สตีฟ เดวิส ตำนานแชมป์สนุกเกอร์โลก 6 สมัยชาวอังกฤษออกมาแสดงความกังวลว่า วงการ 6 หลุมอาจต้องมัวหมองและได้รับความนิยมลดลงเรื่อยๆหลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการพนันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อีกทั้งรายการชิงแชมป์โลกในเดือนเมษยนปีหน้าก็ยังถูกวิกฤตเศรษฐกิจเล่นงานจนตอนนี้ยังหาสปอนเซอร์มาสนับสนุนไม่ได้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมบิลเลียดสนุกเกอร์อาชีพโลก(WPBSA)ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแมตช์การแข่งขัน ยูเค แชมเปียนชิป รอบแรก ที่สตีเฟน แม็คไกวร์ จากสกอตแลนด์ เอาชนะ เจมี เบอร์เน็ตต์ เพื่อนร่วมชาติไปได้ 9-3 เฟรมหลังพบว่ามีการทุ่มพนันอย่างถล่มทลายในสกอร์ดังกล่าวทั่วเกาะอังกฤษ
สำหรับเรื่องนี้ สตีฟ เดวิส ตำนานวัย 51 ปีซึ่งปัจจุบันเป็นมือ 22 ของโลกออกมาแสดงคงามกังวลว่าอาจเป็นการซ้ำเติมวงการสนุกเกอร์ที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินอยู่แล้วให้เลวร้ายลงไปอีก
"กีฬาสนุกเกอร์ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก รายการใหญ่อย่างเวมบลีย์ มาสเตอร์ส ในเดือนหน้า และ รายการชิงแชมป์โลกในเดือนเมษายนยังหาสปอนเซอร์ไม่ได้เลย" เดวิส กล่าว "แต่แล้วเรื่องราวของการพนันก็เกิดขึ้นมาซ้ำเติมอีกในสัปดาห์นี้ ทางสมาคมฯต้องเข้ามาจัดการและต้องสืบไปถึงต้นตอจนกว่าจะรู้ความจริง"
ด้าน แม็คไกวร์ ที่ได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ มาร์โก ฟู จากฮ่องกงในวันนี้ ยืนยันว่า "ผมไม่เคยโกงมาก่อน และผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นเเน่"
"ผมรู้นะว่ามีการทุ่มพนันเกิดขึ้นในแมตช์ที่ผมลงเล่น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร" มือ 2 ของโลกคนปัจจุบัน เผย "หากผมสามารถช่วยอะไรในการสอบสวนความจริงได้ ผมจะทำอย่างสุดความสามารถ"
ขณะที่ แกรม ด็อตต์ แชมป์โลกปี 2006 เพื่อนซี้ของแม็คไกวร์ กล่าวแบบเคร่งเครียดว่า "นักกีฬาคนใดล็อกผลการแข่งขันต้องโดนแบนตลอดชีวิต"
