จากคำพูดที่ว่า "ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน" ย่อมบอกเล่าความหมายในตัวเองได้เป็นอย่างดี หากจะเปรียบเทียบให้เห็นกันง่ายๆ ในวงการลูกหนังไทย สโมสรที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกรในทวีปเอเชียจนครองแชมป์แห่งทวีปถึง 2 สมัย อย่าง สโมสรฟุตบอลธนาคารกสิกรไทย แต่แล้ววันหนึ่งกลับต้องยุบทีมทิ้ง เนื่องจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เช่นเดียวกับสโมสรฟุตบอลธนาคารกรุงเทพ ซึ่งก่อตั้งยาวนานกว่า 53 ปี ก็มีอันต้องยุติ หลังการตกชั้นจากศึกไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2008 ที่ อภิชาต รมยะรูป ประธานกรรมการบริหารสโมสรฟุตบอลธนาคารกรุงเทพ ประกาศยุบทีมจากการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศ
บอสใหญ่ของสโมสร "แบงก์บัวหลวง" ให้เหตุผลของการยุบทีมในครั้งนี้ว่า "สโมสรไม่มีนโยบายในการสนับสนุนกีฬาอาชีพ เนื่องจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กำหนดว่าสโมสรในระดับพรีเมียร์ลีกจำเป็นต้องจดทะเบียนเป็นบริษัทที่เป็นเอกเทศจากหน่วยงานต่างๆ มีการบริหารงานด้วยการกำหนดผลกำไรขาดทุน ซึ่งเราไม่พร้อมในจุดนี้"
อย่างไรก็ตามลูกหม้อเก่าอย่าง "นักเตะเท้าชั่งทอง" เฉลิมวุฒิ สง่าพล อดีตดาวเตะดังของทีม ธ.กรุงเทพ เชื่อว่าข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงเหตุผลเลื่อนลอยของอดีตต้นสังกัดเก่าเท่านั้น
"บอกตามตรงว่ารู้สึกเสียใจมากที่แบงก์กรุงเทพประกาศยุบทีม ผมว่ามันเร็วเกินไปหากนำข้ออ้างดังกล่าวมาบอกว่าทีมไม่พร้อมจะเป็นสโมสรอาชีพ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาสโมสรเก่าแก่แห่งนี้นับเป็นทีมหนึ่งที่มีความพร้อมมากที่สุด"
"ผมอยากให้เหล่าบรรดาผู้บริหารทีมเรียกระดมมันสมองของอดีตนักเตะเก่าๆ ที่เวลานี้หลายคนก็เป็นใหญ่เป็นโตบ้าง มาดูว่าเราจะหาลู่ทางอะไรที่จะดำเนินงานของสโมสรต่อไปได้ ไม่ใช่มายุบทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้ ผมว่ามันดูไม่ค่อยจริงใจสักเท่าไหร่ที่แก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดินอย่างนี้"
"ผู้บริหารทีมไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจยุบทีม ในเมื่อ แบงก์กรุงเทพ ตกไปเล่นในดิวิชัน 1 ซึ่งสมาคมฟุตบอลฯ ยังไม่ได้กำหนดว่าทุกทีมในดิวิชันนี้จะต้องไปจดทะเบียนเป็นบริษัท ยังมีเวลาคิด ยังมีเวลาขยับขยายอีกอย่างน้อยก็ 1 ปี หากว่าได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้"
ขณะเดียวกัน "เดอะ หนุ่ย" ยังยอมรับว่าโอกาสที่ผู้บริหารสโมสรจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก "ถ้าเขาประกาศยุบทีมแล้ว ผมว่ามันเปลี่ยนยากแล้ว ก็เหมือนกับที่สโมสรเคยยุบทีมบาสเกตบอลของ ธ.กรุงเทพ มาเมื่อปีที่แล้ว วันนี้เขาก็ยุบทีมฟุตบอลอีก ก็คงแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่สนใจที่จะทำกีฬาอาชีพอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายและน่าเสียใจมากจริงๆ"
ด้าน วิสูตร วิชายา ที่มีชื่อบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์สโมสรฟุตบอลธนาคารกรุงเทพว่าเป็นหัวหน้าโค้ชคนสุดท้าย ยอมรับว่ารู้สึกเสียดายกับสโมสรเก่าแก่แห่งนี้เช่นเดียวกัน "ตอนที่แข่งนัดสุดท้ายในไทยลีกจบ แล้วทราบว่าทีมตกชั้นแน่นอนแล้ว ผมก็ยังตอบคำถามของสื่อมวลชนที่มาถามกันเรื่องยุบทีม บอกเขาไปทุกเล่ม ทุกฉบับว่าคงไม่มีการยุบทีม เพราะเป็นทีมเก่าแก่ และผู้บริหารก็ไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบ แต่หลังจากนั้นผมลาออกจากทีมเพื่อแสดงความรับผิดชอบที่ทำทีมตกชั้น จึงได้ทราบข่าวว่าผู้บริหารเตรียมประกาศยุบสโมสร บอกตามตรงความรู้สึกแรกคือ ช็อกมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยุบ แต่ผมก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรในเรื่องนี้ รู้สึกแต่เพียงเสียดายมาก"
ขณะที่ "น้ามัน" อภิชาติ ทวีเฉลิมดิษฐ์ กัปตันทีมที่เคยนำทัพนักเตะ "บัวหลวง" คว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรก และต้องมีชื่ออยู่ในทีมชุดตกชั้นใน พ.ศ.นี้ด้วย กล่าวเปิดใจว่า "รู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเห็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างแบงก์กรุงเทพตกชั้น แต่ที่เสียใจหนักขึ้นไปอีกคือการประกาศยุบทีมของผู้บริหาร มันพูดไม่ออกเหมือนกัน นักเตะทุกคนพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่มันก็ไม่อาจจะทำให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมได้อีก"
วันนี้แม้จะไม่มีชื่อของสโมสรธนาคารกรุงเทพในสาระบบลูกหนังไทยลีกอีกแล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่าความสุข และรอยยิ้ม ที่สโมสรแห่งนี้ได้สร้างสีสันให้กับวงการลูกหนังไทยมายาวนานร่วม 53 ปี คงจะได้รับการจดจำจากแฟนฟุตบอลไปอีกนานเท่านาน...
สโมสรธนาคารกรุงเทพ
ก่อตั้ง พ.ศ. 2498
ยุบทีม พ.ศ. 2551
ผลงาน
ชนะเลิศฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2 ครั้ง ฤดูกาล 2538/39 , 2539/40
ชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. 9 ครั้ง 2507, 2509, 2510, 2512, 2524, 2527, 2529, 2532, 2537
ชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ข. 1 ครั้ง 2506
ชนะเลิศเอฟเอ คัพ 3 ครั้ง 2523, 2524, 2541