คาร์ลอส เตเบซ ซัดประตูชัยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเฉือน สโต๊ค ซิตี ที่เหลือผู้เล่น 10 คน 1-0 ขณะที่ เชลซี เปิดบ้านสอย เวสต์บรอมวิช อัลเบียน นิ่มๆ 2-0 ในศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันบ็อกซิงเดย์
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดบ็อกซิงเดย์ วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2551
สโต๊ค ซิตี 0 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในวันแกะกล่องของขวัญ สโต๊ค ซิตี เฝ้ารังบริททานเนีย สเตเดียม รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดนี้เจ้าถิ่นเปลี่ยนแปลงผู้เล่นพอสมควรโดยมี ริคาร์โด ฟูลเลอร์ กับ ริชาร์ด เครสส์เวลล์ เป็นคู่หัวหอก ส่วนทีมเยือนส่ง จอนนี อีแวนส์ ลงเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ขณะที่ พอล สโคลส์ ก็กลับมาเป็น 11 คนแรกในรอบ 3 เดือน
เขี่ยลูกเริ่มเล่นได้เพียง 53 วินาที “ช่างปั้นหม้อ” มีโอกาสทักทายอย่างรวดเร็วจากลูกหวดโด่งที่เหมือนไม่อันตราย แต่ อีแวนส์ กลับปล่อยบอลตกพื้นจนถูก ฟูลเลอร์ โฉบตัดหน้าเข้ามาดีดข้ามคาน จากนั้นนาทีที่ 3 “ปิศาจแดง” ก็ตอบโต้บ้างโดย เนมานยา วิดิช หนุนขึ้นมาโหม่งลูกเตะมุมออกหลังทางเสาสอง
เดอะ พ็อตเตอร์ ยังคงสู้ได้อย่างสูสี นาทีที่ 16 รอรี ดีแล็ป วางบอลยาวจากกลางสนามให้ ฟูลเลอร์ จับบอลลงในเขตโทษ แต่จังหวะยิงถูก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ออกมาขวางไว้ได้ทัน ถัดมา 2 นาที อีแวนส์ ดันขึ้นสูงก่อนหาจังหวะโฉบโหม่งตัดหน้า โธมัส โซเรนเซน แต่ก็ยังไม่เข้ากรอบ
เจ้าบ้านยังอาศัย ฟูลเลอร์ กดดันแนวรับอาคันตุกะเป็นหลักโดยได้โอกาสทะลุเข้าเขตโทษในนาทีที่ 24 ทว่าไปสะดุดพื้นหนึ่งทีจนรองเท้าหลุด ทำให้หมดโอกาสเปิดยัดเข้าไปหน้าประตู จากนั้น 2 นาที แกรี เนวิลล์ เติมขึ้นมาทางขวาก่อนโยนให้ เวย์น รูนีย์ ขึ้นโขกที่เสาแรก บอลตรงตัว โซเรนเซน ที่ยืนรับสบาย
เข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มทำเกมรุกได้มากขึ้น คริสเตียโน โรนัลโด พยายามไขว้บอลจากลูกเปิดทางด้านขวา บอลเลยมาถึง อีแวนส์ ที่เสาสองก่อนแตะหาช่องซัดด้วยซ้ายแถวสุดเส้นหลัง แต่ แดนนี ฮิกกิน บอทแธม ยังพุ่งมาสไลด์บล็อกเอาไว้ได้
ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกต่างฝ่ายต่างมีจังหวะลุ้นเข้าทำ โดย โรนัลโด ตะบันฟรีคิกติดกำแพงในนาทีที่ 42 ก่อนที่ เครสส์เวลล์ จะลองกดบริเวณมุมเขตโทษด้านซ้ายหลุดออกไปทางเสาแรก ตามด้วย รูนีย์ ได้โอกาสหมุนตัวซัดในเขตโทษจากการทำชิ่งกับ คาร์ลอส เตเบซ เฉี่ยวเสาแรก จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลังเพียง 2 นาที ทีมเยือนเกือบเป็นฝ่ายเจาะตาข่ายได้ก่อน เมื่อ เตเบซ กระชากหนีกองหลังสโต๊คเข้าไปเข่นด้วยซ้ายกะยัดเสาแรก แต่ โซเรนเซน ยังไม่พลาดปัดออกหลังไปได้ ก่อนที่ เตเบซ จะมีเก็บส้มหล่นในนาทีที่ 50 จากจังหวะที่ลูกเปิดของ เนวิลล์ กระดอนแนวรับเจ้าถิ่นมาเข้าทาง แต่ลูกติดเท้าจึงยิงไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 58 เตเบซ สไลด์บอลจากเท้า ออมดี ฟาย หลุดถึง สโคลส์ กระทุ้งจากแถวสองตามถนัดถูก โซเรนเซน พุ่งปัดชนิดสุดปลายมือ ก่อนที่ช่างปั้นหม้อจะบุกขึ้นมาโดย ฟูลเลอร์ แย่งลูกจาก สโคลส์ แล้วแตะหาช่องยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ ทว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็เซฟไม่พลาดเช่นกัน ก่อนที่ แดนนี พิวจ์ จะโหม่งลูกเตะมุมข้ามคาน
สโต๊ค มีจังหวะหวาดเสียว 3 ครั้งซ้อนในนาทีที่ 67 เริ่มจากลูกฟรีคิกที่ใช้ลูกสูตรทำชิ่งเข้าไปให้ ดีแล็ป ยิงมุมแคบติดตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ จากนั้น เกล็น วีแลน โยนลูกเตะมุมเกือบเสียบใต้คานที่เสาไกล แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังถอยหลังปัดออกไปได้ ก่อนที่ พิวจ์ จะเปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาให้ ไรอัน ชอว์ครอสส์ โหม่งเข้ามือ ฟาน เดอร์ ซาร์
ทว่า เดอะ พ็อตเตอร์ มาเหลือ 10 คนในนาทีที่ 72 เมื่อ แอนดี วิลกินสัน ไปรวบ โรนัลโด ทางด้านหลังจนถูกใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม กระทั่งนาทีที่ 83 ปิศาจแดงก็ขึ้นนำ 1-0 สมใจจากจังหวะที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ตัวสำรองที่ลงมาแทน จอห์น โอเชีย โฉบตัดหน้า ชอว์ครอสส์ ในเขตโทษก่อนเปิดมาให้ เตเบซ แปจ่อๆ ไม่เหลือ จากนั้นทีมเยือนปิดเกมบุกมาชนะ 1-0 เก็บ 3 คะแนนกลับบ้านได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สโต๊ค ซิตี – โธมัส โซเรนเซน, แอนดี วิลกินสัน, อับดูลาย ฟาย, ไรอัน ชอว์ครอสส์, แดนนี ฮิกกินบอทแธม, ออมดี ฟาย, เกล็น วีแลน, รอรี ดีแล็ป, แดนนี พิวจ์, ริคาร์โด ฟูลเลอร์, ริชาร์ด เครสส์เวลล์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, แกรี เนวิลล์, เนมานยา วิดิช, จอนนี อีแวนส์, จอห์น โอเชีย, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, พอล สโคลส์, คริสเตียโน โรนัลโด, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนีย์, คาร์ลอส เตเบซ
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
สโต๊ค ซิตี แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 (คาร์ลอส เตเบซ 0-1 น.83)
เชลซี ชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-0 (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 1-0 น.3), (แฟรงค์ แลมพาร์ด 2-0 น.45)
ปอร์ทสมัธ แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-4 (นาเดียร์ เบลฮัดจ์ 1-0 น.8), (แจ็ค คอลลิสัน 1-1 น.20), (คาร์ลตัน โคล 1-2 น. 67), (เคร็ก เบลลามี 1-3 น.70), (เคร็ก เบลลามี 1-4 น.83)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ ฟูแลม 0-0
ลิเวอร์พูล ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 (อัลเบิร์ต ริเอรา 1-0 น.26), (ร็อบบี คีน 2-0 น.53), (ร็อบบี คีน 3-0 น. 58)
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ ฮัลล์ ซิตี 5-1 (เฟลิเป ไซเซโด 1-0 น.15), (เฟลิเป ไซเซโด 2-0 น.27), (โรบินโญ 3-0 น.28), (โรบินโญ 4-0 น.36), (เคร็ก เฟแกน 4-1 น.80), (สตีเฟน ไอร์แลนด์ 5-1 น.82)
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-1 (ทิม เคฮิลล์ 0-1 น.50)
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0
วีแกน แอธเลติก ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 (ไรอัน เทย์เลอร์ 1-0 น.29), (อาเมอร์ ซากี 2-0 จุดโทษ น.73), (แดนนี กัทธรี 2-1 จุดโทษ น.88)
แอสตัน วิลลา เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เนเวส เดนิลสัน 0-1 น.40), (อาบู ดิยาบี 0-2 น.49), (แกเร็ธ แบร์รี 1-2 จุดโทษ น.65), (แซต ไนท์ 2-2 น.90)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ นัดบ็อกซิงเดย์ วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2551
สโต๊ค ซิตี 0 – 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในวันแกะกล่องของขวัญ สโต๊ค ซิตี เฝ้ารังบริททานเนีย สเตเดียม รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดนี้เจ้าถิ่นเปลี่ยนแปลงผู้เล่นพอสมควรโดยมี ริคาร์โด ฟูลเลอร์ กับ ริชาร์ด เครสส์เวลล์ เป็นคู่หัวหอก ส่วนทีมเยือนส่ง จอนนี อีแวนส์ ลงเล่นเซนเตอร์ฮาล์ฟแทน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ขณะที่ พอล สโคลส์ ก็กลับมาเป็น 11 คนแรกในรอบ 3 เดือน
เขี่ยลูกเริ่มเล่นได้เพียง 53 วินาที “ช่างปั้นหม้อ” มีโอกาสทักทายอย่างรวดเร็วจากลูกหวดโด่งที่เหมือนไม่อันตราย แต่ อีแวนส์ กลับปล่อยบอลตกพื้นจนถูก ฟูลเลอร์ โฉบตัดหน้าเข้ามาดีดข้ามคาน จากนั้นนาทีที่ 3 “ปิศาจแดง” ก็ตอบโต้บ้างโดย เนมานยา วิดิช หนุนขึ้นมาโหม่งลูกเตะมุมออกหลังทางเสาสอง
เดอะ พ็อตเตอร์ ยังคงสู้ได้อย่างสูสี นาทีที่ 16 รอรี ดีแล็ป วางบอลยาวจากกลางสนามให้ ฟูลเลอร์ จับบอลลงในเขตโทษ แต่จังหวะยิงถูก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ออกมาขวางไว้ได้ทัน ถัดมา 2 นาที อีแวนส์ ดันขึ้นสูงก่อนหาจังหวะโฉบโหม่งตัดหน้า โธมัส โซเรนเซน แต่ก็ยังไม่เข้ากรอบ
เจ้าบ้านยังอาศัย ฟูลเลอร์ กดดันแนวรับอาคันตุกะเป็นหลักโดยได้โอกาสทะลุเข้าเขตโทษในนาทีที่ 24 ทว่าไปสะดุดพื้นหนึ่งทีจนรองเท้าหลุด ทำให้หมดโอกาสเปิดยัดเข้าไปหน้าประตู จากนั้น 2 นาที แกรี เนวิลล์ เติมขึ้นมาทางขวาก่อนโยนให้ เวย์น รูนีย์ ขึ้นโขกที่เสาแรก บอลตรงตัว โซเรนเซน ที่ยืนรับสบาย
เข้าสู่ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มทำเกมรุกได้มากขึ้น คริสเตียโน โรนัลโด พยายามไขว้บอลจากลูกเปิดทางด้านขวา บอลเลยมาถึง อีแวนส์ ที่เสาสองก่อนแตะหาช่องซัดด้วยซ้ายแถวสุดเส้นหลัง แต่ แดนนี ฮิกกิน บอทแธม ยังพุ่งมาสไลด์บล็อกเอาไว้ได้
ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกต่างฝ่ายต่างมีจังหวะลุ้นเข้าทำ โดย โรนัลโด ตะบันฟรีคิกติดกำแพงในนาทีที่ 42 ก่อนที่ เครสส์เวลล์ จะลองกดบริเวณมุมเขตโทษด้านซ้ายหลุดออกไปทางเสาแรก ตามด้วย รูนีย์ ได้โอกาสหมุนตัวซัดในเขตโทษจากการทำชิ่งกับ คาร์ลอส เตเบซ เฉี่ยวเสาแรก จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาบู๊ต่อในครึ่งหลังเพียง 2 นาที ทีมเยือนเกือบเป็นฝ่ายเจาะตาข่ายได้ก่อน เมื่อ เตเบซ กระชากหนีกองหลังสโต๊คเข้าไปเข่นด้วยซ้ายกะยัดเสาแรก แต่ โซเรนเซน ยังไม่พลาดปัดออกหลังไปได้ ก่อนที่ เตเบซ จะมีเก็บส้มหล่นในนาทีที่ 50 จากจังหวะที่ลูกเปิดของ เนวิลล์ กระดอนแนวรับเจ้าถิ่นมาเข้าทาง แต่ลูกติดเท้าจึงยิงไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 58 เตเบซ สไลด์บอลจากเท้า ออมดี ฟาย หลุดถึง สโคลส์ กระทุ้งจากแถวสองตามถนัดถูก โซเรนเซน พุ่งปัดชนิดสุดปลายมือ ก่อนที่ช่างปั้นหม้อจะบุกขึ้นมาโดย ฟูลเลอร์ แย่งลูกจาก สโคลส์ แล้วแตะหาช่องยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ ทว่า ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็เซฟไม่พลาดเช่นกัน ก่อนที่ แดนนี พิวจ์ จะโหม่งลูกเตะมุมข้ามคาน
สโต๊ค มีจังหวะหวาดเสียว 3 ครั้งซ้อนในนาทีที่ 67 เริ่มจากลูกฟรีคิกที่ใช้ลูกสูตรทำชิ่งเข้าไปให้ ดีแล็ป ยิงมุมแคบติดตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ จากนั้น เกล็น วีแลน โยนลูกเตะมุมเกือบเสียบใต้คานที่เสาไกล แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังถอยหลังปัดออกไปได้ ก่อนที่ พิวจ์ จะเปิดลูกเตะมุมฝั่งขวาให้ ไรอัน ชอว์ครอสส์ โหม่งเข้ามือ ฟาน เดอร์ ซาร์
ทว่า เดอะ พ็อตเตอร์ มาเหลือ 10 คนในนาทีที่ 72 เมื่อ แอนดี วิลกินสัน ไปรวบ โรนัลโด ทางด้านหลังจนถูกใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม กระทั่งนาทีที่ 83 ปิศาจแดงก็ขึ้นนำ 1-0 สมใจจากจังหวะที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ตัวสำรองที่ลงมาแทน จอห์น โอเชีย โฉบตัดหน้า ชอว์ครอสส์ ในเขตโทษก่อนเปิดมาให้ เตเบซ แปจ่อๆ ไม่เหลือ จากนั้นทีมเยือนปิดเกมบุกมาชนะ 1-0 เก็บ 3 คะแนนกลับบ้านได้สำเร็จ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สโต๊ค ซิตี – โธมัส โซเรนเซน, แอนดี วิลกินสัน, อับดูลาย ฟาย, ไรอัน ชอว์ครอสส์, แดนนี ฮิกกินบอทแธม, ออมดี ฟาย, เกล็น วีแลน, รอรี ดีแล็ป, แดนนี พิวจ์, ริคาร์โด ฟูลเลอร์, ริชาร์ด เครสส์เวลล์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, แกรี เนวิลล์, เนมานยา วิดิช, จอนนี อีแวนส์, จอห์น โอเชีย, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, พอล สโคลส์, คริสเตียโน โรนัลโด, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนีย์, คาร์ลอส เตเบซ
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
สโต๊ค ซิตี แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 (คาร์ลอส เตเบซ 0-1 น.83)
เชลซี ชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 2-0 (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 1-0 น.3), (แฟรงค์ แลมพาร์ด 2-0 น.45)
ปอร์ทสมัธ แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-4 (นาเดียร์ เบลฮัดจ์ 1-0 น.8), (แจ็ค คอลลิสัน 1-1 น.20), (คาร์ลตัน โคล 1-2 น. 67), (เคร็ก เบลลามี 1-3 น.70), (เคร็ก เบลลามี 1-4 น.83)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ ฟูแลม 0-0
ลิเวอร์พูล ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 3-0 (อัลเบิร์ต ริเอรา 1-0 น.26), (ร็อบบี คีน 2-0 น.53), (ร็อบบี คีน 3-0 น. 58)
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ ฮัลล์ ซิตี 5-1 (เฟลิเป ไซเซโด 1-0 น.15), (เฟลิเป ไซเซโด 2-0 น.27), (โรบินโญ 3-0 น.28), (โรบินโญ 4-0 น.36), (เคร็ก เฟแกน 4-1 น.80), (สตีเฟน ไอร์แลนด์ 5-1 น.82)
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-1 (ทิม เคฮิลล์ 0-1 น.50)
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0
วีแกน แอธเลติก ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 (ไรอัน เทย์เลอร์ 1-0 น.29), (อาเมอร์ ซากี 2-0 จุดโทษ น.73), (แดนนี กัทธรี 2-1 จุดโทษ น.88)
แอสตัน วิลลา เสมอ อาร์เซนอล 2-2 (เนเวส เดนิลสัน 0-1 น.40), (อาบู ดิยาบี 0-2 น.49), (แกเร็ธ แบร์รี 1-2 จุดโทษ น.65), (แซต ไนท์ 2-2 น.90)