xs
xsm
sm
md
lg

จับตาม้ามืด "ไทยลีก 2009"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สโมสรฟุตบอลบางกอกกลาส เอฟซี
ท่ามกลางกระแสความคึกคักของศึกลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ที่ระเบิดศึกกันมาตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2552 หลายสโมสรผ่านการดวลแข้งมาแล้ว 8-9 นัด ทีมที่ได้รับการจับตาว่าจะเป็นทีมเต็งอย่าง บีอีซี เทโรศาสน หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แชมป์เก่า กลับไม่สามารถทำผลงานตามที่คาดกันไว้ ปล่อยให้หลายสโมสรที่แทบจะเรียกว่าอยู่นอกสายตาผุดขึ้นมาโชว์ผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "กระต่ายแก้ว" บางกอกกลาส เอฟซี ที่ผงาดรั้งเบอร์ 1 แบบไร้พ่ายในเวลานี้

บางกอกกลาส เอฟซี

ช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาข่าวร้ายของแฟนฟุตบอลสโมสร "วายุภักษ์" ธนาคารกรุงไทย สร้างความตกตะลึงวงการลูกหนังไทยพอสมควร เมื่อสโมสรเก่าแก่แห่งนี้จำเป็นต้องประกาศยุบทีม หลังไม่สามารถจดทะเบียนเป็นบริษัทได้ตามเงื่อนไขของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีกลุ่มทุนผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อย่าง "บางกอกกลาส" นำโดย ปวิณ ภิรมย์ภักดี เข้าเทคโอเวอร์ พร้อมส่งนักเตะชุดเดิมลงสนามไทยลีก 2009 ในนามสโมสร "กระต่ายแก้ว" บางกอกกลาส เอฟซี กลับประกาศศักดาด้วยการยึดตำแหน่งหัวตารางจากการแข่งขัน 9 นัด มี 21 คะแนน และไม่พบกับความพ่ายแพ้เลย

ซึ่ง ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้จัดการทีม "กระต่ายแก้ว" กล่าวถึงปัจจัยที่นำสโมสรฟุตบอลที่จบอันดับ 6 เมื่อฤดูกาลที่แล้วกลับมาสู่เส้นทางแห่งการลุ้นแชมป์ในเวลานี้ว่า "ต้องยอมรับว่าวันนี้ผู้เล่นของเรากว่า 80% มาจากธนาคารกรุงไทย เราต้องให้เครดิตผู้เล่นกลุ่มนี้ว่ามีฝีเท้าดี เพียงแต่เมื่อเกิดปัญหาความไม่แน่ใจในอนาคตของตัวเอง รวมถึงไม่มีแรงจูงใจ มันก็ยากที่จะทำผลงานดี แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างกัน นักเตะรู้ดีว่าเขาต้องเล่นเพื่อทีม เพราะทีมมีระบบการจัดการผู้เล่นและการบริหารที่ดี เพื่อพวกเขา และแฟนฟุตบอล"

โอสถสภา เอ็ม 150

สำหรับทีม "ห้างขายยา" โอสถสภา เอ็ม 150 ถือว่าสร้างผลงานเปรี้ยงปร้างไม่น้อย เมื่อเปิดฉากฤดูกาลด้วยการบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แชมป์เก่าถึงถิ่นอยุธยา แถมปัจจุบันยังรั้งตำแหน่งเบอร์ 3 ของลีกอย่างเหนียวแน่น ด้วยการมีคะแนนตามหลังจ่าฝูง 1 แต้มเท่านั้น โดย "ขงเบ้ง" อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ยอดโค้ชระดับมันสมองของวงการฟุตบอลไทย กล่าวถึงเคล็ดลับในการทำทีมว่า

"เราเน้นพัฒนาผู้เล่นระดับดาวรุ่ง ลูกทีมผมเฉลี่ยอายุน้อยพอสมควร ที่เราต้องเน้นเรื่องอายุเพราะต้องการทำทีมระยะยาว ผมให้ความสำคัญกับเรื่องทักษะความคิดของผู้เล่นมากกว่าความแข็งแกร่ง” นอกจากนี้กุนซือสมองเพชรกล่าวต่อด้วยว่า "เป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้เล่นอายุน้อยนั้นเล่นให้คงเส้นคงวา แต่เป้าหมายของทีมเราในระยะยาวผมต้องการให้ทีมทำผลงานดีกว่าฤดูกาลก่อนที่เราจบอันดับ 4 หากสถานการณ์ทุกอย่างเป็นใจ โอสถสภา ทีมนี้อาจจะติด 1 ใน 3 ก็เป็นได้"

การท่าเรือไทย เอฟซี

แม้ในปัจจุบันสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี จะรั้งอันดับ 8 ของตารางคะแนน ทว่าหากเทียบกับผลงานเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าจากสโมสรเก่าแก่แห่งนี้ต้องมาหนีตกชั้นจนถึงนัดสุดท้าย แตกต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง หาก "สิงห์เจ้าท่า" ที่แข่งขันไปเพียง 8 นัด สามารถเก็บ 3 คะแนนในนัดตกค้างกับ "เดอะ ฮันเตอร์" นครปฐม เอฟซี ได้จะส่งผลให้ทีมมีอันดับติดท็อป 5 ของตารางไทยลีก ซึ่ง "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ กุนซือ ทีมดังจากย่านคลองเตย กล่าวถึงการเข้ามาจัดการวางระบบของทีมใหม่ด้วยฝีมือของ พิเชษฐ์ มั่นคง ประธานสโมสรที่พร้อมสนับสนุนทีมในทุกๆ ด้าน

"ผมเข้ามาทำทีมในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังทีมออกเริ่มต้นฤดูกาลนี้ไปแล้ว ดังนั้นแผนงานต่างๆ ก็ถูกวางไว้เรียบร้อยโดยประธานสโมสร และโค้ชคนก่อน สิ่งที่ทำได้เวลานี้คือการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในทีมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเมื่อนำชื่อผู้เล่นของการท่าเรือฯ ไปเทียบกับทีมอื่นแล้วยังเป็นรอง แต่ทีมของเราเป็นทีมที่เล่นด้วยสปิริตและสู้ได้ทุกทีม ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นคือการเปิดโอกาสให้นักเตะได้เล่นเกมรุกตามที่สโมสรแห่งนี้ปลูกฝังมาตลอด แต่ที่ต้องคำนึงก็คือการเล่นเกมรุกอย่างไรไม่ให้เสียประตู เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไป ถึงทุกวันนี้จะบอกว่าพอใจคงไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าการนำทีมไปติดอันดับ 1 ใน 5 ได้ก็ถือว่าเราได้ก้าวมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว”

ถึงเวลานี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าทีมใดจะเข้าป้ายตำแหน่งแชมป์ไทยลีกฤดูกาลนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือหลายสโมสรที่เคยถูกมองข้ามช่วงก่อนเปิดฤดูกาลไม่ว่าจะเป็น บางกอกกลาส หรือ โอสถสภา รวมถึงการท่าเรือไทย ต่างก็พร้อมต่อกรกับมหาอำนาจลูกหนังในฤดูกาลก่อนชนิดเต็มภาคภูมิ
ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผู้จัดการทัพกระต่ายแก้ว
สโมสรฟุตบอลโอสถสภา เอ็ม 150
ขงเบ้ง อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ กุนซือสมองเพชรของ ห้างยา
สโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย เอฟซี
โค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงกับ สิงห์เจ้าท่า
กำลังโหลดความคิดเห็น