ริชาร์ด สคูดามอร์ ประธานฝ่ายบริหารของพรีเมียร์ ลีก ไม่เห็นด้วยกับการนำระบบกำหนดเพดานเงินเดือนมาใช้กับฟุตบอลอังกฤษ เนื่องจากโครงสร้างทางวงการกีฬาทั้งระบบระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีความแตกต่างกัน พร้อมเชื่อว่าหากมีการนำมาใช้จริงจะส่งผลให้สโมสรฟุตบอลเมืองผู้ดีแข่งขันกับทีมจากลีกอื่นของยุโรปไม่ได้
ก่อนหน้านี้ มิเชล พลาตินี ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ออกมาเสนอแนวความคิดว่าควรนำระบบการกำหนดเพดานเงินเดือนมาใช้กับวงการฟุตบอล เพื่อกำจัดปัญหาภาวะหนี้สินของหลายสโมสรจากการทุ่มเงินซื้อนักเตะมาเสริมทัพจน ณ เวลานี้ปัญหาเริ่มส่งผลกระทบต่อหลายทีมหลังจากเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก โดยเพดานเงินเดือนดังกล่าวจะกำหนดตามการคำนวนเปอร์เซนต์ผลกำไรของแต่ละทีม
อย่างไรก็ตาม สคูดามอร์ ในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบการแข่งขันฟุตบอลลีกอังกฤษไม่ด้วยกับความคิดข้างต้นและเชื่อว่าจะไม่สามารถลดช่องว่างระหว่างสโมสรใหญ่และเล็กได้เพราะผลกำไรของแต่ละทีมก็จะมีความแตกต่างกันอย่างมากเหมือนเดิมอยู่ดี
“ถ้าคุณมีสโมสรซึ่งทำรายได้ต่อปี 230 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) หรืออีกทีมซึ่งทำรายได้ต่อปี 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2 พันล้านบาทอย่าง วีแกน) คุณจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะคุณไม่สามารถจัดการให้เงิน 40 ล้านปอนด์ของสโมสรแห่งนั้นเพิ่มขึ้นไปเป็น 230 ล้านปอนด์ได้” พร้อมกล่าวอีกว่า “ระบบนี้จะทำให้พวกเราไม่สามารถแข่งขันกับลีกอื่นในทวีปยุโรปรวมถึงลีกอื่นทั่วโลก”
แม้ว่าระบบเพดานเงินเดือนจะถูกนำมาใช้อย่างเป็นปกติในวงการกีฬาอเมริกัน แต่สคูดามอร์ มีความเห็นว่าไม่เหมาะสมกับวงการกีฬาอังกฤษเนื่องจากทั้งสองประเทศมีความแตกต่างกันทางด้านภูมิศาสตร์
“พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งอาศัย (หากำไร) จากส่วนอื่นใดนอกเหนือจากประเทศอเมริกา เพราะที่นั้นมีทีมกีฬา 32 ทีมที่ประจำอยู่ในแต่ละเมืองและแต่ละเมืองเหล่านั้นก็มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับ 6 เมืองใหญ่ของเกาะอังกฤษรวมกันเลยทีเดียว” สคูดามอร์กล่าว