“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์คาร์ลิงคัพ มาครองได้สำเร็จ หลังจากเวลา 120 นาที เสมอกับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 0-0 ต้องเข้าไปดวลจุดโทษจนเอาชนะไป 4-1 ในการแข่งรอบชิงชนะเลิศ ณ สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบชิงชนะเลิศ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (จบ 120 นาทีเสมอกัน 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะจุดโทษ 4-1 )
แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดโอกาสแข้งดาวรุ่งหลายรายลงสนาม ดาร์รอน กิบสัน ทำเกมแดนกลางร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด และ พอล สโคลล์ ส่วน แดนนี เวลเบ็ก ประสานงานแดนหน้าร่วมกับ คาร์ลอส เตเบซ ขณะที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร หมดสิทธิ์ใช้งาน ร็อบบี คีน และ วิลสัน ปาลาซิออส เนื่องจากติดคัพไท รวมถึง โจนาธาน วูดเกต กองหลังที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ เลดลีย์ คิง และ โรมัน พาฟลูเชนโกฟิตทันกลับมาลงสนามได้ทัน
เริ่มครึ่งแรกเพียง 5 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ฟรีคิกระยะประมาณ 20 หลาหลังจาก เตเบซ ถูกทำฟาวล์ล้มลงและเป็น โรนัลโด รับหน้าที่ปั่น แต่บอลเหินข้ามคานออกไป อีกสองนาทีต่อมา ดาวเตะชาวโปรตุกีสมีโอกาสส่องอีกครั้งเมื่อเพื่อนร่วมทีมจ่ายบอลย้อนกลับมาให้ แต่บอลพุ่งไปตรงตัว โกเมส รับเข้าซองอย่างไม่มีปัญหา "ผีแดง" ยังคงเป็นฝ่ายบุกตลอด มาถึงนาทีที่ 13 เตเบซ กระชากบอลขึ้นมายิงตรงริมเขตโทษถูกกองหลังบล็อกออกมา แต่ยังมาเข้าทาง กิบสัน สวนตูมเดียวแต่เหินข้ามคานออกไป
เกมผ่าน 15 นาทีแรก นานี ทำเกมขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนโยกหลอกกองหลังคู่แข่งสับไกเรียดจน โกเมส ต้องออกแรงพุ่งปัดออกหลังไป อีกสองนาทีต่อมาเป็นโอกาสของ สเปอร์ส บ้างเมื่อ โมดริซ แทงบอลทะลุช่องให้ เลนนอน หลุดขึ้นไปทางด้านขวาพยายามผ่านบอลเข้ากลางจนเกือบที่ เบนท์ จะเข้าชาร์ตทัน แต่ยังดีที่ เฟอร์ดินานด์ ตามมาเคลียร์ทิ้งออกไปก่อน จากนั้นมาถึงนาทีที่ 23 เป็นปราการหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้ที่เติมเกมรุกขึ้นมายิงหน้าเขตโทษของ "ไก่เดือยทอง" แต่ทำได้เพียงแค่บอลพุ่งไปตกบนตาข่าย
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย สเปอร์ส เริ่มทำเกมกันได้ดีขึ้นจนมีโอกาสลุ้นทำประตูหลายจังหวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าทำทางด้านขวาจาก เลนนอน ที่หลุดขึ้นมาเปิดบอลหลายครั้ง แต่กองหลังผีแดงก็ช่วยกันเคลียร์ทิ้งออกไปได้หมด จนสุดท้ายก็ไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ทำให้จบ 45 นาทีแรกด้วยการเสมอกัน 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลัง "ผีแดง" บู๊เข้าใส่ก่อนเลยเมื่อ โอเชีย ต่อบอลเร็วให้ โรนัลโด หลุดเข้าไปทางด้านขวาพยายามจะจ่ายบอลเรียดเข้ากลาง แต่ถูกกองหลังคู่แข่งสกัดออกมาได้ทัน มาถึงนาทีที่ 49 สเปอร์ส มาได้ฟรีคิกเยื้องมาทางด้านซ้าย โมดริซ เปิดบอลเข้ากลางและเป็น พาฟลูเชนโก โฉบมาโหม่งแต่เหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสลุ้นอีกครั้งจากจังหวะลูกเตะมุม บอลลอยมาถึง กิบสัน ซัดจากนอกเขตโทษไปแฉลบกองหลังมาเข้าทาง เตเบซ พยายามไขว้ขายิงบอลกลับหลังแต่หลุดกรอบประตูออกไป มาถึงนาทีที่ 67 โรนัลโด กระชากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษจนถูก คิง สกัดล้มลง แต่กรรมการมองว่าเป็นการพุ่งล้มจึงถูกใบเหลืองแทน ด้าน สเปอร์ส น่าทำประตูขึ้นนำอย่างที่สุดเมื่อถึงนาที 71 จากจังหวะที่ เอก็อตโต เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายเรียดเข้ากลาง บอลหลุดไปถึง เลนนอน ทางเสาสองได้ซัดโล่งๆแบบไม่มีใครประกบ แต่ ฟอสเตอร์ นายทวารผีแดงโชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งออกไป
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เตเบซ เลี้ยงบอลบริเวณหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายสั้นมาให้ อันแดร์สัน ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาสับไกยิง แต่ โกเมส ล้มตัวรับได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับอย่างสนุกแต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายคู่แข่งได้ เกมดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูชัยเมื่อ โรนัลโด รับบอลได้ทางริมเส้นด้านขวาก่อนกระชากแหวกกองหลังสเปอร์สเข้ามายิงด้วยซ้ายเต็มๆ แต่โชคร้ายบอลพุ่งไปชนเสาทำให้จบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0 ต้องเข้าสู่ช่วงของการต่อเวลาพิเศษ
เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังผ่านมา 5 นาที นานี ได้กระชากบอลเข้าไปยิงตรงหน้าเขตโทษแต่เบาเกินไป โกเมส รับสบาย ช่วงนี้ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างระมัดระวังจนมีลุ้นทำประตูน้อย เกมมาสนุกอีกครั้งช่วง 5 นาทีสุดท้ายเมื่อ สเปอร์ส เกือบทำประตูชัยเลยทีเดียว จากจังหวะที่ โมดริซ ลากบอลขึ้นมายิงในเขตโทษผีแดงถูกกองหลังบล็อกออกมา แต่บอลเป็นใจมาเข้าทาง เบนท์ โยกหลบจนหลุดเข้าไปซัดมุมแคบ แต่ ฟอสเตอร์ โชว์ซูเปอร์เซฟใช้ขาสกัดบอลทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิด อีกสองนาทีต่อมาเป็นโอกาสของ "ผีแดง" บ้างเมื่อ เอฟรา ได้ซัดจังหวะเก็บตก แต่บอลเหินข้ามคานออกไปอีก สุดท้ายครบ 120 นาทียังคงเสมอ 0-0 ต้องไปดวลจุดโทษ
ผลการดวลจุดโทษปรากฏว่า เจมี โอฮารา และ เดวิด เบนทลีย์ สองผู้เล่นของ สเปอร์ส ยิงไม่เข้า ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงเข้าหมดทั้ง 4 คนคือ ไรอัน กิ๊กส์, คาร์ลอส เตเบซ, คริสเตียโน โรนัลโด และ อันแดร์สัน ทำให้เอาชนะไป 4-1 พร้อมกับความแชมป์คาร์ลิง คัพ มาครองได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, จอห์น โอเชีย, จอนนี อีแวนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟรา, คริสเตียโน โรนัลโด, พอล สโคลล์, ดาร์รอน กิบสัน, นานี, คาร์ลอส เตเบซ, แดนนี เวลเบ็ก
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : โกเมส, เวดรัน ชอร์ลูกา, ไมเคิล ดอว์สัน, เลดลีย์ คิง, เบนัวต์ แอสซู-เอก็อตโต, อารอน เลนนอน, เจอร์เมน เจนาส, ดิดิเยร์ โซโกรา, ลูกา โมดริซ, ดาร์เรน เบนท์, โรมัน พาฟลูเชนโก
ผลการแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิง คัพ รอบชิงชนะเลิศ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (จบ 120 นาทีเสมอกัน 0-0 แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะจุดโทษ 4-1 )
แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดโอกาสแข้งดาวรุ่งหลายรายลงสนาม ดาร์รอน กิบสัน ทำเกมแดนกลางร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด และ พอล สโคลล์ ส่วน แดนนี เวลเบ็ก ประสานงานแดนหน้าร่วมกับ คาร์ลอส เตเบซ ขณะที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร หมดสิทธิ์ใช้งาน ร็อบบี คีน และ วิลสัน ปาลาซิออส เนื่องจากติดคัพไท รวมถึง โจนาธาน วูดเกต กองหลังที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ เลดลีย์ คิง และ โรมัน พาฟลูเชนโกฟิตทันกลับมาลงสนามได้ทัน
เริ่มครึ่งแรกเพียง 5 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ฟรีคิกระยะประมาณ 20 หลาหลังจาก เตเบซ ถูกทำฟาวล์ล้มลงและเป็น โรนัลโด รับหน้าที่ปั่น แต่บอลเหินข้ามคานออกไป อีกสองนาทีต่อมา ดาวเตะชาวโปรตุกีสมีโอกาสส่องอีกครั้งเมื่อเพื่อนร่วมทีมจ่ายบอลย้อนกลับมาให้ แต่บอลพุ่งไปตรงตัว โกเมส รับเข้าซองอย่างไม่มีปัญหา "ผีแดง" ยังคงเป็นฝ่ายบุกตลอด มาถึงนาทีที่ 13 เตเบซ กระชากบอลขึ้นมายิงตรงริมเขตโทษถูกกองหลังบล็อกออกมา แต่ยังมาเข้าทาง กิบสัน สวนตูมเดียวแต่เหินข้ามคานออกไป
เกมผ่าน 15 นาทีแรก นานี ทำเกมขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนโยกหลอกกองหลังคู่แข่งสับไกเรียดจน โกเมส ต้องออกแรงพุ่งปัดออกหลังไป อีกสองนาทีต่อมาเป็นโอกาสของ สเปอร์ส บ้างเมื่อ โมดริซ แทงบอลทะลุช่องให้ เลนนอน หลุดขึ้นไปทางด้านขวาพยายามผ่านบอลเข้ากลางจนเกือบที่ เบนท์ จะเข้าชาร์ตทัน แต่ยังดีที่ เฟอร์ดินานด์ ตามมาเคลียร์ทิ้งออกไปก่อน จากนั้นมาถึงนาทีที่ 23 เป็นปราการหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้ที่เติมเกมรุกขึ้นมายิงหน้าเขตโทษของ "ไก่เดือยทอง" แต่ทำได้เพียงแค่บอลพุ่งไปตกบนตาข่าย
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย สเปอร์ส เริ่มทำเกมกันได้ดีขึ้นจนมีโอกาสลุ้นทำประตูหลายจังหวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าทำทางด้านขวาจาก เลนนอน ที่หลุดขึ้นมาเปิดบอลหลายครั้ง แต่กองหลังผีแดงก็ช่วยกันเคลียร์ทิ้งออกไปได้หมด จนสุดท้ายก็ไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ทำให้จบ 45 นาทีแรกด้วยการเสมอกัน 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลัง "ผีแดง" บู๊เข้าใส่ก่อนเลยเมื่อ โอเชีย ต่อบอลเร็วให้ โรนัลโด หลุดเข้าไปทางด้านขวาพยายามจะจ่ายบอลเรียดเข้ากลาง แต่ถูกกองหลังคู่แข่งสกัดออกมาได้ทัน มาถึงนาทีที่ 49 สเปอร์ส มาได้ฟรีคิกเยื้องมาทางด้านซ้าย โมดริซ เปิดบอลเข้ากลางและเป็น พาฟลูเชนโก โฉบมาโหม่งแต่เหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสลุ้นอีกครั้งจากจังหวะลูกเตะมุม บอลลอยมาถึง กิบสัน ซัดจากนอกเขตโทษไปแฉลบกองหลังมาเข้าทาง เตเบซ พยายามไขว้ขายิงบอลกลับหลังแต่หลุดกรอบประตูออกไป มาถึงนาทีที่ 67 โรนัลโด กระชากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษจนถูก คิง สกัดล้มลง แต่กรรมการมองว่าเป็นการพุ่งล้มจึงถูกใบเหลืองแทน ด้าน สเปอร์ส น่าทำประตูขึ้นนำอย่างที่สุดเมื่อถึงนาที 71 จากจังหวะที่ เอก็อตโต เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายก่อนจ่ายเรียดเข้ากลาง บอลหลุดไปถึง เลนนอน ทางเสาสองได้ซัดโล่งๆแบบไม่มีใครประกบ แต่ ฟอสเตอร์ นายทวารผีแดงโชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งออกไป
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เตเบซ เลี้ยงบอลบริเวณหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายสั้นมาให้ อันแดร์สัน ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาสับไกยิง แต่ โกเมส ล้มตัวรับได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับอย่างสนุกแต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายคู่แข่งได้ เกมดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูชัยเมื่อ โรนัลโด รับบอลได้ทางริมเส้นด้านขวาก่อนกระชากแหวกกองหลังสเปอร์สเข้ามายิงด้วยซ้ายเต็มๆ แต่โชคร้ายบอลพุ่งไปชนเสาทำให้จบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0 ต้องเข้าสู่ช่วงของการต่อเวลาพิเศษ
เริ่มช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังผ่านมา 5 นาที นานี ได้กระชากบอลเข้าไปยิงตรงหน้าเขตโทษแต่เบาเกินไป โกเมส รับสบาย ช่วงนี้ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างระมัดระวังจนมีลุ้นทำประตูน้อย เกมมาสนุกอีกครั้งช่วง 5 นาทีสุดท้ายเมื่อ สเปอร์ส เกือบทำประตูชัยเลยทีเดียว จากจังหวะที่ โมดริซ ลากบอลขึ้นมายิงในเขตโทษผีแดงถูกกองหลังบล็อกออกมา แต่บอลเป็นใจมาเข้าทาง เบนท์ โยกหลบจนหลุดเข้าไปซัดมุมแคบ แต่ ฟอสเตอร์ โชว์ซูเปอร์เซฟใช้ขาสกัดบอลทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิด อีกสองนาทีต่อมาเป็นโอกาสของ "ผีแดง" บ้างเมื่อ เอฟรา ได้ซัดจังหวะเก็บตก แต่บอลเหินข้ามคานออกไปอีก สุดท้ายครบ 120 นาทียังคงเสมอ 0-0 ต้องไปดวลจุดโทษ
ผลการดวลจุดโทษปรากฏว่า เจมี โอฮารา และ เดวิด เบนทลีย์ สองผู้เล่นของ สเปอร์ส ยิงไม่เข้า ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงเข้าหมดทั้ง 4 คนคือ ไรอัน กิ๊กส์, คาร์ลอส เตเบซ, คริสเตียโน โรนัลโด และ อันแดร์สัน ทำให้เอาชนะไป 4-1 พร้อมกับความแชมป์คาร์ลิง คัพ มาครองได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, จอห์น โอเชีย, จอนนี อีแวนส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟรา, คริสเตียโน โรนัลโด, พอล สโคลล์, ดาร์รอน กิบสัน, นานี, คาร์ลอส เตเบซ, แดนนี เวลเบ็ก
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ : โกเมส, เวดรัน ชอร์ลูกา, ไมเคิล ดอว์สัน, เลดลีย์ คิง, เบนัวต์ แอสซู-เอก็อตโต, อารอน เลนนอน, เจอร์เมน เจนาส, ดิดิเยร์ โซโกรา, ลูกา โมดริซ, ดาร์เรน เบนท์, โรมัน พาฟลูเชนโก