คอลัมน์ "The Golf Touch" โดย "วันปีย์ สัจจมาร์ค"
นักกอล์ฟเมืองไทยโชคดีเพราะมี “แคดดี้” คอยเสริมบารมีทุกรอบที่เล่น มาตรฐานสากลโดยทั่วไปแล้วการเล่นกอล์ฟเป็นสิ่งที่นักกอล์ฟต้องจัดการเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะแบกหรือลากถุง ทำความสะอาดไม้และลูกกอล์ฟ รวมทั้งดูระยะและไลน์ด้วยตัวเอง การมีบริการแคดดี้นั้นจะมีเฉพาะสนามชั้นนำ และในการแข่งขันระดับสูงเท่านั้น
คำว่า “แคดดี้” มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส คำว่า “le cadet” ซึ่งใช้กับลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว และยังเป็นรากศัพท์ของคำภาษาอังกฤษคำว่า คาเด็ด ( Cadet ) ที่ใช้เรียกนักเรียนทหารด้วย
เรื่องเล่าของวงการกอล์ฟกล่าวถึงสมเด็จพระราชินีแมรี่ของสกอตแลนด์ ซึ่งทรงโปรดกอล์ฟเป็นอย่างมาก และได้ใช้นักเรียนทหารมาเป็นผู้ช่วยถืออุปกรณ์ให้ในระหว่างการทรงกอล์ฟ และทรงได้เรียก คาเด็ด เหล่านี้ว่า “แคดดี้”
อาชีพแคดดี้มีภาพลักษณ์ที่เริ่มต้นเหมือนกันหมด คือผู้ถูกใช้งานและผู้ใช้แรงงาน แต่มาตรฐานที่ต่างกัน ทำให้ระดับรายได้ของพวกเขาแตกต่างกันมากเช่นกัน ในบ้านเรารายได้รวมทิปของแคดดี้น่าจะอยู่ที่ ระหว่าง 300 – 1,000 บาทต่อรอบ ขึ้นอยู่กับระดับของสนามกอล์ฟ แต่รายได้เฉลี่ยของแคดดี้ทั่วๆไปในสหรัฐอเมริกา น่าจะอยู่ที่ 35 – 60 เหรียญสหรัฐ (1,225 – 2,110 บาท) ต่อรอบ โดยยังไม่รวมทิป ในขณะที่จุดสูงสุดของอาชีพนี้ น่าจะเป็นทัวร์แคดดี้ ซึ่งถือถุงให้นักกอล์ฟอาชีพชั้นนำของโลก แน่นอนรายได้และความสามารถของพวกเขาก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย หลายคนมีพื้นเพเคยเป็นโปรกอล์ฟมาก่อนด้วยซ้ำไป
เมื่อปี 2005 สตีฟ วิลเลี่ยมส์ แคดดี้ของไทเกอร์ วูดส์ มีรายได้ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 49 ล้านบาท วิลเลี่ยมส์คือ แคดดี้ ที่มีรายได้อันดับ 1 ของโลก ซึ่งอาจจะได้มากกว่าคนอื่นๆรวมไปถึง สุดยอดทิปที่ ไทเกอร์ เคยให้ รถ ฟอร์ด จีที มูลค่า 140,000 เหรียญสหรัฐ หลังจากที่ เขาช่วยให้ ไทเกอร์ ชนะที่ Doral
ทัวร์แคดดี้ โดยทั่วไปมีรายได้ที่ขึ้นอยู่กับผลงานผู้เล่นของเขา หลักเกณฑ์ทั่วๆไปในการตกลงกันคือค่าตัว 1,000 เหรียญต่อสัปดาห์บวกกับ 5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้นักกอล์ฟถ้าตัดตัวผ่านในรายการนั้นๆ หรือ 7 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจบ 10 อันดับแรกของรายการนั้น หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าชนะการแข่งขัน
ถ้าท่านนักกอล์ฟประสงค์ที่จะเพิ่มรายได้ให้แคดดี้เมืองไทย สามารถให้โบนัสเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอด “ติดปลายนวม” โดยใช้มาตรฐานจากทัวร์ก็ได้นะครับ
นักกอล์ฟเมืองไทยโชคดีเพราะมี “แคดดี้” คอยเสริมบารมีทุกรอบที่เล่น มาตรฐานสากลโดยทั่วไปแล้วการเล่นกอล์ฟเป็นสิ่งที่นักกอล์ฟต้องจัดการเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะแบกหรือลากถุง ทำความสะอาดไม้และลูกกอล์ฟ รวมทั้งดูระยะและไลน์ด้วยตัวเอง การมีบริการแคดดี้นั้นจะมีเฉพาะสนามชั้นนำ และในการแข่งขันระดับสูงเท่านั้น
คำว่า “แคดดี้” มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส คำว่า “le cadet” ซึ่งใช้กับลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว และยังเป็นรากศัพท์ของคำภาษาอังกฤษคำว่า คาเด็ด ( Cadet ) ที่ใช้เรียกนักเรียนทหารด้วย
เรื่องเล่าของวงการกอล์ฟกล่าวถึงสมเด็จพระราชินีแมรี่ของสกอตแลนด์ ซึ่งทรงโปรดกอล์ฟเป็นอย่างมาก และได้ใช้นักเรียนทหารมาเป็นผู้ช่วยถืออุปกรณ์ให้ในระหว่างการทรงกอล์ฟ และทรงได้เรียก คาเด็ด เหล่านี้ว่า “แคดดี้”
อาชีพแคดดี้มีภาพลักษณ์ที่เริ่มต้นเหมือนกันหมด คือผู้ถูกใช้งานและผู้ใช้แรงงาน แต่มาตรฐานที่ต่างกัน ทำให้ระดับรายได้ของพวกเขาแตกต่างกันมากเช่นกัน ในบ้านเรารายได้รวมทิปของแคดดี้น่าจะอยู่ที่ ระหว่าง 300 – 1,000 บาทต่อรอบ ขึ้นอยู่กับระดับของสนามกอล์ฟ แต่รายได้เฉลี่ยของแคดดี้ทั่วๆไปในสหรัฐอเมริกา น่าจะอยู่ที่ 35 – 60 เหรียญสหรัฐ (1,225 – 2,110 บาท) ต่อรอบ โดยยังไม่รวมทิป ในขณะที่จุดสูงสุดของอาชีพนี้ น่าจะเป็นทัวร์แคดดี้ ซึ่งถือถุงให้นักกอล์ฟอาชีพชั้นนำของโลก แน่นอนรายได้และความสามารถของพวกเขาก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย หลายคนมีพื้นเพเคยเป็นโปรกอล์ฟมาก่อนด้วยซ้ำไป
เมื่อปี 2005 สตีฟ วิลเลี่ยมส์ แคดดี้ของไทเกอร์ วูดส์ มีรายได้ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 49 ล้านบาท วิลเลี่ยมส์คือ แคดดี้ ที่มีรายได้อันดับ 1 ของโลก ซึ่งอาจจะได้มากกว่าคนอื่นๆรวมไปถึง สุดยอดทิปที่ ไทเกอร์ เคยให้ รถ ฟอร์ด จีที มูลค่า 140,000 เหรียญสหรัฐ หลังจากที่ เขาช่วยให้ ไทเกอร์ ชนะที่ Doral
ทัวร์แคดดี้ โดยทั่วไปมีรายได้ที่ขึ้นอยู่กับผลงานผู้เล่นของเขา หลักเกณฑ์ทั่วๆไปในการตกลงกันคือค่าตัว 1,000 เหรียญต่อสัปดาห์บวกกับ 5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้นักกอล์ฟถ้าตัดตัวผ่านในรายการนั้นๆ หรือ 7 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจบ 10 อันดับแรกของรายการนั้น หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าชนะการแข่งขัน
ถ้าท่านนักกอล์ฟประสงค์ที่จะเพิ่มรายได้ให้แคดดี้เมืองไทย สามารถให้โบนัสเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอด “ติดปลายนวม” โดยใช้มาตรฐานจากทัวร์ก็ได้นะครับ