xs
xsm
sm
md
lg

"แอนฟิลด์" แดนดับดาวยิง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอมิล เฮสกีย์ ไปโด่งดังกับ วีแกน
นับตั้งแต่ ราฟาเอล เบนิเตซ กระชากตัว ร็อบบี้ คีน หัวหอกตัวเก่งของ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ มาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 20 ล้านปอนด์ เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคมที่ผ่านมา ดาวเตะชาวไอริชได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล แต่ในความเป็นจริง "คีโน่" ลงสนามให้กับทีมรักในวัยเด็กไปแล้วถึง 22 เกม กลับมีรายชื่อเป็นผู้ผลิตสกอร์เพียง 4 ประตูเท่านั้น พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นในใจของเหล่า "เดอะ ค็อป" ว่านี่คือการซื้อตัวที่ผิดพลาดหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เอียน รัช อดีตตำนานดาวยิงของ ลิเวอร์พูล ออกมาชี้ว่ากรณีของ คีน นั้นไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในถิ่นแอนฟิลด์ หากแต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เมื่อดาวยิงมีระดับต้องมาอับแสงยังถิ่นเมอร์ซีไซด์ ซึ่งหากจะลองนับตั้งแต่เริ่มปี 2000 แล้วจะรู้ว่ามีผู้เล่นดาวดังหลายราย ต่างก็เอาชื่อเสียงมาทิ้งไว้กับสโมสร ลิเวอร์พูล

- เอมิล เฮสกีย์
กองหน้าร่างยักษ์เจ้าของฉายา "บรูโน่" โด่งดังสุดๆ กับสโมสรเล็กๆ อย่าง เลสเตอร์ ซิตี ภายใต้การดูแลของ มาร์ติน โอนีล หลังทำผลงานยอดเยี่ยมให้กับต้นสังกัด จนฟอร์มเด่นไปเข้าตาของ เชราร์ อุลลิเยร์ นายใหญ่ชาวฝรั่งเศสของ "หงส์แดง" ในยุคนั้น ก่อนจะควักเงินถึง 11 ล้านปอนด์ เพื่อนำดาวยิงรายนี้มาจับคู่กับ ไมเคิล โอเว่น ที่กำลังร้อนแรงเมื่อฤดูกาล 2000

แม้ฤดูกาลแรก เฮสกีย์ จะซัดให้ "เดอะ ค็อป" ชื่นใจไปถึง 22 ประตู รวมทุกถ้วย แต่ด้วยรูปแบบการเล่นของทีมที่เน้นการตั้งรับเป็นหลัก เพื่อรอหาจังหวะสวนกลับด้วยการพึ่งพาความเร็ว และเฉียบคมของ "เบบี้โกล" เป็นหลัก ส่งผลให้ฟอร์มของกองหน้าผิวสีฝืดหนักจนช่วงปลายชีวิตที่แอนฟิลด์ต้องถูกโยกมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ริมเส้นด้านซ้ายบ่อยครั้ง จนหลุดจากทีมชาติอังกฤษ และถูกปล่อยตัวออกไปให้กับสโมสร เบอร์มิงแฮม ซิตี ก่อนจะกลับมาสร้างชื่ออีกครั้งกับ วีแกน แอตเลธิก ในปัจจุบัน

- เคร็ก เบลลามี
ดาวยิงทีมชาติเวลส์ถือเป็นจอมพเนจรอีกคนที่แจ้งเกิดกับสโมสร นอริช ซิตี สร้างชื่อกับ โคเวนทรี ซิตี และโด่งดังสุดๆ กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แต่ด้วยความประพฤติห่ามๆ จึงเกิดปัญหากระทบกระทั่งกับโค้ช จนถูกเตะโด่งไปอยู่ เซลติก แบบยืมตัวช่วงสั้นๆ ก่อนจะกลับมาจี๊ดจ๊าดกับ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ เมื่อฤดูกาล 2005-06

จากนั้นในปี 2006 "เอล ราฟา" ที่กำลังค้นหาศูนย์หน้าตัวหลักของทีม จึงตัดสินใจยื่นเงิน 6.5 ล้านปอนด์ เพื่อและตัวดาวยิงอารมณ์ร้อนมาล่าตาข่ายในถิ่นแอนฟิลด์ แต่ผลงานกลับไม่ดีดังที่คิด เมื่อ เบลลามี ได้โอกาสลงเล่นถึง 42 นัด ทว่าซัดไปเพียงแค่ 9 ประตูในทุกรายการ รวมถึงมีข่าวคราวเรื่องพฤติกรรมเดิมๆ สุดท้ายก็ถูกกุนซือชาวสเปนเฉดหัวส่งให้กับ เวตส์ แฮม ยูไนเต็ด ทันทีที่จบฤดูกาลแรกกับ ลิเวอร์พูล

- เฟอร์นานโด มอริเอนเตส
แม้ว่า มอริเอนเตส จะเคยยิ่งใหญ่กับ "ราชันชุดขาว" แบบสุดๆ เมื่อสามารถนำทีมคว้าถ้วยแชมเปียนส์ลีกมาครองได้ในฤดูกาล 2000/01 ทว่าการมาถึง รีล มาดริด ของ ไมเคิล โอเวน ในฤดูกาล 2004-05 ทำให้อดีตหัวหอก รีล ซาราโกซา ไม่มีตำแหน่งในทีม และถูกยืมไปร่วมงานกับทีม โมนาโก แต่ด้วยความขาดแคลนนักเตะกองหน้าของ "หงส์แดง" ในยุคนั้น ทำให้ เบนิเตซ ตัดสินใจเจียดเงิน 6.3 ล้านปอนด์ เพื่อแลกตัว "เอล มอโร" มาสู่ถิ่นแอนฟิลด์ในช่วงเดือนมกราคม 2005 แถมยังติดปัญหาไม่สามารถลงเล่นฟุตบอลแชมเปียนส์ลีกได้ เนื่องจากเคยลงเล่นให้ มาดริด ไปแล้ว

ซึ่งสุดท้าย มอริเอนเตส ที่อยู่ในช่วงปลายชีวิตพ่อค้าแข้งก็ไม่อาจเรียกฟอร์มเก่งเพื่อแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกได้ จากผลงาน 61 นัด ซัดได้เพียง 12 ประตูรวมทุกถ้วย จนถูกปล่อยตัวออกไปสู่ลีกบ้านเกิดค้าแข้งกับ บาเลนเซีย ในปีถัดมา

- ปีเตอร์ เคราช์
เกิดคำถามมากมาย เมื่อ "เอล บอส" เดินเข้าไปของบ 7 ล้านปอนด์จากต้นสังกัด เพื่อนำไปซื้อตัวกองหน้าร่างโย่งเจ้าของส่วนสูง 6 ฟุต 7 นิ้ว หรือ 201 เซนติเมตร จากทีมเซาแธมป์ตัน ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2005 ซึ่ง เคราช์ เพิ่งซัดไป 12 ประตู ให้กับทีมนักบุญ

ทันทีที่มาถึงกองหน้ารายนี้ได้รับการต้อนรับจากความกดดันของสโมสรใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล จากความคาดหวังที่จะเห็นศูนย์หน้าที่ระเบิดฟอร์มถล่มประตูเป็นกอบเป็นกำดั่งนักเตะระดับตำนานทั้งหลายของแฟนบอล เคราช์ กลับต้องใช้เวลาถึง 19 นัด กว่าจะซัดเบิกร่องให้กับ หงส์แดง ซึ่ง เบนิเตซ นับว่ามีความอดทนมากกับการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง ด้วยการปล่อยให้นักเตะร่างโย่งอยู่กับทีมถึง 2 ฤดูกาล กับผลงาน 22 ประตู จากการลงสนาม 85 นัด จึงรับสภาพปล่อยตัวให้กับ ปอร์ทสมัธ ต่อไป

- ฌิบริล ซิสเซ
หลังจาก ซิสเซ โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงเหลือหลายกับ โอแซร์ พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวซัลโวลีกน้ำหอมในฤดูกาล 2003 จึงโดน อุลลิเยร์ นายใหญ่ "หงส์แดง" ขณะนั้นจับตีตราจองด้วยราคาสูงถึง 14 ล้านปอนด์ เพื่อย้ายมายังถิ่นแอนฟิลด์ในปี 2004 ทว่ากุนซือชาวฝรั่งเศสกลับตกเก้าอี้ผู้จัดการทีม คนที่ต้องใช้งานหัวหอกจอมแฟชั่นรายนี้จึงเป็น ราฟา เบนิเตซ แทน

แม้ว่าดาวยิงรายนี้จะมีความเร็วเป็นเยี่ยม แต่สิ่งที่ "เดอะ ค็อป" จดจำได้เพียงอย่างเดียวสำหรับ ซิสเซ คือ "ทรงผม" สุดยียวนที่จะเปลี่ยนสีสัน และลวดลายในแต่ละนัดเท่านั้น ขณะที่ผลงานการซัลโวตาข่ายน้อยจนน่าตกใจที่ 22 ประตู จาก 83 นัด กระทั่งถูกปล่อยตัวไปสู่ โอลิมปิก มาร์กเซย์ ในบ้านเกิด

ผู้เล่นเหล่านี้ล้วนเป็นดาวยิงฝีเท้าดีที่เคยสร้างชื่อเสียงกับทีมเก่า ก่อนจะนำพาตัวเองมาเสียชื่อ ณ ถิ่นแอนฟิลด์ หลังยุคของเด็กปั้นอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และไมเคิล โอเว่น มีเพียง เฟอร์นานโด ตอร์เรส คนเดียวเท่านั้นที่แจ้งเกิดสำเร็จ แต่มันจะเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้ “หงส์แดง” กลับไปครองความยิ่งใหญ่ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์
เคร็ก เบลลามี ใส่เสื้อหงส์แดงได้เพียงฤดูกาลเดียว
มอริเอนเตส ไม่ประสบความสำเร็จที่ลิเวอร์พูล
ปีเตอร์ เคราช์ ดีไม่พอที่จะเบียดกับ เฟอร์นานโด ตอร์เรส
ฌิบริล ซิสเซ มีดีแค่ทรงผม
ร็อบบี คีน ยังควานหาฟอร์มเก่งไม่เจอ
กำลังโหลดความคิดเห็น