xs
xsm
sm
md
lg

แรลลี่โหด-หัวใจแกร่ง "มานะ" พิชิต ดาการ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มานะ และ เธียร์รี ลาคอมบ์ ผู้นำทาง โบกสะบัดธงชาติไทยที่บัวโนสไอเรส
ในที่สุด "เจ้าหนึ่ง" มานะ พรศิริเชิด ก็ทำให้สโลแกนที่ลั่นวาจาเอาไว้ก่อนเดินทางมุ่งสู่อเมริกาใต้ว่า "ดาการ์ครั้งนี้ผมจะทำเพื่อ Race for Thailand" สัมฤทธิ์ผลจนได้ เมื่อสามารถควบรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชัน หมายเลข 368 ร่วมกับเธียร์รี ลาคอมบ์ เนวิเกเตอร์เลือดน้ำหอม นำธงชาติไทยไปโบกสะบัดยังเส้นชัย ในกรุงบัวโนส ไอเรส ประเทศอาร์เจนตินาได้อย่างสง่าผ่าเผย

แม้ว่า "ดาการ์" แรลลีหฤโหดรายการเก่าแก่ของโลกจะเปลี่ยนเส้นทางการแข่งขันจาก ยุโรป-แอฟริกา มาดวลกันบนดินแดนอเมิกาใต้เป็นครั้งแรกโดยใช้ชื่อ "ดาการ์ 2009 อาร์เจนตินา-ชิลี" แต่ศึกชิงจ้าวทะเลทรายครั้งนี้ยังคงมีดีกรีความโหดของไม่น้อยหน้าการแข่งขันใน 30 ครั้งที่ผ่านมา โดยในประเภทรถยนต์ที่แฟนกีฬาความเร็วทั่วโลกจับตามอง มีรถวิ่งถึงเส้นชัยในวันสุดท้ายเพียง 90 คันเท่านั้น จากรถที่ออกสตาร์ทในวันที่ 3 มกราคมถึง 193 คัน

ซึ่งมานะ พรศิริเชิด นักขับหนึ่งเดียวของไทย สังกัดมิตซูบิชิ แรลลีอาร์ต สิงห์ ทีม ประเทศไทย ก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง เมื่อยืนหยัดเป็น 1 ใน 90 คัน ที่พิชิตชัยดาการ์ 2009 ได้สำเร็จในวันสุดท้าย หลังทำเวลาใน
สเตจที่ 14 เข้ามาเป็นอันที่ 17 ตามหลัง จิเนียล เดอ วิลลิเยร์ส แชมป์รายการนี้จากทีมโฟล์คสวาเกนเพียง 15 นาที พร้อมทั้งรักษาอันดับที่ 73 ในตารางเวลารวมประเภทรถยนต์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

"เจ้าหนึ่ง" ที่ตั้งเป้าว่าต้องจบการแข่งขันในวันสุดท้ายให้ได้ ต้องพบอุปสรรคมากมายตั้งแต่การแข่งขัน
สเตจที่ 2 หลังจากรถอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ จากการถูกรถบรรทุกถอยชนระหว่างแข่งจนทีมงานต้องเร่งทำการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายเพื่อที่จะให้พร้อมในการแข่งขันในวันต่อไป จากนั้นเรื่องเศร้าของนักแข่งไทยก็มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยในสเตจที่ 5 รถของมานะ และเพื่อนนักแข่งร่วมชะตากรรมอีกกว่า 100 คันต้องติดอยู่ในหล่มทรายกลางทะเลทรายปาทาโกเนียที่มีความละเอียดและนุ่มจนเกินกว่าที่รถแข่งจะเร่งเครื่องผ่านไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น กว่าที่นักแข่งไทย และเธียร์รี จะได้รับการช่วยเหลือออกจากสภาพอากาศอันร้อนระอุกลางทะเลทราย ก็กินเวลาเกินกว่า 1 วันเต็ม ซึ่งทำให้รถหมายเลข 368 ของมานะไม่สามารถไปออกตัวที่จุดสตาร์ทสเตจที่ 6 ได้ทันเวลา โดยเป็นคันรองสุดท้ายที่ได้รับความช่วยเหลือจากรถลาก จากรถที่ติดหล่มทรายด้วยกันว่า 100 คัน จนถูกฝ่ายจัดการแข่งขัน ตัดสิทธิ์ทำให้นักแข่งไทยต้องออกจากการแข่งขันแค่เพียงในสเตจนี้เท่านั้น

อย่างไรก็ดีชะตากรรมของ "เจ้าหนึ่ง" ก็เหมือนฟื้นคืนชีพอีกครั้ง เมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันเปิดไฟเขียวให้รถจากประเทศไทย กลับสู่เส้นทางหฤโหดอาร์เจนตินา-ชิลี ในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากมองว่า ความล่าช้าในการลากรถขึ้นจากหล่มทรายนั้น เกิดจากผู้จัดเอง แต่กระนั้นก่อนที่มานะจะได้ออกตัวสเตจที่ 7 เจ้าตัวต้องยอมรับปรับโทษกว่า 200 ชั่วโมง เนื่องจากไม่สามารถจบการแข่งขันสเตจที่ 5 และ 6 ได้

ซึ่งหลังจากรับโอกาสได้กลับมาแข่งดาการ์ใหม่อีกครั้ง เจ้าหนึ่ง และ เธียร์รี ผู้นำทางคู่ใจ ก็ระเบิดฟอร์มสุดยอดในช่วงครึ่งทางที่เหลือ เมื่อนำรถจบการแข่งขันในอันดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขับในเส้นทางลูกรังที่เต็มไปด้วยหินและกรวดที่เป็นเส้นทางถนัดของ และสามารถทำผลงานกระหึ่มดินแดนละติน อเมริกา ด้วยการะทะยานเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 17 ในสเตจส่งท้าย อันเป็นผลงานที่ดีที่สุดของมานะในดาการ์ครั้งนี้

ภายหลังการตะลุยฝ่าด่านหิน รวมระยะทางกว่า 9,000 กิโลเมตร ในช่วง15 วันที่ผ่านมา มานะเผยความรู้สึกที่ได้นำธงไตรรงค์ไปโบกสะบัดยังเส้นชัย ได้เป็นครั้งที่ 2 ใน ชีวิตว่า “ถึงแม้ว่าผมจะลุยฝ่าด่านอันแสนหฤโหดมาจนเกือบจะจบการแข่งขันแล้วก็ตาม รวมถึงเส้นทางวันสุดท้ายดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอุปสรรคมากนัก แต่ในดาการ์ไม่เคยมอบอะไรที่แน่นอนให้กับชีวิต เราประมาทไม่ได้เลย ซึ่งสุดท้าย ผมกับเธียรีและเจ้า มิตซูฯ คู่ใจ ก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เราประคองรถไปให้ถึงยังจุดมุ่งหมายในกรุงบัวโนสไอเรสได้สำเร็จ”

"อันดับที่ 73 โอเวอร์ออลที่ได้มา ถึงแม้ว่าจะไม่ดีเท่าอันดับเดิมเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ผมก็ภาคภูมิใจในความพยายามและการทุ่มเทของผม การได้นำธงไทยไปโบกสะบัดยังโพเดียมคือจุดสูงสุดในชีวิตอีกครั้ง ที่สำคัญแรงใจแรงเชียร์จากคนไทยทุกคน รวมถึงการสนับสนุนในทุกๆ ทำให้ผมคว้าความสำเร็จในครั้งนี้มาได้ ผมขอขอบคุณทุกคนจริงๆครับ" มานะร่ายยาว

แม้ว่า "เจ้าหนึ่ง" จะไม่สามารถทำผลงานเทียบเท่าการแข่งขัน ลิสบอน-ดาการ์ 2007 ที่ตนเองเคยจบอันดับ 67 ในตารางเวลารวมได้ แต่อย่างน้อยการพิชิตชัยดาการ์ 2009 เหนือนักแข่งระดับแชมป์ทั้ง สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล ,ลุค อัลฟองด์ ,ฮิโรชิ มาซูโอกะ และ คาร์ลอส แซงค์ ก็เป็นบทพิสูจน์ที่ยอดเยี่ยมถึงความทรหดของนักแข่งวัย 30 ปีจากประเทศไทย รวมถึงรถปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชันได้เป็นอย่างดี
ลุยฝ่าด่านทะเลทรายกว่า 9,000 กิโลเมตร
เจ้าหนึ่ง ยิ้มแป้นเมื่อพิชิตชัยดาดาร์
ในที่สุดรถ หมายเลข 368 ก็ถึงเส้นชัย
จิเนียล เดอ วิลลิเยร์ส (ขวา) แชมป์จากทีมโฟล์คสวาเกน
กำลังโหลดความคิดเห็น