“ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อาศัยประตูท้ายเกมของ โรมัน พาฟลูเชนโก และ เจอร์เมน เดโฟ ช่วยให้ทีมบุกต่อเวลาพ่าย เบิร์นลีย์ แค่ 2-3 สกอร์รวมสองนัดบดชนะไป 6-4 ได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศคาร์ลิง คัพ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป
ศึกฟุตบอล คาร์ลิง คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
เบิร์นลีย์ 3-0 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
(หลังต่อเวลาพิเศษเบิร์นลีย์ชนะ 3-2 แต่สเปอร์สเข้าชิงด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-4)
แม้จะปราชัยนัดแรกที่ไวท์ ฮาร์ท เลน ถึง 1-4 แต่ โอเวน คอยล์ ยังมีความหวังในการนำ เบิร์นลีย์ เปิดบ้านชี้ชะตากับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในรอบตัดเชือกนัดที่สอง เกมนี้เจ้าถิ่นขาด สตีเวน คัลด์เวลล์ ปราการหลังตัวหลักที่ติดโทษแบนต้องให้ ไมเคิล ดัฟฟ์ เล่นแทน แต่ผู้เล่นรายอื่นสมบูรณ์พร้อมทั้ง คริส อีเกิลส์ , ร็อบบี เบล็ค หรือ มาร์ติน พาเตอร์สัน ด้าน แฮร์รี เรดแนปป์ ไม่ประมาทจัดทัพใหญ่ “ไก่เดือยทอง” ลงสู้แต่ก็ให้โอกาส เบน อัลวิค นายทวารดาวรุ่งและ คริส กันเธอร์ แบ็กขวาหน้าละอ่อนลงสัมผัสประสบการณ์
เริ่มเกมการแข่งขันสนามค่อนข้างลื่นจากการมีฝนตกลงมาก่อนหน้านี้ และแค่ 6 นาทีแฟนๆ เบิร์นลีย์ เกือบได้เฮจากส้มหล่นเมื่อ เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต โดนกดดันจนส่งคืนหลังแรงยังดีที่ เบน อัลวิค สมาธิดีบินปัดพ้นเสาหวุดหวิด แม้เจ้าถิ่นสกอร์ตกเป็นรองค่อนข้างมาก แต่ทีมจากเดอะแชมเปียนชิปยังหาโอกาสทวงประตูคืนจากนัดแรกไม่ได้เท่าที่ควร สเปอร์ส รักษาทรงเกมค้ำเอาไว้ได้ ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกเมื่อเจาะไม่เข้า คริส แม็คคานน์ ก็ต้องลองส่องไกลจากระยะ 25 หลา แต่บอลบดเรียดหลุดกรอบ
อย่างไรก็ตาม ถึงนาทีที่ 34 เจ้าถิ่นออกนำ 1-0 จนได้หลังจากเดินเกมบุกอยู่พักใหญ่ เมื่อได้ลูกฟรีคิกระยะ 30 หลาเยื้องมาทางขวาของกรอบโทษ ร็อบบี เบล็ค ลักไก่ปั่นด้วยขวาอ้อมกำแพงเข้าไปตุงตาข่าย โดยที่ อัลวิค พุ่งมาไม่ทันเนื่องจากไปอ่านว่าจังหวะนี้กองหน้าตัวเก๋า เบิร์นลีย์ จะเปิดให้เพื่อนเข้าทำที่หน้าประตู พอเสียประตูไป “ไก่เดือยทอง” ดันเกมขึ้นมาสู้บ้างแต่ยังทำอะไรไม่ได้จบ 45 นาทีแรก “แชมป์เก่า” เป็นฝ่ายตามหลัง
ลงมาลุยต่อครึ่งหลังผู้มาเยือนจากลอนดอนเปิดฉากใส่ก่อนบ้าง เจอร์เมน เดโฟ ไหลบอลให้ ลูกา โมดริช พลิกยิงด้วยซ้ายส่งลูกหนังข้ามคานไป เกมออกมาค่อนข้างสูสี เบิร์นลีย์ ก็พยายามดันเกมบุกขึ้นไปเพื่อทวงหาประตูที่สอง ผ่านหนึ่งชั่วโมงเต็ม แฮร์รี เรดแนปป์ ลงมาบัญชาเกมข้างสนามหลังไปสังเกตการณ์อยู่บนอัฒจันทร์ตลอดทั้งครึ่งแรก และก็เปลี่ยนตัวเอา แกเร็ธ เบล ลงไปเล่นแทน เจมี โอฮารา สามนาทีถัดมา เบล เกือบแผลงฤทธิ์ทันควันหลุดขึ้นมายิงบอลผ่านมือ ไบรอัน แยนเซน แต่ก็หลุดเสาไกลไป
จากนั้น สเปอร์ส เติมเกมรุกเพื่อกดไม่ให้เจ้าถิ่นกล้าลุยขึ้นมาสูงใส่ โรมัน พาฟลูเชนโก ที่หายเจ็บกลับมาเล่นแทน โมดริช นาทีที่ 66 ทีมเยือนเกือบมีเฮเช่นกัน คลาร์ก คาร์ไลส์ พลาดปล่อยบอลตกเหยียดขาสกัดไม่ถึงทำให้ เดโฟ ฉกบอลเข้าเขตโทษยังดีที่ แยนเซน มองเกมอยู่ปรี่เข้ามาล้มตัวตะครุบบอลได้ทัน แต่อีก 6 นาทีถัดมาเสียงเชียร์ในเทิร์ฟมัวร์ กระหึ่มทันทีเมื่อ เบิร์นลีย์ ทิ้งห่างเป็น 2-0 เบล็ค อาศัยความสามารถเฉพาะตัวลากเลาะเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนผ่านบอลไปเสาสองให้ แม็คคานน์ แปเน้นๆ ไม่เหลือ
สิบนาทีสุดท้าย สเปอร์ส พลาดโอกาสตีไข่แตก เบล หลุดขึ้นไปทางกราบซ้ายก่อนไหลเข้ากลาง พาฟลูเชนโก แปด้วยซ้ายระยะไม่ถึง 10 หลาหลุดกรอบแบบไม่ได้ลุ้น ก่อนหมดเวลา 2 นาทีเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อ เบิร์นลีย์ ได้ประตู 3-0 จากความผิดพลาดของ อัลวิค ที่กระโดดรับบอลหลุดมือ เจย์ โรดริเกซ กองหน้าดาวรุ่งสวมบทซูเปอร์ซับแปสวนเข้าไปตุงตาข่าย ครบ 90 นาทีสกอร์รวมเสมอกันที่ 4-4 ต้องต่อเวลาอีก 30 นาที โดยที่ถ้าหากเจ้าถิ่นยันไว้ได้จะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เนื่องจาก คาร์ลิง คัพ จะนำกฎประตูทีมเยือนมาใช้ช่วงต่อเวลาพิเศษ
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สเปอร์ส ลุยใส่ทันที ทอม ฮัดเดิลสโตน สบโอกาสปั่นในกรอบโทษด้วยซ้ายร้อนถึง แยนเซน ต้องปัดออกมา จากนั้น เรดแนปป์ เปลี่ยนเอา อาเดล ทารับท์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งลงมาช่วยเดินเกมและก็ถอด คริส กันเธอร์ แบ็กขวาออกมา ในช่วงต่อเวลาครึ่งหลัง เจ้าบ้านกลั้นใจต่อกรกับผู้มาเยือนได้อย่างน่าชื่นชม แต่นาทีที่ 118 “ไก่เดือยทอง” มาได้ประตูไล่มา 1-3 แถมนาทีสุดท้าย เดโฟ ย้ำสกอร์สำคัญช่วยให้ทีมเยือนปราชัยไปแค่ 2-3 สกอร์รวมสองนัด สเปอร์ส บดชนะ 6-4 ได้ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์กับ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เบิร์นลีย์ : ไบรอัน แยนเซน , เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ , คลาร์ก คาร์ไลส์ , ไมเคิล ดัฟฟ์ , สตีเฟน จอร์แดน , คริส อีเกิลส์ , โจอี กุดยอนส์สัน , คริส แม็คคานน์ , เหว็ด เอลเลียตต์ , ร็อบบี เบล็ค , มาร์ติน พาเตอร์สัน
สเปอร์ส : เบน อัลวิค , คริส กันเธอร์ , ไมเคิล ดอว์สัน , โจนาธาน วูดเกต , เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต , เดวิด เบนท์ลีย์ , ดิดิเยร์ โซโกรา , ทอม ฮัดเดิลสโตน , เจมี โอฮารา , ลูกา โมดริช , เจอร์เมน เดโฟ
ศึกฟุตบอล คาร์ลิง คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
เบิร์นลีย์ 3-0 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
(หลังต่อเวลาพิเศษเบิร์นลีย์ชนะ 3-2 แต่สเปอร์สเข้าชิงด้วยสกอร์รวมสองนัด 6-4)
แม้จะปราชัยนัดแรกที่ไวท์ ฮาร์ท เลน ถึง 1-4 แต่ โอเวน คอยล์ ยังมีความหวังในการนำ เบิร์นลีย์ เปิดบ้านชี้ชะตากับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในรอบตัดเชือกนัดที่สอง เกมนี้เจ้าถิ่นขาด สตีเวน คัลด์เวลล์ ปราการหลังตัวหลักที่ติดโทษแบนต้องให้ ไมเคิล ดัฟฟ์ เล่นแทน แต่ผู้เล่นรายอื่นสมบูรณ์พร้อมทั้ง คริส อีเกิลส์ , ร็อบบี เบล็ค หรือ มาร์ติน พาเตอร์สัน ด้าน แฮร์รี เรดแนปป์ ไม่ประมาทจัดทัพใหญ่ “ไก่เดือยทอง” ลงสู้แต่ก็ให้โอกาส เบน อัลวิค นายทวารดาวรุ่งและ คริส กันเธอร์ แบ็กขวาหน้าละอ่อนลงสัมผัสประสบการณ์
เริ่มเกมการแข่งขันสนามค่อนข้างลื่นจากการมีฝนตกลงมาก่อนหน้านี้ และแค่ 6 นาทีแฟนๆ เบิร์นลีย์ เกือบได้เฮจากส้มหล่นเมื่อ เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต โดนกดดันจนส่งคืนหลังแรงยังดีที่ เบน อัลวิค สมาธิดีบินปัดพ้นเสาหวุดหวิด แม้เจ้าถิ่นสกอร์ตกเป็นรองค่อนข้างมาก แต่ทีมจากเดอะแชมเปียนชิปยังหาโอกาสทวงประตูคืนจากนัดแรกไม่ได้เท่าที่ควร สเปอร์ส รักษาทรงเกมค้ำเอาไว้ได้ ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกเมื่อเจาะไม่เข้า คริส แม็คคานน์ ก็ต้องลองส่องไกลจากระยะ 25 หลา แต่บอลบดเรียดหลุดกรอบ
อย่างไรก็ตาม ถึงนาทีที่ 34 เจ้าถิ่นออกนำ 1-0 จนได้หลังจากเดินเกมบุกอยู่พักใหญ่ เมื่อได้ลูกฟรีคิกระยะ 30 หลาเยื้องมาทางขวาของกรอบโทษ ร็อบบี เบล็ค ลักไก่ปั่นด้วยขวาอ้อมกำแพงเข้าไปตุงตาข่าย โดยที่ อัลวิค พุ่งมาไม่ทันเนื่องจากไปอ่านว่าจังหวะนี้กองหน้าตัวเก๋า เบิร์นลีย์ จะเปิดให้เพื่อนเข้าทำที่หน้าประตู พอเสียประตูไป “ไก่เดือยทอง” ดันเกมขึ้นมาสู้บ้างแต่ยังทำอะไรไม่ได้จบ 45 นาทีแรก “แชมป์เก่า” เป็นฝ่ายตามหลัง
ลงมาลุยต่อครึ่งหลังผู้มาเยือนจากลอนดอนเปิดฉากใส่ก่อนบ้าง เจอร์เมน เดโฟ ไหลบอลให้ ลูกา โมดริช พลิกยิงด้วยซ้ายส่งลูกหนังข้ามคานไป เกมออกมาค่อนข้างสูสี เบิร์นลีย์ ก็พยายามดันเกมบุกขึ้นไปเพื่อทวงหาประตูที่สอง ผ่านหนึ่งชั่วโมงเต็ม แฮร์รี เรดแนปป์ ลงมาบัญชาเกมข้างสนามหลังไปสังเกตการณ์อยู่บนอัฒจันทร์ตลอดทั้งครึ่งแรก และก็เปลี่ยนตัวเอา แกเร็ธ เบล ลงไปเล่นแทน เจมี โอฮารา สามนาทีถัดมา เบล เกือบแผลงฤทธิ์ทันควันหลุดขึ้นมายิงบอลผ่านมือ ไบรอัน แยนเซน แต่ก็หลุดเสาไกลไป
จากนั้น สเปอร์ส เติมเกมรุกเพื่อกดไม่ให้เจ้าถิ่นกล้าลุยขึ้นมาสูงใส่ โรมัน พาฟลูเชนโก ที่หายเจ็บกลับมาเล่นแทน โมดริช นาทีที่ 66 ทีมเยือนเกือบมีเฮเช่นกัน คลาร์ก คาร์ไลส์ พลาดปล่อยบอลตกเหยียดขาสกัดไม่ถึงทำให้ เดโฟ ฉกบอลเข้าเขตโทษยังดีที่ แยนเซน มองเกมอยู่ปรี่เข้ามาล้มตัวตะครุบบอลได้ทัน แต่อีก 6 นาทีถัดมาเสียงเชียร์ในเทิร์ฟมัวร์ กระหึ่มทันทีเมื่อ เบิร์นลีย์ ทิ้งห่างเป็น 2-0 เบล็ค อาศัยความสามารถเฉพาะตัวลากเลาะเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนผ่านบอลไปเสาสองให้ แม็คคานน์ แปเน้นๆ ไม่เหลือ
สิบนาทีสุดท้าย สเปอร์ส พลาดโอกาสตีไข่แตก เบล หลุดขึ้นไปทางกราบซ้ายก่อนไหลเข้ากลาง พาฟลูเชนโก แปด้วยซ้ายระยะไม่ถึง 10 หลาหลุดกรอบแบบไม่ได้ลุ้น ก่อนหมดเวลา 2 นาทีเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อ เบิร์นลีย์ ได้ประตู 3-0 จากความผิดพลาดของ อัลวิค ที่กระโดดรับบอลหลุดมือ เจย์ โรดริเกซ กองหน้าดาวรุ่งสวมบทซูเปอร์ซับแปสวนเข้าไปตุงตาข่าย ครบ 90 นาทีสกอร์รวมเสมอกันที่ 4-4 ต้องต่อเวลาอีก 30 นาที โดยที่ถ้าหากเจ้าถิ่นยันไว้ได้จะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เนื่องจาก คาร์ลิง คัพ จะนำกฎประตูทีมเยือนมาใช้ช่วงต่อเวลาพิเศษ
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ สเปอร์ส ลุยใส่ทันที ทอม ฮัดเดิลสโตน สบโอกาสปั่นในกรอบโทษด้วยซ้ายร้อนถึง แยนเซน ต้องปัดออกมา จากนั้น เรดแนปป์ เปลี่ยนเอา อาเดล ทารับท์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งลงมาช่วยเดินเกมและก็ถอด คริส กันเธอร์ แบ็กขวาออกมา ในช่วงต่อเวลาครึ่งหลัง เจ้าบ้านกลั้นใจต่อกรกับผู้มาเยือนได้อย่างน่าชื่นชม แต่นาทีที่ 118 “ไก่เดือยทอง” มาได้ประตูไล่มา 1-3 แถมนาทีสุดท้าย เดโฟ ย้ำสกอร์สำคัญช่วยให้ทีมเยือนปราชัยไปแค่ 2-3 สกอร์รวมสองนัด สเปอร์ส บดชนะ 6-4 ได้ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์กับ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เบิร์นลีย์ : ไบรอัน แยนเซน , เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ , คลาร์ก คาร์ไลส์ , ไมเคิล ดัฟฟ์ , สตีเฟน จอร์แดน , คริส อีเกิลส์ , โจอี กุดยอนส์สัน , คริส แม็คคานน์ , เหว็ด เอลเลียตต์ , ร็อบบี เบล็ค , มาร์ติน พาเตอร์สัน
สเปอร์ส : เบน อัลวิค , คริส กันเธอร์ , ไมเคิล ดอว์สัน , โจนาธาน วูดเกต , เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต , เดวิด เบนท์ลีย์ , ดิดิเยร์ โซโกรา , ทอม ฮัดเดิลสโตน , เจมี โอฮารา , ลูกา โมดริช , เจอร์เมน เดโฟ
