ขุนพลเสื้อกล้ามทีมชาติไทยไม่ทำให้คอหมัดมวยผิดหวังกวาดมาได้ 7 เหรียญทอง ป้องกันแชมป์มวยสากลสมัครเล่นชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ เอาไว้ได้เป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน
การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 31 เดินทางมาถึงการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เมื่อช่วงบ่าย วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552 โดยนักชกไทย (ทีมไทยA) ผ่านเข้าชิงชนะเลิศถึง 7 รุ่นจากทั้งหมด 9 รุ่น และสามารถกวาดเหรียญทองได้ทั้ง 7 รุ่น
โดยในรุ่นไลท์ฟลายเวท 48 กิโลกรัม แก้ว พงษ์ประยูร เอาชนะ อนันต์ป้องเขต 5 – 0 หมัด โดยนักชกรุ่นน้องจากทีมไทย B ขอยอมแพ้ไม่ออกจากมุมในยกที่ 3 จากนั้นในรุ่นไลท์ ฟลายเวต 60 กก. สายลม อาดี เอาชนะ อัจฉริยะ แห้วสุโน 2 – 1 หมัด โดยนักชกจากทีมไทย B ขอยอมแพ้เช่นกัน(ในยกที่2) เนื่องสตาฟฟ์โค้ชไม่ต้องการให้นักมวยช้ำ
มาถึงรุ่น ฟลายเวท 51 กิโลกรัม อำนาจ รื่นเริง สอนมวย ชาตรี เงางาม รุ่นน้องจากทีมไทย B 6 – 0 หมัด ครองแชมป์ไปตามคาด จากนั้นนักชกไทยต้องเผชิญหน้ากับนักชกจากต่างชาติ ซึ่งก็ผ่านไปได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ฉัตรชัย บุตรดี เอาชนะ จาง วาน ซิก (เกาหลีใต้) 13 – 1 หมัด คว้าแชมป์รุ่น แบนตั้มเวท 54 กิโลกรัม ต่อด้วย วุฒิชัย มาสุข โชว์ความพริ้วไหวก่อนเอาชนะ ลี โด แจ (เกาหลีใต้ ) 20 – 1 หมัด ตามด้วย อภิเชษฐ์ แสนสิทธิ์ แม้จะเจ็บมือแต่สามารถต้อนเอาชนะ เจนเนเบิร์ท บาซาดี (ฟิลิปปินส์) 13 ต่อ 0 หมัด ปิดท้ายด้วย อังคาร ชมภูพวง พิชิตชัยเหนือ โชว์ ดอก จิน (เกาหลีใต้) 5 ต่อ 1 หมัด
ทำให้การแข่งขันมวยคิงคัพ ครั้งที่ 31 ทีมไทย A กวาดไปทั้งสิ้น 7 เหรียญทอง ป้องกันแชมป์ไว้ได้เป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน ส่วนทีมไทย B ได้มา 3 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง
ภายหลัง "เสธ.วีป" พลเอกทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ออกมาเผย "คิงส์คัพครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีของเด็กรุ่นใหม่ บรรดาดาวรุ่งที่เตรียมขึ้นมาทดแทนนักมวยรุ่นเก่า เนื่องจากมีโอกาสชกกับนักมวยฝีมือดีจากหลายๆ ชาติที่เตรียมนักมวยไว้สำหรับกีฬาโอลิมปิก 2012 ที่อังกฤษ อาทิเช่น เกาหลีใต้และจีน ทัวร์นาเมนต์นี้ทำให้เราได้รู้ถึงจุดแข็ง-จุดอ่อน เพื่อจะได้ปรับแก้ไขกันต่อไป ซึ่งจากที่ผมได้เห็นคิดว่าเด็กใหม่ๆ ยังค่อนข้างตัวแข็งเกินไป ต้องแก้เรื่องการหลบหลีก การออกหมัด การเข้าทำ ใช้หมัดหน้าให้เป็นประโยชน์มากขึ้น แต่ก็อย่างว่านี่เป็นรายการระดับนานาชาติครั้งแรกของหลายๆ คน"
"ในส่วนของการจัดการแข่งขันถือว่าประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับกลับมาค่อนข้างดี นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทหารชั้นนายพลก็บอกกับผมว่าพอใจมาตรฐานการจัดการแข่งขันเป็นอย่างยิ่ง การตัดสินไม่มีข้อกังขาแต่อย่างใด ซึ่งเราเน้นตอนประชุมคณะกรรมการผู้ตัดสินว่าต้องออกหมัดให้จะแจ้งเท่านั้นถึงกดคะแนนให้ ครั้งนี้ชัยชนะของเราเรียกว่าใสสะอาดก็ว่าได้ สำหรับคิงส์คัพจัดมาแล้ว 30 ปี เสียดายที่บางประเทศไม่มาแข่งขันอย่างเช่น คาซัคสถาน, อุซเบกิสถาน ซึ่งถ้านักชกพวกนี้มาเราจะได้ประสบการณ์มากขึ้น"
"ส่วนอนาคตของทีมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เราคงผลักดันรุ่นใหม่ๆ ให้โอกาสเด็กๆ มากขึ้น โดยพฤษภาคมนี้มีโปรแกรมไปแข่งเอเชียนแชมเปียนชิป ผมจะพยายามเอาชุดนี้ไปต่อยหาประสบการณ์ ส่วนเวิลด์แชมเปียนชิป คงต้องเป็นชุดผสมกันไป อย่างไรก็ตาม ซีเกมส์ที่ลาวช่วงปลายปีคงต้องดูอีกทีว่าเราจะจัดชุดไหนไปสู้ ต้องวางแผนกันก่อนดูคู่แข่ง 2-3 ชาติว่าพวกเขาจัดชุดใดลง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้โอกาสดาวรุ่ง เนื่องจากในแทบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เราไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว อีกทั้งผมก็ไม่ได้หวังทุกเหรียญ ถ้าชาติอื่นๆ ได้ก็เป็นผลดีเพราะพวกเขาจะได้มีกำลังใจในการพัฒนามวยของตัวเองขึ้นมา"
"การคว้าแชมป์คิงส์คัพอีกสมัย ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีใจเป็นลิงโลด เราคงไม่ประมาทคู่แข่ง ยังต้องพัฒนาเด็กของเราให้ดีกว่านี้อีก ผมก็สั่งให้โค้ช (จ.ส.อ.กามนิตย์ นารีรักษ์) เน้นการฝึกซ้อมให้เด็กๆ แล้ว การหลบหลีกอยากให้ดู สมจิตร จงจอหอ เป็นแบบอย่าง ซึ่งหลายคนก็ทำผลงานออกมาได้ดี เรียกได้ว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว แต่ต้องย้ำว่ายังต้องทำงานหนักกันต่อไป เพราะโอลิมปิกที่อังกฤษในปี 2012 ไม่ง่ายแน่นอน นี้เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้นเอง" เสธ.วีป ทิ้งท้าย