระทบอย่างชัดเจน เพราะ แชมเปียนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายฤดูกาลนี้ไม่มีชื่อของทีมจาก อิตาลี หลุดเข้ามาเลย ต่างจากปี 2003, 2005 และ 2006 ที่มีมากที่สุดถึง 3 ทีม แต่ทว่าปีหน้า เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส น่าจะกลับมาได้แบบพร้อมหน้าพร้อมตา
อินเตอร์ น่าจับตามองมากที่สุด ปีที่แล้ว โฮเซ มูรินโญ มีเวลาตบแต่งทัพน้อยเกินไป ระยะเวลาผ่านไป 1 ปีนายใหญ่ฝีปากกล้าชาวโปรตุกีสรู้จักทัพ "เนรัซซูรี" มากขึ้น อีกทั้งยังมีเป้าหมายหลักอยู่ที่ แชมเปียนส์ ลีก นำโดย ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าสวีดิช ที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกเหมือนกัน
มิลาน ที่เคยยำใหญ่ แมนฯยู 3-0 มาแล้ว น่าสนใจกับนักเตะที่มี กากา, โรนัลดินโญ และ อันเดรีย ปิร์โล แต่ทว่าต้องจับตามองในตำแหน่งกุนซือว่าจะเป็น คาร์โล อันเชล็อตติ คนเดิมหรือไม่ แต่ ยูเวนตุส น่าจะลุ้นยาก เคลาดิโอ รานิเอรี พร้อมถูกเด้งทุกเมื่อ แถมวัยที่ร่วงโรยของ อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร รวมถึงการแขวนสตั๊ดของ พาเวล เนดเวด
เรื่องเงินทีมอย่าง มิลาน, โรมา และ อินเตอร์ ถือว่าติดท็อปเท็นรายได้สูงสุดปีล่าสุด แต่ อัลเบอร์โต คอสตา หัวหน้านักข่าวกีฬาของ "Corriere Della Sera" มองว่า "เหตุผลง่ายๆ ทำไม พรีเมียร์ชิป นำหน้า กัลโชฯ ก็คือเงิน พวกเขารู้ดีว่าจะนำเสนอตัวเองอย่างไรในเรื่องการตลาดทั้งในอังกฤษและทั่วโลก แต่กับ อิตาลี ไม่เป็นเช่นนั้น"
3.พรีเมียร์รัสเซีย / บุนเดสลีกา เยอรมัน
เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก อดีตแชมป์ ยูฟา คัพ ได้รับการจับตามองว่าจะเขย่าเวที แชมเปียนส์ ลีก ในปีนี้ แต่ทว่าโชคร้ายถูกวางให้อยู่ในสายแข็งร่วมกับ รีล มาดริด และ ยูเวนตุส จึงต้องหยุดเส้นทางไว้แค่นั้น อย่างไรก็ทีมมีเงินทุนไม่อั้นจากการสนับสนุนของ "Gazprom" บริษัทก๊าซธรรมชาติหนึ่งในสามแห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ทุ่ม 30 ล้านยูโร (ประมาณ 1,400 ล้านบาท) ซื้อ แดนนี อัลเวส ตัวเดินเกมโปรตุกีส แม้จะเสีย อังเดร อาร์ชาวิน ไปแล้ว รวมถึง โรมัน พาฟลูเชนโก ที่ส่อแววโบกมือลา แต่ก็น่าจะได้คนอื่นมาเสริมทัพ
อีกทั้ง สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป เปลี่ยนกฎให้ลีกยุโรปเช่น พรีเมียร์ชิป อันดับ 1-3 เข้ารอบแบ่งกลุ่มไปเลย ยิ่งทำให้ทีมรัสเซียนอกจาก เซนิต ก็มี ซีเอสเคเอ มอสโก, รูบิน คาซาน และ เอฟซี มอสโก ยิ่งมีโอกาสเข้ารอบมากขึ้นไปอีกด้วย หากไม่โชคร้ายเจอกับ อาร์เซนอล ที่ 4 จากอังกฤษ เสียก่อน
ไม่ว่าใครจะคว้าถาด บุนเดสลีกา ในปีนี้ บาเยิร์น มิวนิค ยังเป็นความหวังเดียวที่ดูจะฝากผีฝากไข้ได้มากที่สุด "เสือใต้" ถล่ม สปอร์ติง ลิสบอน ด้วยประตูรวม 12-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่วัดอะไรไม่ได้เลยเมื่อต้องเข้าไปเสียท่าให้กับ บาร์เซโลนา ทำให้เห็นมาตรฐานที่แตกต่างอย่างชัดเจน "เสือใต้" กำลังต้องการความสำเร็จ ทำให้คาดว่าจะควักเงินเป็นสถิติอีกครั้ง แต่ว่าจะต้องรั้ง ฟรองค์ ริเบรี ปีกทีมชาติฝรั่งเศส เอาไว้ให้ได้ก่อน เพราะเงินสำหรับพวกเขาเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วสำหรับทีมที่มีรายได้มากเป็นอันดับ 4
ลีกแต่ละประเทศล้วนมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง อยู่ที่ว่าใครจะงัดออกมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด เพราะ พรีเมียร์ชิป คงไม่สามารถยืนระยะแบบนี้ได้ตลอดไป อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือตาเพชรของ อาร์เซนอล ก็ยอมรับตรงจุดนี้ เคยกล่าวเอาไว้ว่า "ทุกอย่างล้วนไม่มีคำว่าครั้งสุดท้ายตลอดไป สิ่งต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะอย่าลืมว่าเมื่อ 10 ปีก่อน อิตาลี และ สเปน ก็เคยครองความยิ่งใหญ่บนเวทียุโรปมาก่อนเหมือนกัน"