เทคโนโลยีกำกับเส้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ หรือที่รู้จักกันในนาม “ฮอล์กอาย” (The Hawk-Eye line-call system) มีปัญหาอีกแล้วในรอบ 8 คนสุดท้ายเทนนิสเอทีพี รายการใหญ่ที่อินเดียน เวลส์ คู่ระหว่าง แอนดี เมอร์เรย์ มือ 4 ของโลกจากสกอตแลนด์กับ อีวาน ลูบิซิช จอมเก๋าจากโครเอเชีย โดยจังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นเซตที่สอง ลูกที่ เมอร์เรย์ ตีบอลออกข้างชัดเจนแต่ "ฮอล์กอาย" กลับแสดงผลว่าลูกลงเต็มเส้น
ศึกเทนนิสเอทีพีทัวร์ รายการ บีเอ็นพี พาริบาส โอเพน ที่สังเวียนฮาร์ดคอร์ต ในเมืองอินเดียน เวลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดปัญหาคำตัดสินของ “ฮอล์กอาย” หรือเทคโนโลยีกำกับเส้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ผิดพลาดอย่างจังเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา
แมตช์ชายเดี่ยวรอบ 8 คนสุดท้าย แอนดี เมอร์เรย์ นักเทนนิสมือ 4 ของโลกเก็บเซตแรกไปก่อน 7-5 และมาเสมอกับ อิวาน ลูบิซิช คู่หวดจากโครเอชีย 4-4 ในเซตที่ 2 หวดสกอตตีบอลออกเส้นข้างชัดเจนแต่เนื่องจากยังมีสิทธิ์ขอดู ฮอล์กอาย เขาจึงใช้สิทธิ์นั้น ซึ่งปรากฏว่า ฮอล์กอายโชว์ผลออกมาว่าลูกลงกลางเส้น ซึ่งค้านทั้งสายตา ลูบิซิช , ผู้ชม หรือแม้แต่ เมอร์เรย์ เองยังออกอาการแปลกใจ เพราะหากลูกนั้นลงจริงๆอย่างน้อยก็น่าจะลงแค่ครึ่งลูกหรือ 1 ส่วน 4 ของลูก
เมื่อคอมพิวเตอร์แสดงผลเช่นนั้น ผู้ตัดสินก็จำเป็นต้องให้เเต้มนั้นเป็นของ เมอร์เรย์ ส่งผลให้ ลูบิซิช เสียเกมเสิร์ฟเกมนั้น เสียเซตตามมา และแพ้ไป 0-2 เซต 5-4 , 6-7(6/8) ตกรอบ 8 คนสุดท้ายไปในที่สุด
สำหรับ “ฮอล์กอาย” อาศัยภาพถ่ายมุมต่างๆ มาประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อพิสูจน์รอยลูกตก และถูกใช้ในแกรนด์สแลม 3 ใน 4 รายการมาตั้งแต่ปี 2007 ยกเว้นเพียง เฟรนช์ โอเพน เท่านั้น ที่ไม่นำมาใช้ เนื่องจากสามารถพิสูจน์รอยลูกตกได้บนพื้นคอร์ตดินอยู่แล้ว ทว่าได้เกิดข้อสงสัยถึงความแม่นยำมาโดยตลอด ล่าสุดเกิดปัญหาขัดข้องไม่สามารถใช้งานได้เมื่อ "เงาแดดปกคลุมเส้น" ในรอบ 16 คนสุดท้าย ออสเตรเลียน โอเพนทำเอา โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 2 ของโลกชาวสวิส และ โทมัส เบอร์ดิช จากเช็ก หัวเสียไปตามๆกัน
