ศึกกอล์ฟ "ไทยแลนด์ โอเพน" ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทัวร์นาเมนต์เก่าแก่ของเมืองไทย ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหลังหยุดไปนานกว่า 3 ปี โดยได้ "สิงห์" เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลัก กำหนดดวงวงสวิงกันที่สนามลากูนา กอล์ฟ คลับ จังหวัดภูเก็ต ชิงเงินรางวัล 5 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 17.5 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคมนี้
หลังจากมีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ว่าการแข่งขันกอล์ฟอาชีพรายการ ไทยแลนด์ โอเพน ที่จัดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1965 ก่อนจะหยุดไปตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา เตรียมกลับมาจัดอีกครั้งในปีนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่โรงแรมบันยันทรี ถนนสาธรใต้ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชัน จำกัด ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ร่วมด้วยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวยืนยันจัดศึก "สิงห์ ไทยแลนด์ โอเพน" ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเงินรางวัลรวม 5 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 17.5 ล้านบาท ที่สนามลากูนา กอล์ฟ คลับ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคมนี้
โดย ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชัน จำกัด กล่าวว่า "สิงห์อยู่คู่กับวงการกอล์ฟไทยมานานกว่า 30-40 ปีแล้ว โดยเรามีการพัฒนากีฬากอล์ฟอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการเฟ้นหาเด็กใหม่ๆ เข้ามาประดับวงการ นอกจากนี้เรายังต้องการสนับสนุนทัวร์นาเมนต์กอล์ฟรายการใหญ่ๆ เพื่อให้นักกอล์ฟไทยมีโอกาสได้เล่นในบ้าน และได้กำลังใจที่ดีจากแฟนกอล์ฟไทยนั่นเอง"
ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย (สกท.) ได้ลงนามตกลงร่วมกับ เวิลด์ สปอร์ต กรุ๊ป เพื่อให้ศึก ไทยแลนด์ โอเพน กลับมาอีกครั้งต่อจากนี้อีกอย่างน้อย 3 ปี ซึ่ง รังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกอล์ฟฯ เล่าให้ฟังว่า "นับตั้งแต่ผมเข้ามาเป็นนายกสมาคมฯ ผมรับปากแล้วว่าจะทำให้ ไทยแลนด์ โอเพน กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากถือเป็นรายการที่สำคัญของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของวงการกอล์ฟไทยว่าเราเป็นระดับชั้นนำของทวีปเอเชีย จะเป็นรองก็แค่ญี่ปุ่นกับเกาหลีเท่านั้น ตลอดจนเชื่อว่าจะสามารถมีผู้สนับสนุนเพื่อให้จัดครบ 3 ปีตามสัญญา"
นอกจากนี้ นากยกสมาคมกอล์ฟฯ ยังได้ชี้แจ้งถึงเหตุผลที่เลือกสนามลากูนาฯ ที่อยู่ไกลถึงจังหวัดภูเก็ตว่า "ความจริงเราก็อยากจะจัดในกรุงเทพเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีสนามไหนสนใจจะเข้ามาช่วยเรา แต่ความจริงแล้วการไปจัดที่ภูเก็ตก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้ช่วยในเรื่องของการท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตามผมอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุนการจัดการแข่งขันกอล์ฟให้มากกว่านี้ เนื่องจากกีฬากอล์ฟสามารถช่วยในส่วนของการท่องเที่ยวได้มาก"
ขณะที่ คี ลา ฮาน ประธานบริหาร เอเชียน ทัวร์ ก็ยินดีที่ศึก ไทยแลนด์ โอเพน กลับมาอีกครั้ง "ทุกคนคิดถึง ไทยแลนด์ โอเพน และผมขอต้อนรับคืนสู่ปฏิทินแข่งขันของ เอเชียน ทัวร์ อีกครั้ง"
สำหรับกอล์ฟ ไทยแลนด์ โอเพน ครั้งล่าสุดจัดการแข่งขันที่สนามบลู แคนยอน จังหวัดภูเก็ต เมื่อปี 2006 โดย ริชาร์ด ลี จากนิวซีแลนด์ คว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่ บุญชู เรืองกิจ เป็นเจ้าของแชมป์ 2 สมัย คือเมื่อปี 1992 กับ 2004 ส่วน สุเทพ มีสวัสดิ์ พ่อของ "โลมายักษ์" พรหม มีสวัสดิ์ เป็นโปรไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้เมื่อปี 1991
อนึ่ง สิงห์ ไทยแลนด์ โอเพน ถือเป็นศึก เอเชียน ทัวร์ รายการที่ 5 ที่จะจัดขึ้นที่เมืองไทยในปีนี้รวมกับ เอเชียน ทัวร์ อินเตอร์เนชันแนล ที่สนามสุวรรณ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์, แบล็ค เมาเทน มาสเตอร์ส ที่สนามแบล็ค เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน ระหว่างวันที่ 26-29 มีนาคม, ใจดี อินวิเทชันแนล ที่สนามสยาม คันทรี คลับ พัทยา ระหว่างวันที่ 30 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม และ วอลโว มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย ที่สนามไทย คันทรี คลับ ระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม
หลังจากมีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ว่าการแข่งขันกอล์ฟอาชีพรายการ ไทยแลนด์ โอเพน ที่จัดเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1965 ก่อนจะหยุดไปตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา เตรียมกลับมาจัดอีกครั้งในปีนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่โรงแรมบันยันทรี ถนนสาธรใต้ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชัน จำกัด ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ร่วมด้วยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงข่าวยืนยันจัดศึก "สิงห์ ไทยแลนด์ โอเพน" ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และเงินรางวัลรวม 5 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 17.5 ล้านบาท ที่สนามลากูนา กอล์ฟ คลับ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคมนี้
โดย ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชัน จำกัด กล่าวว่า "สิงห์อยู่คู่กับวงการกอล์ฟไทยมานานกว่า 30-40 ปีแล้ว โดยเรามีการพัฒนากีฬากอล์ฟอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการเฟ้นหาเด็กใหม่ๆ เข้ามาประดับวงการ นอกจากนี้เรายังต้องการสนับสนุนทัวร์นาเมนต์กอล์ฟรายการใหญ่ๆ เพื่อให้นักกอล์ฟไทยมีโอกาสได้เล่นในบ้าน และได้กำลังใจที่ดีจากแฟนกอล์ฟไทยนั่นเอง"
ทั้งนี้เมื่อปีที่แล้ว สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย (สกท.) ได้ลงนามตกลงร่วมกับ เวิลด์ สปอร์ต กรุ๊ป เพื่อให้ศึก ไทยแลนด์ โอเพน กลับมาอีกครั้งต่อจากนี้อีกอย่างน้อย 3 ปี ซึ่ง รังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกอล์ฟฯ เล่าให้ฟังว่า "นับตั้งแต่ผมเข้ามาเป็นนายกสมาคมฯ ผมรับปากแล้วว่าจะทำให้ ไทยแลนด์ โอเพน กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากถือเป็นรายการที่สำคัญของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของวงการกอล์ฟไทยว่าเราเป็นระดับชั้นนำของทวีปเอเชีย จะเป็นรองก็แค่ญี่ปุ่นกับเกาหลีเท่านั้น ตลอดจนเชื่อว่าจะสามารถมีผู้สนับสนุนเพื่อให้จัดครบ 3 ปีตามสัญญา"
นอกจากนี้ นากยกสมาคมกอล์ฟฯ ยังได้ชี้แจ้งถึงเหตุผลที่เลือกสนามลากูนาฯ ที่อยู่ไกลถึงจังหวัดภูเก็ตว่า "ความจริงเราก็อยากจะจัดในกรุงเทพเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีสนามไหนสนใจจะเข้ามาช่วยเรา แต่ความจริงแล้วการไปจัดที่ภูเก็ตก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้ช่วยในเรื่องของการท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตามผมอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยสนับสนุนการจัดการแข่งขันกอล์ฟให้มากกว่านี้ เนื่องจากกีฬากอล์ฟสามารถช่วยในส่วนของการท่องเที่ยวได้มาก"
ขณะที่ คี ลา ฮาน ประธานบริหาร เอเชียน ทัวร์ ก็ยินดีที่ศึก ไทยแลนด์ โอเพน กลับมาอีกครั้ง "ทุกคนคิดถึง ไทยแลนด์ โอเพน และผมขอต้อนรับคืนสู่ปฏิทินแข่งขันของ เอเชียน ทัวร์ อีกครั้ง"
สำหรับกอล์ฟ ไทยแลนด์ โอเพน ครั้งล่าสุดจัดการแข่งขันที่สนามบลู แคนยอน จังหวัดภูเก็ต เมื่อปี 2006 โดย ริชาร์ด ลี จากนิวซีแลนด์ คว้าแชมป์ไปครอง ขณะที่ บุญชู เรืองกิจ เป็นเจ้าของแชมป์ 2 สมัย คือเมื่อปี 1992 กับ 2004 ส่วน สุเทพ มีสวัสดิ์ พ่อของ "โลมายักษ์" พรหม มีสวัสดิ์ เป็นโปรไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้เมื่อปี 1991
อนึ่ง สิงห์ ไทยแลนด์ โอเพน ถือเป็นศึก เอเชียน ทัวร์ รายการที่ 5 ที่จะจัดขึ้นที่เมืองไทยในปีนี้รวมกับ เอเชียน ทัวร์ อินเตอร์เนชันแนล ที่สนามสุวรรณ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์, แบล็ค เมาเทน มาสเตอร์ส ที่สนามแบล็ค เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน ระหว่างวันที่ 26-29 มีนาคม, ใจดี อินวิเทชันแนล ที่สนามสยาม คันทรี คลับ พัทยา ระหว่างวันที่ 30 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม และ วอลโว มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย ที่สนามไทย คันทรี คลับ ระหว่างวันที่ 10-13 ธันวาคม