xs
xsm
sm
md
lg

"ดาการ์ 2009" ฤามิตซูฯจะสูญพันธุ์?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปีเตอร์อองเซล ต้องอำลาดาการ์เพียงสเตจที่ 7
ผ่านพ้นไปแล้วครึ่งทาง สำหรับ "ดาการ์ 2009 อาร์เจนตินา-ชิลี" แรลลีรายการเก่าแก่ของโลกที่การันตีความโหดมาเป็นปีที่ 30 ซึ่งหากมองจากอันดับเวลารวมหลัง 9 สเตจที่ผ่านพ้นไป ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้น ความล้มเหลวของทีมเต็งหนึ่ง อย่าง เรปโซล มิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต เนื่องจากเวลานี้ความหวังในการคว้าแชมป์ประเภทรถยนต์สมัยที่ 8 ติดต่อกันของพวกเขา อยู่ในขั้นมืดมนเต็มที

หลังต้องยกเลิกการแข่งขัน ลิสบอน-ดาการ์ 2008 เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศมัวริทาเนีย เมื่อช่วงต้นปี 2008 ที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้ฝ่ายจัดการแข่งขันจำต้องย้ายจากดินแดนยุโรป-แอฟริกัน มาจัดแข่งในทวีปอเมริกาใต้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ นับจากศึกปารีส-ดาการ์ ในปี 1979 อย่างไรก็ดี ทีมเรปโซล มิตซูบิชิ แรลลีอาร์ต เจ้าแห่งแรลลีหฤโหด ที่กวาดแชมป์ประเภทรถยนต์มาถึง 12 สมัย และผูกขาดคว้าเป็นผู้ชนะในรายการนี้ใน 7 ครั้งล่าสุด ยังคงมั่นใจว่ารถแข่งคันใหม่ของตนจะนำชัยชนะสมัยที่ 13 มาสู่ทีมได้แบบไม่ยากเย็น

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส โชว์ความพร้อมด้วยการเปิดตัวรถแลนเซอร์ MRX09 Racing พร้อมกันทีเดียว 4 คันรวด เพื่อให้ 4 นักขับระดับพระกาฬ ลงไล่ล่าแชมป์ดาการ์ 2009 โดยทีมแข่งแดนปลาดิบ ยังคงไว้วางใจ สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล แชมป์เก่าชาวฝรั่งเศส ให้เป็นความหวังอันดับหนึ่งของทีมที่จะมาต่อกรกับ คาร์ลอส แซงค์ จากค่ายโฟล์คสวาเกน ขณะที่อีก 3 คันที่เหลือยังเต็มไปด้วยนักขับที่มีดรีกรีแชมป์รายการนี้ทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่ ลุค อัลฟองด์ อดีตแชมป์ปี 2006 ,ฮิโรชิ มาซูโอกะ อดีตแชมป์ปี 2002 และ 2003 รวมไปถึง โจน นานี โรมา อดีตแชมป์ประเภทจักรยานยนต์ปี 2005 จากสเปน

จ้าวแห่งแรลลีทะเลทราย ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการใช้รถรุ่นปาเจโร ที่นำแชมป์สู่ทีมถึง 12 ครั้ง หันมาใช้รถแลนเซอร์ MRX09 (MITSUBISHI Rally Cross 2009) เป็นครั้งแรก พร้อมกันนี้ยังมีการเปลี่ยนจากการใช้เครื่องยนต์เบนซิน มาเป็นเครื่องยนต์ดีเซล–เทอร์โบ ขุมกำลัง 3,000 ซีซี ขับเคลื่อน 4 ล้อ เช่นเดียวกับทีมคู่แข่งอย่างโฟล์คสวาเกน และบีเอ็มดับเบิลยู โดยหวังว่าแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องดีเซล จะทำให้รถไปได้เร็วขึ้นท่ามกลางเส้นทางทะเลทรายที่นุ่มละเอียดบนดินแดนละติน อเมริกา

ซึ่งก่อนที่รถทั้ง 177 คัน จะออกสตาร์กันที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา โดมินิค ซีรีย์ส ทีมบอสเรปโซล มิตซูบิชิ แสดงความมั่นใจว่า “เราไปทวีปอเมริกาใต้เพื่อชัยชนะสถานเดียว รวมทั้งเพื่อรักษาตำแหน่งแชมป์ที่เราทำได้มาถึง 7 ปีติดต่อกัน มันเป็นครั้งแรกที่เราเปลี่ยนรถแข่งใหม่ 4 คัน ซึ่งเราได้ทุ่มเทอย่างหนักในการพัฒนารถแข่งทั้งหมดให้มีศักยภาพสมบรูณ์แบบที่สุด”

อย่างไรก็ดี เพียงแค่สเตจที่ 2 ฮิโรชิ มาซูโอกะ แชมป์เก่า 2 สมัยในรถหมายเลข 310 ก็ต้องเป็นนักแข่งของทีมแชมป์เก่า ที่ต้องโบกมือลาดาการ์ 2009 หลังจาก แลนเซอร์ MRX09 มีปัญหาด้านเครื่องยนต์ โดยขุมกำลังมิตซูบิชิมีอาการโอเวอร์ฮีท จนไม่สามารถเยียวยาให้แข่งขันต่อได้ นอกจากนี้ 3 วันถัดมา ลุค อัลฟองด์ อดีตแชมป์เลือดน้ำหอม ก็ต้องถอนตัวออกจากการแข่งขัน เนื่องจากจิลล์ พิชาร์ด ผู้นำทางคู่ใจประสบอุบัติเหตุถูกรถทับที่ต้นขา จากการลงไปช่วยนำรถของอัลฟองด์ขึ้นมาจากหล่มโคลนในการแข่งขันสเตจที่ 5

ไม่เพียงเท่านั้นในการแข่งขันสเตจที่ 7 มิตซูฯ ยังต้องมาเสีย สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล สุดยอดนักขับชาวฝรั่งเศสไปอีกหนึ่งคัน หลังจากท่อส่งน้ำมันในรถแลนเซอร์ MRX09 หมายเลข 300 มีปัญหาจนทำให้เครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท ไม่สามารถไปต่อได้ อันเป็นปัญหาเดียวกับรถของ มาซูโอกะ ไม่มีผิดเพี้ยน นับเป็นความสูญเสียของเรปโซล มิตซูบิชิ ที่ต้องถอนตัวออกจากศึกดาการ์ 2009 เป็นคันที่ 3 ในเวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น

โดยอันดับเวลารวมของ ดาการ์ 2009 หลังผ่าน 9 สเตจ ปรากฏว่า 3 อันดับแรก กลายเป็นรถโฟล์คสวาเกน Race Touareg ทีมผู้ท้าชิงอันดับ1 ของมิตซูบิชิ ที่ยึดพื้นที่หัวแถวไว้อย่างเหนียวแน่น ไล่จาก อันดับ 1 คาร์ลอส แซงค์ อดีตแชมป์แรลลีโลกชาวสเปน ตามด้วย จิเนล เดอ วิลเลอร์ส จากแอฟริกาใต้ และมาร์ค มิลเลอร์ นักขับอเมริกัน โดยมิตซูฯมีเพียง โจน นานี โรมา นักขับสแปนิช ที่พอจะมีกับความหวังเล็กๆในการป้องกันแชมป์ให้กับต้นสังกัด ด้วยการรั้งอันดับ 4 โอเวอร์ออล ตามหลัง แซงค์ ผู้นำอยู่ร่วม 1 ชั่วโมง

ซึ่งโรมา วัย 36 ปี ที่เป็นความหวังสุดท้ายของมิตซูบิชิของดาการ์ครั้งนี้ เผยด้วยความกังวลใจกับเครื่องยนต์ในรถแลนเซอร์ MRX09 หมายเลข 304 ของตัวเองว่า "สถานการณ์ตอนนี้ไม่ง่ายเลยสำหรับเรา ทุกคนพยายามที่จะเร่งเครื่องเดินหน้าเพื่อชัยชนะ แต่เครื่องยนต์รวมถึงชิ้นส่วนบางอย่างของรถล้วนทำงานหนักมากนับจากออกสตาร์ท จนต้องออกไปถึง 2 คัน ผมหวังว่ารถของผมจะคงอยู่ในดาการ์ครั้งนี้และวิ่งจนจบการแข่งขันวันสุดท้าย"

แม้จะเหลือเส้นทางกว่า 3,000 กิโลเมตร ให้นักขับทุกคนได้ฟันฝ่าอุปสรรคนำรถกลับไปเข้าเส้นชัยในสเตจสุดท้ายที่บัวโนสไอเรส แต่เวลานี้ทีมงานเรปโซล มิตซูบิชิ น่าจะต้องทบทวนความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวเองในดาการ์ครั้งนี้ เนื่องจากโอกาสที่จะสูญเสียความเป็นจ้าวแห่งแรลลี่หฤโหดให้กับโฟล์คสวาเกนนั้น ต้องบอกว่ามีสูงเหลือเกิน
รถของ โจน นานี โรมา ความหวังเดียวของมิตซูฯในดาการ์ 2009
โจน นานี โรมา นักขับสแปนิช
โฟล์คสวาเกนของ คาร์ลอส แซงค์ ยังแรงไม่ตก
กำลังโหลดความคิดเห็น