“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล บุกไปบด “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-0 ขณะที่ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตเปอร์ คว้าชัย 2-0 ประเดิมให้ แฮร์รี เรดแนปป์ นายใหม่ ด้าน โรบินโญ ซัดแฮตทริกช่วยให้ “เรือใบสีฟ้า” ถล่ม สโตค ซิตี 3-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 อาร์เซนอล
จิอันฟรังโก โซลา เอาใจแฟนๆ ในศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ด้วยการจัดสามหัวหอกทั้ง เคร็ก เบลลามี, คาร์ตัน โคล และ ดาวิด ดิ มิเคเล ลงล่าตาข่ายให้ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และก็มีการปรับเกมรับให้ เจมส์ คอลลินส์ ลงปักหลักเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแทน ลูคัส นีลล์ กัปตันทีม ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ ปรับทัพ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ด้วยการพัก เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ให้โอกาส นิคลาส เบนด์ทเนอร์ จับคู่แดนหน้าร่วมกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี โดยมี ธีโอ วัลคอตต์ กระชากขึ้นเกมทางกราบ
เริ่มเกมการแข่งขัน อาร์เซนอล พยายามครองเกมบุกให้ได้และก็ได้เสียวจาก ธีโอ วัลคอตต์ ซัดบอลเชิดคานไปนิดเดียว นาทีที่ 25 ผู้มาเยือนใกล้เคียงกับการได้ประตูอีกครั้ง เชส ฟาเบรกาส หยอดบอลเข้าเขตโทษให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ใช้อกแตะต่อ วัลคอตต์ หลุดเข้าไปยิงดีดๆ ด้วยซ้ายแต่ โรเบิร์ต กรีน โชว์ฝีมือพุ่งปัดมือเดียวออกไป อีกสี่นาทีถัดมาจังหวะโต้กลับของ เวสต์แฮม เกือบสัมฤทธิ์ผล สกอตต์ พาร์เกอร์ แทงทะลุให้ เคร็ก เบลลามี อาศัยความเร็วกระชากเข้าไปแปด้วยซ้าย มานูเอล อัลมูเนีย ออกมาล้มตัวใช้เท้าสกัดบอลข้ามคานไปหวุดหวิด
เกมเปิดแลกกันอย่างสนุกทีเดียว ทีมเยือนมีโอกาสอีกครั้ง ซาเมียร์ นาสรี เปิดจากกราบซ้ายเข้ากลาง นิคลาส เบนด์ทเนอร์ หอกดาวรุ่งร่างใหญ่ทีมชาติเดนมาร์กกระโดดขวิดไม่เต็มบอลลอยผ่านเสาสองไป นาทีที่ 36 “ปืนใหญ่” เกือบฉวยโอกาสได้ เบนด์ทเนอร์ กระชากผ่าน เจมส์ คอลลินส์ เข้าไปยิงด้วยขวาร้อนถึง กรีน ต้องพุ่งสุดเหยียดปัดออกหลัง ท้ายเกมจังหวะสวนขึ้นมาอีกครั้งของเจ้าถิ่น ดาวิด ดิ มิเคเล ทำชิ่งกับ คาร์ตัน โคล แต่จังหวะจะรับบอลต่อจากเพื่อนในจังหวะยิงช้าไป อัลมูเนีย ปราดเข้ามาคว้าบอลได้ก่อน จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยัง 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง อาร์เซนอล ยังเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าใส่ แต่นาทีที่ 55 แฟนๆ เจ้าถิ่นพยายามกดดันผู้ตัดสินจากจังหวะที่ โคล เปิดบอลไต่แขน วิลเลียม กัลลาส ในกรอบโทษ แต่ ฟิล ดาวด์ จุดโทษแก่ “ขุนค้อน” เกมของทีมเยือนดูแผ่วๆ ไปอย่างเห็นได้ชัดจากการโดนบดบี้จากนักเตะเจ้าบ้าน แต่นาทีที่ 66 “ปืนใหญ่” ได้เสียวบ้าง วัลคอตต์ เปิดบอลเข้ากลางแผงหลัง “ขุนค้อน” เคลียร์ไม่ขาด ฟาน เพอร์ซี ได้ยิงเน้นๆ จากนอกกรอบ ลี โบว์เยอร์ เหยียดขามาบล็อกได้ทัน
จังหวะถัดมา เวนเกอร์ ขยับปรับแท็คติกให้ทีมเยือนส่งทั้ง อาบู ดิอาบี และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลงสนามและก็ถอดเอา วัลคอตต์ กับ นาสรี ออกไป จากนั้นเกมของ อาร์เซนอล กลับมาคึกคักอีกครั้ง ฟาน เพอร์ซี ตัดเข้าในก่อนอัดด้วยซ้ายเต็มๆ กรีน ยังป้องกันไว้ได้อีก นาทีที่ 73 “ปืนใหญ่” ทำท่าจะอับโชคเสียแล้ว ฟาน เพอร์ซี ปั่นฟรีคิกไปชนเสาอีก แต่สองนาทีถัดมาแฟนๆ ทีมเยือนได้เฮเมื่อทีมนำ 1-0 จนได้ อเดบายอร์ กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู ฌูเลียง โฟแบร์ ดันแหย่สกัดบอลเข้าประตูตัวเอง
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย อเดบายอร์ เล่นชิ่งกับ เบนด์ทเนอร์ ก่อนเข้าไปยิงเหน่งๆ ติดเซฟ กรีน กระฉอกมาเข้าทางหัวหอกทีมชาติโตโกแปซ้ำข้ามคาน ท้ายเกม เวสต์แฮม พยายามดันกันขึ้นมาทวงประตูคืน แต่นาทีสุดท้าย อเดบายอร์ ได้สวนขึ้นมาก่อนแตะหลบ กรีน ยิงเน้นๆ เข้าไปตุงตาข่ายให้ อาร์เซนอล ฝังชัย 2-0 แถมช่วงทดเจ็บ โคล ของเจ้าถิ่นยังมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปอีก หมดเวลา “ปืนใหญ่” มีเพิ่มเป็น 19 คะแนนจากการลงสนาม 9 นัด ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ตามหลัง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูง 4 แต้ม ขณะที่ “ขุนค้อน” มี 12 คะแนนเท่าเดิม หล่นไปอยู่อันดับ 10 ของตาราง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เวสต์แฮม : โรเบิร์ต กรีน , ฌูเลียง โฟแบร์ , เจมส์ คอลลินส์ , แม็ทธิว อัพสัน , เฮริตา อิลุงกา , ลี โบว์เยอร์ , เฮย์เดน มัลลินส์ , สกอตต์ พาร์เกอร์ , เคร็ก เบลลามี , คาร์ตัน โคล , ดาวิด ดิ มิเคเล
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย , อเล็กซานเดอร์ ซง , มิคาเอล ซิลแวสตร์ , วิลเลียม กัลลาส , กาเอล กลิชี , เอ็มมานูเอล เอบูเอ , เชส ฟาเบรกาส , ซาเมียร์ นาสรี , ธีโอ วัลคอตต์ , นิคลาส เบนด์ทเนอร์ , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ในวันเดียวกัน แฮร์รี เรดแนปป์ ลงมาให้กำลังใจลูกทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถึงม้านั่งสำรองก่อนที่ “ไก่เดือยทอง” เปิดไวท์ ฮาร์ท เลน บี้ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ได้ประตูจากลูกโขกของ โรมัน พาฟลูเชนโก นาทีที่ 17 และจุดโทษจาก ดาร์เรน เบนท์ ก่อนหมดเวลา 16 นาที ขณะที่ทีมเยือนเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนจากการโดนไล่ออกของ กาวิน แม็คคาน ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง
ด้าน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี หว่านพืชเริ่มเห็นผล เมื่อ โรบินโญ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ทีมชาติบราซิล เจ้าของค่าตัวสูงสุดในลีกอาชีพเมืองผู้ดี 32.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ซัดแฮตทริกในนาทีที่ 14, 47 และ 72 ช่วยให้ต้นสังกัดเปิด ซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ ต้อนตือ “ช่างปั้นหม้อ” สโตค ซิตี 3-0
สำหรับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา โชว์ทีเด็ดบุกสลุตชัย 4-0 ถึงถิ่น เจเจบี สเตเดี้ยม ของ “เดอะ ลาติกส์” วีแกน แอธเลติก โดยผู้มาเยือนได้ประตูจาก แกเร็ธ แบร์รี (จุดโทษ น.22), กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ (น.57), ยอห์น คาริว (น.62) และปิดท้ายกับลูกยิงไกลอันสุดสวยของ สตีฟ ซิดเวลล์ ในนาทีสุดท้าย
ขณะที่ผลคู่สุดท้ายประจำวัน ปรากฏว่า “ปอมปีย์” ปอร์ทสมัธ ที่เพิ่งเสียกุนซือ แฮร์รี เรดแนปป์ ให้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดรังทำได้แค่เสมอ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม 1-1 โดยเจ้าบ้านนำก่อนจาก ปีเตอร์ เคราช์ นาทีที่ 61 แต่ก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที คลินท์ เดมป์ซีย์ มิดฟิลด์ทีมชาติสหรัฐฯ ยิงเจ๊าให้ผู้มาเยือน
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมลอนดอน ดาร์บี้แมตช์
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 อาร์เซนอล
จิอันฟรังโก โซลา เอาใจแฟนๆ ในศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ด้วยการจัดสามหัวหอกทั้ง เคร็ก เบลลามี, คาร์ตัน โคล และ ดาวิด ดิ มิเคเล ลงล่าตาข่ายให้ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และก็มีการปรับเกมรับให้ เจมส์ คอลลินส์ ลงปักหลักเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแทน ลูคัส นีลล์ กัปตันทีม ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ ปรับทัพ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ด้วยการพัก เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ให้โอกาส นิคลาส เบนด์ทเนอร์ จับคู่แดนหน้าร่วมกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี โดยมี ธีโอ วัลคอตต์ กระชากขึ้นเกมทางกราบ
เริ่มเกมการแข่งขัน อาร์เซนอล พยายามครองเกมบุกให้ได้และก็ได้เสียวจาก ธีโอ วัลคอตต์ ซัดบอลเชิดคานไปนิดเดียว นาทีที่ 25 ผู้มาเยือนใกล้เคียงกับการได้ประตูอีกครั้ง เชส ฟาเบรกาส หยอดบอลเข้าเขตโทษให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ใช้อกแตะต่อ วัลคอตต์ หลุดเข้าไปยิงดีดๆ ด้วยซ้ายแต่ โรเบิร์ต กรีน โชว์ฝีมือพุ่งปัดมือเดียวออกไป อีกสี่นาทีถัดมาจังหวะโต้กลับของ เวสต์แฮม เกือบสัมฤทธิ์ผล สกอตต์ พาร์เกอร์ แทงทะลุให้ เคร็ก เบลลามี อาศัยความเร็วกระชากเข้าไปแปด้วยซ้าย มานูเอล อัลมูเนีย ออกมาล้มตัวใช้เท้าสกัดบอลข้ามคานไปหวุดหวิด
เกมเปิดแลกกันอย่างสนุกทีเดียว ทีมเยือนมีโอกาสอีกครั้ง ซาเมียร์ นาสรี เปิดจากกราบซ้ายเข้ากลาง นิคลาส เบนด์ทเนอร์ หอกดาวรุ่งร่างใหญ่ทีมชาติเดนมาร์กกระโดดขวิดไม่เต็มบอลลอยผ่านเสาสองไป นาทีที่ 36 “ปืนใหญ่” เกือบฉวยโอกาสได้ เบนด์ทเนอร์ กระชากผ่าน เจมส์ คอลลินส์ เข้าไปยิงด้วยขวาร้อนถึง กรีน ต้องพุ่งสุดเหยียดปัดออกหลัง ท้ายเกมจังหวะสวนขึ้นมาอีกครั้งของเจ้าถิ่น ดาวิด ดิ มิเคเล ทำชิ่งกับ คาร์ตัน โคล แต่จังหวะจะรับบอลต่อจากเพื่อนในจังหวะยิงช้าไป อัลมูเนีย ปราดเข้ามาคว้าบอลได้ก่อน จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยัง 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง อาร์เซนอล ยังเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าใส่ แต่นาทีที่ 55 แฟนๆ เจ้าถิ่นพยายามกดดันผู้ตัดสินจากจังหวะที่ โคล เปิดบอลไต่แขน วิลเลียม กัลลาส ในกรอบโทษ แต่ ฟิล ดาวด์ จุดโทษแก่ “ขุนค้อน” เกมของทีมเยือนดูแผ่วๆ ไปอย่างเห็นได้ชัดจากการโดนบดบี้จากนักเตะเจ้าบ้าน แต่นาทีที่ 66 “ปืนใหญ่” ได้เสียวบ้าง วัลคอตต์ เปิดบอลเข้ากลางแผงหลัง “ขุนค้อน” เคลียร์ไม่ขาด ฟาน เพอร์ซี ได้ยิงเน้นๆ จากนอกกรอบ ลี โบว์เยอร์ เหยียดขามาบล็อกได้ทัน
จังหวะถัดมา เวนเกอร์ ขยับปรับแท็คติกให้ทีมเยือนส่งทั้ง อาบู ดิอาบี และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ลงสนามและก็ถอดเอา วัลคอตต์ กับ นาสรี ออกไป จากนั้นเกมของ อาร์เซนอล กลับมาคึกคักอีกครั้ง ฟาน เพอร์ซี ตัดเข้าในก่อนอัดด้วยซ้ายเต็มๆ กรีน ยังป้องกันไว้ได้อีก นาทีที่ 73 “ปืนใหญ่” ทำท่าจะอับโชคเสียแล้ว ฟาน เพอร์ซี ปั่นฟรีคิกไปชนเสาอีก แต่สองนาทีถัดมาแฟนๆ ทีมเยือนได้เฮเมื่อทีมนำ 1-0 จนได้ อเดบายอร์ กึ่งยิงกึ่งผ่านไปหน้าประตู ฌูเลียง โฟแบร์ ดันแหย่สกัดบอลเข้าประตูตัวเอง
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย อเดบายอร์ เล่นชิ่งกับ เบนด์ทเนอร์ ก่อนเข้าไปยิงเหน่งๆ ติดเซฟ กรีน กระฉอกมาเข้าทางหัวหอกทีมชาติโตโกแปซ้ำข้ามคาน ท้ายเกม เวสต์แฮม พยายามดันกันขึ้นมาทวงประตูคืน แต่นาทีสุดท้าย อเดบายอร์ ได้สวนขึ้นมาก่อนแตะหลบ กรีน ยิงเน้นๆ เข้าไปตุงตาข่ายให้ อาร์เซนอล ฝังชัย 2-0 แถมช่วงทดเจ็บ โคล ของเจ้าถิ่นยังมาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปอีก หมดเวลา “ปืนใหญ่” มีเพิ่มเป็น 19 คะแนนจากการลงสนาม 9 นัด ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ตามหลัง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จ่าฝูง 4 แต้ม ขณะที่ “ขุนค้อน” มี 12 คะแนนเท่าเดิม หล่นไปอยู่อันดับ 10 ของตาราง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เวสต์แฮม : โรเบิร์ต กรีน , ฌูเลียง โฟแบร์ , เจมส์ คอลลินส์ , แม็ทธิว อัพสัน , เฮริตา อิลุงกา , ลี โบว์เยอร์ , เฮย์เดน มัลลินส์ , สกอตต์ พาร์เกอร์ , เคร็ก เบลลามี , คาร์ตัน โคล , ดาวิด ดิ มิเคเล
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย , อเล็กซานเดอร์ ซง , มิคาเอล ซิลแวสตร์ , วิลเลียม กัลลาส , กาเอล กลิชี , เอ็มมานูเอล เอบูเอ , เชส ฟาเบรกาส , ซาเมียร์ นาสรี , ธีโอ วัลคอตต์ , นิคลาส เบนด์ทเนอร์ , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ในวันเดียวกัน แฮร์รี เรดแนปป์ ลงมาให้กำลังใจลูกทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถึงม้านั่งสำรองก่อนที่ “ไก่เดือยทอง” เปิดไวท์ ฮาร์ท เลน บี้ชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-0 ได้ประตูจากลูกโขกของ โรมัน พาฟลูเชนโก นาทีที่ 17 และจุดโทษจาก ดาร์เรน เบนท์ ก่อนหมดเวลา 16 นาที ขณะที่ทีมเยือนเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนจากการโดนไล่ออกของ กาวิน แม็คคาน ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง
ด้าน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี หว่านพืชเริ่มเห็นผล เมื่อ โรบินโญ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ทีมชาติบราซิล เจ้าของค่าตัวสูงสุดในลีกอาชีพเมืองผู้ดี 32.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ซัดแฮตทริกในนาทีที่ 14, 47 และ 72 ช่วยให้ต้นสังกัดเปิด ซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ ต้อนตือ “ช่างปั้นหม้อ” สโตค ซิตี 3-0
สำหรับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา โชว์ทีเด็ดบุกสลุตชัย 4-0 ถึงถิ่น เจเจบี สเตเดี้ยม ของ “เดอะ ลาติกส์” วีแกน แอธเลติก โดยผู้มาเยือนได้ประตูจาก แกเร็ธ แบร์รี (จุดโทษ น.22), กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ (น.57), ยอห์น คาริว (น.62) และปิดท้ายกับลูกยิงไกลอันสุดสวยของ สตีฟ ซิดเวลล์ ในนาทีสุดท้าย
ขณะที่ผลคู่สุดท้ายประจำวัน ปรากฏว่า “ปอมปีย์” ปอร์ทสมัธ ที่เพิ่งเสียกุนซือ แฮร์รี เรดแนปป์ ให้ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดรังทำได้แค่เสมอ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม 1-1 โดยเจ้าบ้านนำก่อนจาก ปีเตอร์ เคราช์ นาทีที่ 61 แต่ก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที คลินท์ เดมป์ซีย์ มิดฟิลด์ทีมชาติสหรัฐฯ ยิงเจ๊าให้ผู้มาเยือน
