“ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ศูนย์หน้าทีมชาติไทย เบิกสกอร์แรกในการเล่นทีมชุดใหญ่ของ เค.ลีร์เซ ต้นสังกัดแห่งดิวิชัน 2 เบลเยียม ได้แล้ว พร้อมทั้งโชว์ฟอร์มพระเอกจ่ายอีก 2 ลูกในชัยชนะเหนือ ชาร์เลอรัว 3-2 พาทีมตีตั๋วเพลย์-ออฟลุ้น เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา เค.ลีร์เซ เปิดรังเฮอร์มัน ฟานเดอร์ปอร์เทน สตาดิโอน เฉือน ชาร์เลอรัว ทีมโซนล่างของตารางหวุดหวิด 3-2 โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การฉายแววโดดเด่นของ “ลีซอ” ซึ่งถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองหลังเกมผ่านไป 20 นาที
หลังจากได้รับโอกาส ดาวยิงวัย 24 ปีจากแดนสยาม ก็ไม่ทำให้ เฮอร์มัน แอลล์ปูตี กุนซือเค.ลีร์เซ ต้องผิดหวัง เมื่อวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายเสียบเสาแรกในครึ่งหลัง เป็นประตูแรกในทีมชุดใหญ่นับตั้งแต่ย้ายมา หลังจากกดไปแล้ว 2 เม็ดในทีมสำรอง รวมถึงทำทางให้เพื่อนร่วมทีมพังตาข่ายใน 2 ลูกที่เหลือ และเกือบสร้างความฮือฮาด้วยการซัดเกือบครึ่งสนามข้ามคานเพียงนิดเดียว
ภายหลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน อดีตดาวเตะบีอีซี เทโรศาสน ให้สัมภาษณ์ผ่านทาง ลีร์เซ ทีวี (Lierse TV) ว่า “การได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่นับโอกาสอันดีสำหรับนักเตะทุกคน ซึ่งวันนี้ถือว่าผมมีเวลาอยู่ในสนามมากขึ้น การลงมาเป็นตัวสำรองทำให้มีสภาพร่างกายที่สดกว่าคนที่ออกสตาร์ทตั้งแต่ต้นเกม จึงได้เปรียบพวกเขาเล็กน้อย”
“การทำประตูแรกได้ในทีมชุดใหญ่ คือ สิ่งที่ผมรอมานานนับตั้งแต่ลงสนามให้ ลีร์เซ หนแรกเมื่อเดือนมกราคม ผมหวังว่า จะได้ลงช่วยทีมมากกว่านี้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของโค้ช เพราะนี่คือวิถีทางของนักฟุตบอลอาชีพ ดังนั้น ผมจะตั้งใจฝึกซ้อม พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และยิงประตูให้ได้เมื่อมีโอกาส เมื่อนั้นทุกอย่างคงเป็นไปตามที่ผมคาดหวัง”
ลีซอ กล่าวต่อไปถึงความมุ่งมั่นในการค้าแข้งบนทวีปยุโรป ว่า “ผมไม่ได้ย้ายมาที่นี่ในฐานะนักท่องเที่ยว แต่ผมมาเพื่อเล่นฟุตบอลด้วยความตั้งใจว่าอยากประสบความสำเร็จ ดังนั้น ผมจึงต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำหน้าที่อย่างหนักในสนาม เพื่อมีโอกาสสอดแทรกเข้าไปอยู่ในทีมตัวจริงให้ได้ ซึ่งวันนี้ผมพอใจที่สามารถฉกฉวยโอกาสที่ได้รับและทำประตูให้ทีมได้”
สำหรับสถานการณ์ของ เค.ลีร์เซ ตอนนี้รั้งรองจ่าฝูง มีอยู่ 75 คะแนน ห่างจาก รอยัล อันท์เวิร์ป ทีมอันดับ 3 ถึง 17 คะแนน โดยเหลือโปรแกรมเพียง 1 นัดเท่านั้น เท่ากับว่าคว้าสิทธิ์ไปเล่นเพลย์-ออฟเลื่อนชั้นสู่ จูปิแลร์ ลีก แล้ว ซึ่งต้นสังกัดของ ลีซอ ยังต้องเตะเพลย์-ออฟกับทีมร่วมดิวิชัน 2 ก่อน จากนั้น 2 ทีมผู้ชนะจึงไปเตะเพลย์-ออฟอีกรอบกับทีมอันดับ 15-16 ของ จูปิแลร์ ลีก (ดิวิชัน 1) เพื่อหาทีมชนะตีตั๋วเล่นในลีกสูงสุดฤดูกาลหน้า