จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2008 รูดม่านปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังขับเคี่ยวกันมาเป็นเวลา 8 เดือนเต็ม บรรทัดต่อจากนี้คือบทสรุปส่งท้ายเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2008 ก่อนที่จะกลับมาดวลกันอีกครั้งในเดือนเมษายนปีหน้า
รุ่นโมโตจีพี : "เดอะด็อกเตอร์" คืนบัลลังก์
แม้ว่าเคซีย์ สโตเนอร์ จะประเดิมด้วยชัยชนะในปีนี้ ในรายการไนท์เรซ ที่กาตาร์ แต่หลังจากสนามที่ 4 ที่ประเทศจีน ฟอร์มของแชมป์โลก 2007 ก็ถูกบดบังด้วยรัศมีของวาเลนติโน รอสซี จากทีมยามาฮ่า โดย"เดอะด็อกเตอร์" เริ่มเดินหน้าโกยแต้ม ด้วยการคว้าแชมป์ได้ถึง 8 จาก 12 สนาม ก่อนจะประกาศศักดาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 8 ของตัวเองได้ตั้งแต่การแข่งขันสนามที่ 15 ของฤดูกาลที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งที่ยังเหลือสังเวียนให้ลุ้นอีกถึง 3 สนาม
โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "เดอะด็อกเตอร์" คืนสู่บัลลังก์แชมป์โลกอีกครั้งในปีนี้นอกจากความยอดเยี่ยมที่จบบนโพเดียมได้ถึง 16 ครั้ง แล้ว เจ้าตัวเผยว่า มาจากการทำงานหนักของทีมงานยามาฮ่า รวมถึงยางชุดใหม่ที่เปลี่ยนจากมิชิลินมาเป็นบริดจ์สโตน "ผมต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานทุกคน,วิศวกร รวมถึงยางจากบริดจ์สโตน ทั้งหมดทำให้ผมมีฤดูกาลที่ยิ่งใหญ่ มันน่าทึ่งมากที่ผมสามารถจบการแข่งขันได้ทุกสนามในปีนี้"
ขณะเดียวกันความผิดพลาดของ สโตเนอร์ ที่ไม่สามารถฉวยความได้เปรียบจากการคว้าตำแหน่งโพลโพซิชันได้ถึง 9 ครั้ง คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้แชมป์โลกของนักบิดออสซีต้องหลุดลอย ซึ่งรองแชมป์โลก 2008 เผยว่า "มันคือฤดูกาลที่ยากลำบากของผม ผมทำได้ดีในการควอลิฟาย แต่เราไม่สามารถจบในอันดับที่ต้องการได้ งานหนักของเราคือการมุ่งมั่นกับการทดสอบรถคันใหม่ เพื่อกลับมาอีกครั้งในปีหน้า"
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของรุ่น 800 ซีซี ในปีที่ผ่านมา คือการประเดิมสนามของ ฮอร์เก ลอเรนโซ นักบิดจอมลุยจากสเปน ที่ขึ้นชั้นมาขับในรุ่นโมโตจีพีเป็นฤดูกาลแรก หลังครองจ้าวความเร็วรุ่น 250 ซีซี มาถึง 2 ปีติดต่อกัน ซึ่งแม้ว่าสไตล์ขับขี่แบบบู๊ล้างผลาญจะทำให้เจ้าตัวต้องประสบอุบัติเหตุถึงขั้นกระดูกแขนและขาหักมาแล้ว แต่ผลงาน 190 แต้ม พร้อมกับอันดับ 4 ในตารางแชมเปียนชิป ก็เพียงพอที่จะทำให้นักบิดวัย 21 ปีรายนี้ ได้รับเลือกจากสหพันธ์มอเตอร์ไซค์นานาชาติ(เอฟไอเอ็ม) ให้เป็นรุกกีแห่งปี 2008
รุ่น 250 ซีซี : "ฟีม" ยึดที่ 13 โลก "ซิมอนเชลลี" ซิวแชมป์
การขับเคี่ยวกันในกลุ่มนักบิดหัวแถว มาร์โก ซิมอนเชลลี นักบิดผมฟูจากทีมกิเลรา กลายเป็นแชมป์โลกจากประเทศอิตาลีคนแรกในรอบ 6 ปี หลังจากมาร์โก เมลันดรี เคยคว้าแชมป์ร่วมกับทีมอพรีเลียในปี 2002 โดยซิมอนเชลลี วัย 21 ปี สามารถทำคะแนนเอาชนะนักบิดตัวเต็งอย่างมิกา คาลลิโอ ,อัลวาโร เบาติสตา และเฮคเตอร์ บาเบรา ได้อย่างขาดลอย ตั้งแต่รายการรองสุดท้ายของฤดูกาลที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย
ขณะเดียวกันการชิงชัยในรุ่น 250 ซีซี ในฤดูกาลนี้ กลายเป็นรายการที่แฟนกีฬาชาวไทยให้ความสนใจมากที่สุด เนื่องจากมี "เจ้าฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยสังกัด ไทย-ฮอนด้าพีทีทีแซค ลงทำการแข่งขันเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน
โดยนักบิดหน้าตี๋เริ่มฤดูกาล 2008 ด้วยการเก็บคะแนนได้ถึง 7 สนามติดต่อกัน ก่อนที่ในครึ่งซีซันหลังจะมาเร่งโชว์ฟอร์มบิดกระฉูด ด้วยการจบในตำแหน่งท็อป 10 ได้ถึง 4 ครั้ง หลังทีมงานและเจ้าตัวปรับตัวเข้ากับรถคันใหม่ได้อย่างลงตัว จนทำให้จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 13 ของโลก มีถึง 73 คะแนนในรุ่น 250 ซีซี และเป็นนักบิดคนเดียวในรุ่นนี้ที่จบการแข่งขันได้ทุกสนาม
ซึ่งแม้ว่าจะทำผลงานไม่ได้ตามเป้าที่ทีมงานไทย-ฮอนด้าฯ ตั้งเอาไว้ แต่ อารักษ์ พรประภา บิ๊กบอสค่ายเอ.พี.ฮอนด้า ผู้ผลักดันฟีมสู่เวทีโลกยืนยันว่า "แม้ว่าเราจะตั้งเป้าไว้ที่ท็อป 10 แต่การจบที่ 13 ของโลก ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว โดยเฉพาะ 3 เรซสุดท้าย ฟีมติดท็อป 10 ได้ทุกสนาม ซึ่งผมเองพอใจมาก เช่นเดียวกับทีมงานสเปน และมั่นใจว่า ปีหน้าฟีมจะทำผลงานได้ดีขึ้นอีกแน่นอน"
รุ่น 125 ซีซี : "ดิ แมจลิโอ" หักปากกาเซียน
ไมค์ ดิ แมจลิโอ นักบิดฝรั่งเศสเชื้อสายอิตาลี จากทีมเอโย มอเตอร์สปอร์ต ภายใต้รถค่ายเดอร์บี กลายเป็นแชมป์โลกรุ่น 125 ซีซี ได้แบบพลิกความคาดหมาย หลังทำคะแนนเอาชนะซิโมเน คอร์ซี นักบิดทีมอพรีเลีย ได้ในตั้งแต่การแข่งขันสนามที่ 17 ที่ประเทศมาเลเซีย
ขณะเดียวกันยังถือเป็นปีที่น่าผิดหวังของ กาบอร์ ทาลมัคซี นักแข่งดีกรีแชมป์โลกปี 2007 จากฮังการี ที่จบฤดูกาลในลำดับที่ 3 และคว้าแชมป์ได้เพียง 3 สนามเท่านั้น อย่างไรก็ดีทั้ง ดิ แมจลิโอ ,คอร์ซี และ ทาลมัคซี 3 นักบิดฝีมือดีจากรุ่นเล็ก ต่างมีคิวพาเหรดขึ้นมาแข่งขันรุ่น 250 ซีซี ในฤดูกาลหน้าเป็นที่แน่นอนแล้ว