ลิเวอร์พูล และ เชลซี ทำได้เพียงแค่เสมอ 0-0 ทั้งสองทีม ส่วน อาร์เซนอล ที่กำลังประสบปัญหาภายในทีมบุกไปถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม 0-3 ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 0-0 ฟูแล่ม
ลิเวอร์พูล ของ ราฟาเอล เบนิเตซ พลาดการใช้ สตีเวน เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ แต่แดนหน้ายังคงมี เฟอร์นันโด ตอร์เรส, ร็อบบี คีน และ เดิร์ก เคาท์ ทำเกมเหมือนเดิม ขณะที่ ฟูแลม ของ รอย ฮอดจ์สัน ไม่มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่น โดย เจมี บูลลาร์ด มิดฟิลด์ที่เพิ่งติดทีมชาติอังกฤษจะลงมาทำเกมในแดนกลาง
เริ่มครึ่งแรกมาเพียง 3 นาที เจ้าถิ่นได้โอกาสลุ้นทำประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ อาร์เบลัว ฟูลแบ๊กชาวสแปนิช ลุยขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ เคาท์ ยิงด้วยขวาแต่โดนไม่เต็มเท้า บอลเลี้ยวโค้งหลุดเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้นกลายเป็น ฟูแลม ที่ทำเกมได้ดีกว่าและเกือบทำประตูขึ้นนำได้เช่นกันในนาทีที่ 23 จากจังหวะที่ทีมต่อบอลกันขึ้นมาอยู่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย บูลลาร์ด จะตวัดเข้าไปให้ จอห์นสัน วิ่งเบียดกองหลังเข้าไปยิงในเกรอบเขตโทษ แต่ เรนา นายด่านของเจ้าถิ่นปัดทิ้งป้องกันประตูไว้ได้
ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำเป็นอย่างมากจากจังหวะที่ ลูคัส เปิดบอลเข้ามาจากริมเส้นด้านซ้าย บอลแฉลบกองหลังทีมเยือนไปเข้าทาง คีน หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษดวลตัวต่อตัวกับนายทวารทีมคู่แข่ง แต่กองหน้าชาวไอริช กลับยิงไปติด ชวาร์เซอร์ อย่างไม่น่าเชื่อพลาดโอกาสทำประตูอย่างน่าเสียดาย
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 34 ลูกทีมของ ฮอดจ์สัน เกือบทำประตูขึ้นนำบ้างจากจังหวะที่ ซาโมรา ลากลุยขึ้นมาทางด้านขวาจนถึงเส้นหลัง ก่อนจะเปิดบอลกลับมาให้ บูลลาร์ด ได้ยิงเต็มเท้าด้วยขวา แต่ เรนา โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟเช่นกันปัดทิ้งไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ก่อนหมดเวลา 3 นาที เจ้าถิ่นมาได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ เคาท์ ทำเกมขึ้นมาทางริมเขตโทษด้านขวา ก่อนลากตัดเข้ากลางและจ่ายให้ ตอร์เรส ได้ยิงหน้ากรอบเขตโทษ แต่ ชวาร์เซอร์ ป้องกันไว้ได้อีกทำให้จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันอยู่ 0-0
เกมครึ่งหลังผ่านมาเพียง 3 นาที ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นโอกาสทำประตูก่อนจากจังหวะที่ ร็อบบี คีน ลากบอลลุยขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายบอลหักข้อให้ ตอร์เรส ได้ยืนปั่นด้วยขวาโล่งๆบริเวณมุมเขตโทษ แต่บอลเลี้ยวโค้งหลุดกรอบออกไปเพียงนิดเดียว
อีกสามนาทีต่อมา ดาวยิงชาวสแปนิช ได้โอกาสยิงอีกครั้งจากจังหวะที่ตนเองรับบอลได้บริเวณริมเส้นเขตโทษด้านซ้าย ก่อนตัดสินใจลากลุยเข้าไปในเขตโทษและตัดสินใจยิงเต็มแรง แต่ ชวาร์เซอร์ ยังโชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันเอาไว้ได้อีกเช่นเดิม
เกมมาถึงนาทีที่ 69 ลูกทีมของเบนิเตซ เกือบทำประตูขึ้นนำเป็นอย่างมากอีกครั้งจากจังหวะที่ทีมเติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ามายังกรอบเขตโทษ บอลลอยโด่งเลยไปถึง ริเอรา ยิงก่อนจังหวะแรกแต่โดนกองหลังทีมเยือน บอลไปเข้าทาง เคาท์ วิ่งมาแปหน้าประตูอย่างเต็มแรง แต่ ชวาร์เซอร์ ทำยอดเยี่ยมอีกครั้งเมื่อวิ่งมาปัดบอลทิ้งออกไปได้สำเร็จ
อีก 5 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นเกือบทำประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ คาร์ราเกอร์ จ่ายแทงทะลุแผงกองหลังทีมเยือนจากแดนหลังมาให้ เคาท์ หลุดเข้าไปยิง แต่มุมแคบเกินไปทำให้ดาวยิงชาวดัตช์ซัดเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
เกมหลังจากนั้น ลิเวอร์พูล พยายามทำเกมรุกอย่างหนักแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพังประตูทีมเยือนได้ทำให้สุดท้าย จบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกันไป 0-0 แบ่งกันไปทีมละคะแนน
ด้านผลการแข่งขันคู่อื่น "สิงห์บลูส์" เชลซี ทีมจ่าฝูงเปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำได้เพียงเสมอกับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-0 เช่นกัน ส่วน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ที่กำลังประสบปัญหาภายในทีมบุกไปถูก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม 0-3 จากการทำประตูของ สตีเฟน ไอร์แลนด์ ในนาทีที่ 45 ก่อนที่ โรบินโญ จะบวกเพิ่มอีกลูกในนาทีที่ 56 และดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ศูนย์ดาวรุ่งมายิงจุดโทษนาทีสุดท้าย
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, ดาเนียล แอ็กเกอร์, เจมี คาร์ราเกอร์, ฟาบิโอ อาร์เบลัว, ลูคัส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, อัลเบิร์ต ริเอรา, เดิร์ก เคาท์, เฟอร์นันโด ตอร์เรส, ร็อบบี คีน
ฟูแลม : มาร์ก ชวาร์เซอร์, เบรเด ฮานเกแลนด์, แอรอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี, จอห์น แพนท์ซิล, จิมมี บูลลาร์ด, แดนนี เมอร์ฟี, ไซมอน เดวีย์ส, คลินท์ เดมป์ซีย์, บ็อบบี ซาโมรา, แอนดรูว์ จอห์นสัน
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เชลซี เสมอ นิวคาสเซิล 0-0
ลิเวอร์พูล เสมอ ฟูแลม 0-0
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ อาร์เซนอล 3-0 (1-0 สตีเฟน ไอร์แลนด์ น.45), (2-0 โรบินโญ น.56), (3-0 ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ลูกจุดโทษ น.3-0)
มิดเดิลสโบร์ช แพ้ โบลตัน 1-3 (0-1 เควิน เดวีย์ส น.8), (0-2 แมทธิว เทย์เลอร์ น.10), (1-2 เอ็มมานูเอล โปกาเตตซ์ น.77), (1-3 โยฮัน เอลมานเดอร์ น.78)
ปอร์ทสมัธ เสมอ ฮัล ซิตี้ 2-2 (1-0 ปีเตอร์ เคราช์ น.20), (1-1 ไมเคิล เทอร์เนอร์ น.54) ,(2-1 เกลน จอห์นสัน น.63) ,(2-2 ดีน วินดาส น.87)
สโต็ค ชนะ เวสต์ บรอมวิช 1-0 (1-0 มามาดี ซิดิเบ น.84)
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ลิเวอร์พูล 0-0 ฟูแล่ม
ลิเวอร์พูล ของ ราฟาเอล เบนิเตซ พลาดการใช้ สตีเวน เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ แต่แดนหน้ายังคงมี เฟอร์นันโด ตอร์เรส, ร็อบบี คีน และ เดิร์ก เคาท์ ทำเกมเหมือนเดิม ขณะที่ ฟูแลม ของ รอย ฮอดจ์สัน ไม่มีปัญหาเรื่องตัวผู้เล่น โดย เจมี บูลลาร์ด มิดฟิลด์ที่เพิ่งติดทีมชาติอังกฤษจะลงมาทำเกมในแดนกลาง
เริ่มครึ่งแรกมาเพียง 3 นาที เจ้าถิ่นได้โอกาสลุ้นทำประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ อาร์เบลัว ฟูลแบ๊กชาวสแปนิช ลุยขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนเปิดเข้ากลางมาให้ เคาท์ ยิงด้วยขวาแต่โดนไม่เต็มเท้า บอลเลี้ยวโค้งหลุดเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้นกลายเป็น ฟูแลม ที่ทำเกมได้ดีกว่าและเกือบทำประตูขึ้นนำได้เช่นกันในนาทีที่ 23 จากจังหวะที่ทีมต่อบอลกันขึ้นมาอยู่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย บูลลาร์ด จะตวัดเข้าไปให้ จอห์นสัน วิ่งเบียดกองหลังเข้าไปยิงในเกรอบเขตโทษ แต่ เรนา นายด่านของเจ้าถิ่นปัดทิ้งป้องกันประตูไว้ได้
ลิเวอร์พูล น่าจะได้ประตูขึ้นนำเป็นอย่างมากจากจังหวะที่ ลูคัส เปิดบอลเข้ามาจากริมเส้นด้านซ้าย บอลแฉลบกองหลังทีมเยือนไปเข้าทาง คีน หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษดวลตัวต่อตัวกับนายทวารทีมคู่แข่ง แต่กองหน้าชาวไอริช กลับยิงไปติด ชวาร์เซอร์ อย่างไม่น่าเชื่อพลาดโอกาสทำประตูอย่างน่าเสียดาย
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 34 ลูกทีมของ ฮอดจ์สัน เกือบทำประตูขึ้นนำบ้างจากจังหวะที่ ซาโมรา ลากลุยขึ้นมาทางด้านขวาจนถึงเส้นหลัง ก่อนจะเปิดบอลกลับมาให้ บูลลาร์ด ได้ยิงเต็มเท้าด้วยขวา แต่ เรนา โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟเช่นกันปัดทิ้งไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ก่อนหมดเวลา 3 นาที เจ้าถิ่นมาได้ลุ้นทำประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ เคาท์ ทำเกมขึ้นมาทางริมเขตโทษด้านขวา ก่อนลากตัดเข้ากลางและจ่ายให้ ตอร์เรส ได้ยิงหน้ากรอบเขตโทษ แต่ ชวาร์เซอร์ ป้องกันไว้ได้อีกทำให้จบ 45 นาทีแรกทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันอยู่ 0-0
เกมครึ่งหลังผ่านมาเพียง 3 นาที ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นโอกาสทำประตูก่อนจากจังหวะที่ ร็อบบี คีน ลากบอลลุยขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายบอลหักข้อให้ ตอร์เรส ได้ยืนปั่นด้วยขวาโล่งๆบริเวณมุมเขตโทษ แต่บอลเลี้ยวโค้งหลุดกรอบออกไปเพียงนิดเดียว
อีกสามนาทีต่อมา ดาวยิงชาวสแปนิช ได้โอกาสยิงอีกครั้งจากจังหวะที่ตนเองรับบอลได้บริเวณริมเส้นเขตโทษด้านซ้าย ก่อนตัดสินใจลากลุยเข้าไปในเขตโทษและตัดสินใจยิงเต็มแรง แต่ ชวาร์เซอร์ ยังโชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันเอาไว้ได้อีกเช่นเดิม
เกมมาถึงนาทีที่ 69 ลูกทีมของเบนิเตซ เกือบทำประตูขึ้นนำเป็นอย่างมากอีกครั้งจากจังหวะที่ทีมเติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนจะเปิดบอลเข้ามายังกรอบเขตโทษ บอลลอยโด่งเลยไปถึง ริเอรา ยิงก่อนจังหวะแรกแต่โดนกองหลังทีมเยือน บอลไปเข้าทาง เคาท์ วิ่งมาแปหน้าประตูอย่างเต็มแรง แต่ ชวาร์เซอร์ ทำยอดเยี่ยมอีกครั้งเมื่อวิ่งมาปัดบอลทิ้งออกไปได้สำเร็จ
อีก 5 นาทีต่อมา เจ้าถิ่นเกือบทำประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่ คาร์ราเกอร์ จ่ายแทงทะลุแผงกองหลังทีมเยือนจากแดนหลังมาให้ เคาท์ หลุดเข้าไปยิง แต่มุมแคบเกินไปทำให้ดาวยิงชาวดัตช์ซัดเหินข้ามคานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
เกมหลังจากนั้น ลิเวอร์พูล พยายามทำเกมรุกอย่างหนักแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถพังประตูทีมเยือนได้ทำให้สุดท้าย จบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอกันไป 0-0 แบ่งกันไปทีมละคะแนน
ด้านผลการแข่งขันคู่อื่น "สิงห์บลูส์" เชลซี ทีมจ่าฝูงเปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ทำได้เพียงเสมอกับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-0 เช่นกัน ส่วน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ที่กำลังประสบปัญหาภายในทีมบุกไปถูก "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม 0-3 จากการทำประตูของ สตีเฟน ไอร์แลนด์ ในนาทีที่ 45 ก่อนที่ โรบินโญ จะบวกเพิ่มอีกลูกในนาทีที่ 56 และดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ศูนย์ดาวรุ่งมายิงจุดโทษนาทีสุดท้าย
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, ดาเนียล แอ็กเกอร์, เจมี คาร์ราเกอร์, ฟาบิโอ อาร์เบลัว, ลูคัส, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, อัลเบิร์ต ริเอรา, เดิร์ก เคาท์, เฟอร์นันโด ตอร์เรส, ร็อบบี คีน
ฟูแลม : มาร์ก ชวาร์เซอร์, เบรเด ฮานเกแลนด์, แอรอน ฮิวจ์ส, พอล คอนเชสกี, จอห์น แพนท์ซิล, จิมมี บูลลาร์ด, แดนนี เมอร์ฟี, ไซมอน เดวีย์ส, คลินท์ เดมป์ซีย์, บ็อบบี ซาโมรา, แอนดรูว์ จอห์นสัน
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เชลซี เสมอ นิวคาสเซิล 0-0
ลิเวอร์พูล เสมอ ฟูแลม 0-0
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ อาร์เซนอล 3-0 (1-0 สตีเฟน ไอร์แลนด์ น.45), (2-0 โรบินโญ น.56), (3-0 ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ลูกจุดโทษ น.3-0)
มิดเดิลสโบร์ช แพ้ โบลตัน 1-3 (0-1 เควิน เดวีย์ส น.8), (0-2 แมทธิว เทย์เลอร์ น.10), (1-2 เอ็มมานูเอล โปกาเตตซ์ น.77), (1-3 โยฮัน เอลมานเดอร์ น.78)
ปอร์ทสมัธ เสมอ ฮัล ซิตี้ 2-2 (1-0 ปีเตอร์ เคราช์ น.20), (1-1 ไมเคิล เทอร์เนอร์ น.54) ,(2-1 เกลน จอห์นสัน น.63) ,(2-2 ดีน วินดาส น.87)
สโต็ค ชนะ เวสต์ บรอมวิช 1-0 (1-0 มามาดี ซิดิเบ น.84)
