แอสตัน วิลลา และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ส่งตัวสำรองลงเล่นเกือบทั้งทีมก่อนกระเด็นตกรอบ 32 ทีม ศึกยูฟ่า คัพ ตามระเบียบ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี เป็นตัวแทนจากอังกฤษทีมเดียวที่ได้ผ่านเข้ารอบ
ฟุตบอลยูฟ่า คัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย เลกสอง เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซีเอสเคเอ มอสโก เปิดสนามลุซนิกิ สเตเดียม ต้อนรับ แอสตัน วิลลา ที่ส่งตัวสำรองลงบู๊เกือบทั้งทีม โดยนัดแรกเสมอกันมาก่อน 1-1
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 61 ซีเอสเคเอ ได้ประตูนำก่อน 1-0 จากฝีเท้าของ ยูริ เซียร์คอฟ ดาวเตะทีมชาติรัสเซีย ก่อนที่ วากเนอร์ เลิฟ ดาวยิงจอมแฟชันทรงผมชาวบราซิลจะมาตอกฝาโลงเป็น 2-0 ในนาทีสุดท้าย ส่งผลให้ทีมดังแห่งแดนหมีขาวเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-1
คู่ถัดมา เอซี มิลาน ลงเล่นในถิ่นซาน ซิโร พบกับ แวรเดอร์ เบรเมน โดย “ปิศาจแดง-ดำ” ทะลวงตาข่ายนำไปก่อนถึง 2-0 จาก อันเดรีย ปิร์โล สังหารจุดโทษในนาทีที่ 26 ตามด้วย อเล็กซานเดร ปาโต ในอีก 7 นาทีให้หลัง อย่างไรก็ตาม “นกนางนวล” ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ไล่มาเป็น 1-2 จาก เคลาดิโอ ปิซาร์โร ในนาทีที่ 68
กระทั่งนาทีที่ 78 เบรเมน ก็ตามตีเจ๊าได้สำเร็จจากผลงานของ ปิซาร์โร เจ้าเก่า ก่อนจบเกมด้วยสกอร์นี้ ทำให้ประตูรวมเสมอกัน 3-3 แต่เป็นนกนางนวลที่เป็นฝ่ายทะลุเข้ารอบ 16 ทีมด้วยกฎประตูทีมเยือน
ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี เฝ้ารังซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดียม รับมือ เอฟซี โคเปนเฮเกน และก็เป็นเจ้าบ้านที่เป็นฝ่ายกำชัย 2-1 โดย เคร็ก เบลลามี เหมาคนเดียว 2 ลูกในนาทีที่ 73 และ 80 จากนั้น มาร์ติน วินการ์ด ก็ซัดตีไข่แตกให้ทีมเยือนในนาทีที่ 90 แต่ก็ได้แค่นั้น ส่งผลให้ “เรือใบสีฟ้า” เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-3
ขณะที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ลงเตะในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน ปะทะกับ ชัคห์เตอร์ โดเนสท์ค ซึ่ง “ไก่เดือยทอง” ที่ส่งทีมชุดสองลงบู๊เนื่องจากมีคิวเตะคาร์ลิง คัพ รอบชิงชนะเลิศ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันอาทิตย์นี้ เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 เมื่อ โจวานนี ดอส ซานโตส แตะบอลเข้าหากรอบเขตโทษก่อนสับไกเปรี้ยงเดียวหนีมือ อังเดร ปียาตอฟ เข้าสามเหลี่ยมอย่างคมกริบในนาทีที่ 55
ทว่า อาคันตุกะจากยูเครนมาดับความหวังของ สเปอร์ส สนิทในนาทีที่ 86 โดย แฟร์นานดินโญ วางเท้าแปจังหวะเดียวในเขตโทษผ่านมือ เฮอเรลโญ โกเมส เสียบมุมเสาสองเป็นลูกตีเสมอ 1-1 ทำให้ ชัคห์เตอร์ โดเนสท์ค ผ่านเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-1
ฟุตบอลยูฟ่า คัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง
ซีเอสเคเอ มอสโก (รัสเซีย) ชนะ แอสตัน วิลลา (อังกฤษ) 2-0 (ซีเอสเคเอ เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-1)
เมตาลิสต์ คาร์คีฟ (ยูเครน) ชนะ ซามพ์โดเรีย (อิตาลี) 2-0 (เมตาลิสต์ เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-0)
ฮัมบูร์ก (เยอรมนี) ชนะ เอ็นอีซี ไนจ์เมเกน (ฮอลแลนด์) 1-0 (ฮัมบูร์ก เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-0)
เอฟซี ทเวนเต (ฮอลแลนด์) แพ้ โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) 0-1 (สกอร์รวม 1-1 ดวลจุดโทษ มาร์กเซย ชนะ 7-6)
โวล์ฟสบวร์ก (เยอรมนี) แพ้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) 1-3 (ปารีส เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 5-1)
กาลาตาซาราย (ตุรกี) ชนะ บอร์กโดซ์ (ฝรั่งเศส) 4-3 (กาลาตาซาราย เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-3)
เอซี มิลาน (อิตาลี) เสมอ แวร์เดอร์ เบรเมน (เยอรมนี) 2-2 (สกอร์รวม 3-3 เบรเมน เข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน)
อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม (ฮอลแลนด์) เสมอ ฟิออเรนตินา (อิตาลี) 1-1 (อาแจกซ์ เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 2-1)
แมนเชสเตอร์ ซิตี (อังกฤษ) ชนะ เอฟซี โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) 2-1 (แมนฯ ซิตี เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-3)
สตองดาร์ ลีแอช (เบลเยียม) เสมอ บรากา (โปรตุเกส) 1-1 (บรากา เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-1)
อูดิเนเซ (อิตาลี) ชนะ เลช พอชนัน (โปแลนด์) 2-1 (อูดิเนเซ เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-3)
สตุตการ์ท (เยอรมัน) แพ้ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) 1-2 (เซนิต เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-2)
แซงต์ เอเตียน (ฝรั่งเศส) ชนะ โอลิมเปียกอส (กรีซ) 2-1 (โอลิมเปียกอส เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-3)
เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา (สเปน) แพ้ อัลบอร์ก (เดนมาร์ก) 1-3 (อัลบอร์ก เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 6-1)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ (อังกฤษ) เสมอ ชัคห์เตอร์ โดเนทส์ค (ยูเครน) 1-1 (ชัคห์เตอร์ เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 3-1)
บาเลนเซีย (สเปน) เสมอ ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) 2-2 (สกอร์รวม 3-3 เคียฟ เข้ารอบด้วยสกอร์กฎประตูทีมเยือน)
