มานะ พรศิริเชิด นักขับความหวังหนึ่งเดียวของคนไทย ต้องยุติเส้นทางในดาการ์ 2009 อาร์เจนตินา-ชิลี อย่างน่าเสียดาย หลังไม่สามารถนำรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชัน หมายเลย 368 ขึ้นจากหลุมทรายเพื่อออกสตาร์ทสเตจที่ 6 ได้ทันเวลา
ความคืบหน้าหลังจากที่เจ้าหนึ่ง มานะ พรศิริเชิด นักแข่งสัญชาติไทยหนึ่งเดียวในดาการ์ 2009 และเพื่อนนักแข่งร่วมชะตากรรมอีกร้อยกว่าคัน ต้องรอรับความช่วยเหลือราว 24 ชั่วโมงจากผู้จัดการแข่งขัน เนื่องจากต้องติดอยู่ในหล่มทรายกลางทะเลทรายปาทาโกเนียที่มีความละเอียดและนุ่มจนเกินกว่าที่รถแข่งนับร้อยจะผ่านไปได้ในสเตจที่ 5 และจบในสเตจนี้เพียง 33 คัน
จนทำให้ผู้จัดการแข่งขันต้องประกาศยกเลิกผลการแข่งขันสเตจนี้ในที่สุด แต่ถึงกระนั้นโชคชะตาก็ดูเหมือนจะไม่เข้าข้างมานะ เมื่อรถแข่ง ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น หมายเลข 368 ของมานะไม่สามารถจะลากขึ้นจากหล่มทรายได้ด้วยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เนื่องจากไม่มีกำลังมากพอ จึงทำให้มานะต้องรอความช่วยเหลือต่อไปด้วยรถทรัค 6 ล้อ
ซึ่งก็เกือบเป็นคันสุดท้ายที่ได้รับการช่วยเหลือ และกว่าที่มานะ และเธียร์รี่ จะได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ก็กินเวลาเกินกว่า 1 วันเต็มท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุกลางทะเลทราย ด้วยความช่วยเหลือที่ล่าช้าของฝ่ายจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้นักแข่งไทยต้องออกจากการแข่งขันแค่เพียงในสเตจนี้เท่านั้น เพราะไม่สามารถกลับมาถึงทันเวลาที่จะออกสตาร์ทในสเตจที่ 6 ได้
โดยนายประสาน ดวงวิบูลย์ ผู้จัดการทีม ได้พยายามเจรจาประสานกับฝ่ายจัดการแข่งขันตลอดเวลาเพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันเวลาแต่ไม่เป็นผล
ด้วยความโหดของเส้นทางในสเตจที่ 5 จนทำให้รถแข่งหลายร้อยคันได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องยกเลิกการแข่งในสเตจที่ 6 เพื่อให้ทีมเซอร์วิสแต่ละทีมนำรถแข่งไปซ่อมแซม และเตรียมรับมือกับความโหดในสเตจที่ 7 ต่อไป
โดยสเตจที่ 7 จะออกสตาร์ทกันที่เมืองเมนโดซามุ่งหน้าเมืองสู่เมืองวาลปาไดโซ รวมระยะทาง 816 กิโลเมตรแบ่งเป็นช่วงจับเวลาพิเศษ 491 กิโลเมตร ซึ่งผู้สื่อข่าวภาคสนามของไทยที่เกาะติดอยู่ที่ขอบสนามแข่งในครั้งนี้รายงานว่าในสเตจที่ 7 นั้นมีความโหดมากกว่าสเตจที่ 5 เสียอีก
ความคืบหน้าหลังจากที่เจ้าหนึ่ง มานะ พรศิริเชิด นักแข่งสัญชาติไทยหนึ่งเดียวในดาการ์ 2009 และเพื่อนนักแข่งร่วมชะตากรรมอีกร้อยกว่าคัน ต้องรอรับความช่วยเหลือราว 24 ชั่วโมงจากผู้จัดการแข่งขัน เนื่องจากต้องติดอยู่ในหล่มทรายกลางทะเลทรายปาทาโกเนียที่มีความละเอียดและนุ่มจนเกินกว่าที่รถแข่งนับร้อยจะผ่านไปได้ในสเตจที่ 5 และจบในสเตจนี้เพียง 33 คัน
จนทำให้ผู้จัดการแข่งขันต้องประกาศยกเลิกผลการแข่งขันสเตจนี้ในที่สุด แต่ถึงกระนั้นโชคชะตาก็ดูเหมือนจะไม่เข้าข้างมานะ เมื่อรถแข่ง ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชั่น หมายเลข 368 ของมานะไม่สามารถจะลากขึ้นจากหล่มทรายได้ด้วยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ เนื่องจากไม่มีกำลังมากพอ จึงทำให้มานะต้องรอความช่วยเหลือต่อไปด้วยรถทรัค 6 ล้อ
ซึ่งก็เกือบเป็นคันสุดท้ายที่ได้รับการช่วยเหลือ และกว่าที่มานะ และเธียร์รี่ จะได้รับการช่วยเหลือในครั้งนี้ก็กินเวลาเกินกว่า 1 วันเต็มท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุกลางทะเลทราย ด้วยความช่วยเหลือที่ล่าช้าของฝ่ายจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้นักแข่งไทยต้องออกจากการแข่งขันแค่เพียงในสเตจนี้เท่านั้น เพราะไม่สามารถกลับมาถึงทันเวลาที่จะออกสตาร์ทในสเตจที่ 6 ได้
โดยนายประสาน ดวงวิบูลย์ ผู้จัดการทีม ได้พยายามเจรจาประสานกับฝ่ายจัดการแข่งขันตลอดเวลาเพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันเวลาแต่ไม่เป็นผล
ด้วยความโหดของเส้นทางในสเตจที่ 5 จนทำให้รถแข่งหลายร้อยคันได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงทำให้ฝ่ายจัดการแข่งขันต้องยกเลิกการแข่งในสเตจที่ 6 เพื่อให้ทีมเซอร์วิสแต่ละทีมนำรถแข่งไปซ่อมแซม และเตรียมรับมือกับความโหดในสเตจที่ 7 ต่อไป
โดยสเตจที่ 7 จะออกสตาร์ทกันที่เมืองเมนโดซามุ่งหน้าเมืองสู่เมืองวาลปาไดโซ รวมระยะทาง 816 กิโลเมตรแบ่งเป็นช่วงจับเวลาพิเศษ 491 กิโลเมตร ซึ่งผู้สื่อข่าวภาคสนามของไทยที่เกาะติดอยู่ที่ขอบสนามแข่งในครั้งนี้รายงานว่าในสเตจที่ 7 นั้นมีความโหดมากกว่าสเตจที่ 5 เสียอีก
