“ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เปิดบ้านตามเจ๊า “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ขณะที่ “เดอะ ไทเกอร์ส” ฮัลล์ ซิตี เจ๋งจริงบุกตะปบ “เดอะ แบ็กกีส์” เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 3-0 ในศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เอฟเวอร์ตัน 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เดวิด มอยส์ หวังพา “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน พลิกล็อกคว้าชัยในเกมเปิดกูดิสัน ปาร์ค รับการมาเยือนของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเจ้าถิ่นปรับมาใช้ หลุยส์ ซาฮา ยืนล่าตาข่ายร่วมกับ อเย็กเบนี ยาคูบู โดยมี มิเกล อาร์เตตา คอยปั้นเกมแดนกลางร่วมกับ มารูยาน เฟลไลนี ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ใส่ชื่อ ปาทริซ เอฟรา และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ คืนแผงหลังค้ำทีมเยือน แผงมิดฟิลด์เติม ไรอัน กิกส์ ลงมาทำเกมร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด ขณะที่ เวย์น รูนีย์ ซึ่งเพิ่งอายุครบ 23 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม ลุ้นทำประตูที่ 100 ในลีกใส่ต้นสังกัดเก่า
เริ่มเกม เอฟเวอร์ตัน ต่อกรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างไม่หวั่นศักดิ์ศรีแชมป์เก่า แต่ผ่าน 10 นาทีแรกเป็นทีมเยือนที่ครองเกมบุกได้ดีกว่า คริสเตียโน โรนัลโด กระชากป่วนเกมรับเจ้าถิ่นก่อนเปิดไปเสาแรก ทิม ฮาวเวิร์ด โฉบมารับบอลได้ก่อนที่ เวย์น รูนีย์ จะเข้าถึง นาทีที่ 20 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกฟรีคิกอีกครั้ง โรนัลโด ซัดแฉลบกำแพงมนุษย์มาเข้าทาง ริโอ เฟอร์ดินานด์ แปะบอลคืนหลังให้ เวย์น รูนีย์ กระหน่ำด้วยขวาเต็มๆ หลุดกรอบแบบได้ลุ้น อีกสองนาทีถัดมา “ผีแดง” นำ 1-0 จนได้ ไรอัน กิกส์ จ่ายทะลุช่องให้ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หลุดเข้าไปแตะหนี โจลีน เลสคอตต์ แปด้วยซ้ายส่งลูกหนังสวนตัว ฮาวเวิร์ด เข้าไปซุกก้นตาข่าย
พอเสียประตูไป “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ดันเกมบุกกันมาขึ้น แต่เกือบโดนตอกไปอีกลูก กิกส์ มีพื้นที่เล่นในแดนกลางค่อนข้างมากก่อนจ่ายให้ โรนัลโด ส่องไกลระยะ 25 หลาร้อนถึง ฮาวเวิร์ด ต้องพุ่งปัดออกไป แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคุมเกมได้ดี กิกส์ ที่วันนี้เล่นได้อย่างโดดเด่นมีโอกาสยิงเองบ้างแต่ไม่พ้นมือ “ที-โฮ” ผ่านครึ่งชั่วโมง เอฟเวอร์ตัน ยังหาจังหวะเจาะผู้มาเยือนไม่เข้าแถมเกือบโดนอีกครั้ง ปาร์ค จี ซอง เปิดบอลให้ รูนีย์ เกี่ยวมายิงไม่เต็มเท้า โจเซฟ โยโบ จึงช่วยเคลียร์ทิ้งไปได้ แต่ความผิดพลาดของ เนมันยา วิดิช ทำให้เจ้าบ้านได้ลุ้นทว่า อเย็กเบนี ยาคูบู ชิปบอลข้ามคานไป จบ 45 นาทีแรกจึงยังเสียเปรียบทั้งรูปเกมและสกอร์
ลงมาลุยครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตัน ไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินหน้าบุกใส่อย่างหนัก นาทีที่ 55 เกมทำท่าจะเดือดเมื่อ ฟิล เนวิลล์ ไม่ไว้หน้าเพื่อนเก่าไล่เสียบ โรนัลโด จนลงไปนอนดิ้นกับพื้น ริโอ เฟอร์ดินานด์ รวมถึง กิกส์ ปรี่เข้ามาจะเอาเรื่องเนวิลล์ผู้น้อง แต่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายห้ามศึกไว้ได้ทันและผู้ตัดสิน อลัน ไวลีย์ ก็ชักใบเหลืองให้กัปตันทีมเจ้าถิ่นไป เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 63 “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” บดเสมอ 1-1 จนได้ เนวิลล์ เปิดจากกราบขวาให้ มารูยาน เฟลไลนี กระโดดโหม่งเหนือ วิดิช ส่งลูกหนังเสียบเสาสุดปัญญาที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ จะป้องกันไว้ได้
สองนาทีถัดมา เฟอร์ดินานด์ มีปัญหาบาดเจ็บที่โคนขาหนีบส่งบอลคืนหลังเบาเกินไปโดน ยาคูบู ฉกบอลไปยิงเน้นๆ ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดได้ปลายมือลูกหนังเปลี่ยนทางไปชนเสากระเด้งออกมา เมื่อเกมเริ่มปั่นป่วน เฟอร์กี้ ต้องปรับหมากใส่ อันแดร์สัน ไปช่วยแดนกลางแทนที่ ปาร์ค เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย “ผีแดง” เปลี่ยนเอา รูนีย์ ที่เพิ่งโดนใบเหลืองออกมาและก็ใส่ หลุยส์ นานี ไปช่วยเกมรุก ห้านาทีถัดมาก็หยอด คาร์ลอส เตเบซ ไปช่วยไล่บอลแดนหน้าดึงทาง เฟล็ทเชอร์ ผู้ทำประตูออกมาพัก
ก่อนหมดเวลา 6 นาที อันแดร์สัน แทงทะลุให้ โรนัลโด หลุดเข้าไปจิ้มบอลแฉลบ โยโบ ที่เข้ามาเร็วออกหลังไป ท้ายเกม “หนูโด้” พลาดโอกาสทองอีกครั้งได้ซัดจ่อๆ หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ครบ 90 นาทีทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้เสมอกันไป 1-1 จากผลเสมอนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังอยู่อันดับ 5 ของตาราง ด้วยการมีเพิ่มเป็น 15 คะแนนจากการลงสนาม 8 นัด ตามหลังจ่า “สิงห์บลูส์” เชลซี จ่าฝูง 5 แต้ม ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ดันตัวเองขึ้นมาอยู่ที่ 14 จากการมีเพิ่มเป็น 9 คะแนนจากการลงเตะ 9 นัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด , ฟิล จากีลกา , โจเซฟ โยโบ , โจลีน เลสคอตต์ , ฟิล เนวิลล์ , มิเกล อาร์เตตา , มารูยาน เฟลไลนี , ลีออน ออสแมน , สตีเวน พีนาร์ , หลุยส์ ซาฮา , อเย็กเบนี ยาคูบู
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , เวส บราวน์ , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , คริสเตียโน โรนัลโด , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไรอัน กิกส์ , ปาร์ค จี ซอง , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
ส่วนดาร์บี้แมตช์แห่งภาคอีสาน “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ เปิดสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ เฉือนชนะ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 โดยเจ้าถิ่นได้สองประตูจาก ฌิบริล ซิสเซ (นาทีที่ 20) และฟรีคิกสุดสวยของ คีแรน ริชาร์ดสัน ก่อนจบเกม 15 นาที ด้านทีมเยือนตีไข่แตกจาก โชลา อเมโอบี นาทีที่ 30
ด้าน ฮัลล์ ซิตี ประกาศศักดาคว้าชัย 4 นัดติดต่อกัน หลังบุกยำใหญ่ เวสต์บรอมวิช อัลเบียนส์ 3-0 โดยได้สามประตูในครึ่งหลังจาก ซายัตเต (น.47) โจวานนี (น.62) และ มาร์ลอน คิง (น.66) จากชัยชนะนัดนี้ส่ง “เดอะ ไทเกอร์ส” รักษาอันดับ 3 ไว้ได้มี 20 คะแนนทาบ เชลซี และ ลิเวอร์พูล แต่ลงสนามมากกว่าหนึ่งนัด
สุดท้ายในเกมคู่ดึก “กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส อาศัยลูกโขกช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เปิดบ้านไล่เจ๊า “สิงห์แดง” มิดเดิลสโบรช์ 1-1 หลังจากที่ อฟองโซ อัลเวส ยิงให้ทีมเยือนนำก่อนในนาทีที่ 74
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เอฟเวอร์ตัน 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เดวิด มอยส์ หวังพา “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน พลิกล็อกคว้าชัยในเกมเปิดกูดิสัน ปาร์ค รับการมาเยือนของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเจ้าถิ่นปรับมาใช้ หลุยส์ ซาฮา ยืนล่าตาข่ายร่วมกับ อเย็กเบนี ยาคูบู โดยมี มิเกล อาร์เตตา คอยปั้นเกมแดนกลางร่วมกับ มารูยาน เฟลไลนี ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ใส่ชื่อ ปาทริซ เอฟรา และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ คืนแผงหลังค้ำทีมเยือน แผงมิดฟิลด์เติม ไรอัน กิกส์ ลงมาทำเกมร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโด ขณะที่ เวย์น รูนีย์ ซึ่งเพิ่งอายุครบ 23 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม ลุ้นทำประตูที่ 100 ในลีกใส่ต้นสังกัดเก่า
เริ่มเกม เอฟเวอร์ตัน ต่อกรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างไม่หวั่นศักดิ์ศรีแชมป์เก่า แต่ผ่าน 10 นาทีแรกเป็นทีมเยือนที่ครองเกมบุกได้ดีกว่า คริสเตียโน โรนัลโด กระชากป่วนเกมรับเจ้าถิ่นก่อนเปิดไปเสาแรก ทิม ฮาวเวิร์ด โฉบมารับบอลได้ก่อนที่ เวย์น รูนีย์ จะเข้าถึง นาทีที่ 20 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกฟรีคิกอีกครั้ง โรนัลโด ซัดแฉลบกำแพงมนุษย์มาเข้าทาง ริโอ เฟอร์ดินานด์ แปะบอลคืนหลังให้ เวย์น รูนีย์ กระหน่ำด้วยขวาเต็มๆ หลุดกรอบแบบได้ลุ้น อีกสองนาทีถัดมา “ผีแดง” นำ 1-0 จนได้ ไรอัน กิกส์ จ่ายทะลุช่องให้ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หลุดเข้าไปแตะหนี โจลีน เลสคอตต์ แปด้วยซ้ายส่งลูกหนังสวนตัว ฮาวเวิร์ด เข้าไปซุกก้นตาข่าย
พอเสียประตูไป “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ดันเกมบุกกันมาขึ้น แต่เกือบโดนตอกไปอีกลูก กิกส์ มีพื้นที่เล่นในแดนกลางค่อนข้างมากก่อนจ่ายให้ โรนัลโด ส่องไกลระยะ 25 หลาร้อนถึง ฮาวเวิร์ด ต้องพุ่งปัดออกไป แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคุมเกมได้ดี กิกส์ ที่วันนี้เล่นได้อย่างโดดเด่นมีโอกาสยิงเองบ้างแต่ไม่พ้นมือ “ที-โฮ” ผ่านครึ่งชั่วโมง เอฟเวอร์ตัน ยังหาจังหวะเจาะผู้มาเยือนไม่เข้าแถมเกือบโดนอีกครั้ง ปาร์ค จี ซอง เปิดบอลให้ รูนีย์ เกี่ยวมายิงไม่เต็มเท้า โจเซฟ โยโบ จึงช่วยเคลียร์ทิ้งไปได้ แต่ความผิดพลาดของ เนมันยา วิดิช ทำให้เจ้าบ้านได้ลุ้นทว่า อเย็กเบนี ยาคูบู ชิปบอลข้ามคานไป จบ 45 นาทีแรกจึงยังเสียเปรียบทั้งรูปเกมและสกอร์
ลงมาลุยครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตัน ไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินหน้าบุกใส่อย่างหนัก นาทีที่ 55 เกมทำท่าจะเดือดเมื่อ ฟิล เนวิลล์ ไม่ไว้หน้าเพื่อนเก่าไล่เสียบ โรนัลโด จนลงไปนอนดิ้นกับพื้น ริโอ เฟอร์ดินานด์ รวมถึง กิกส์ ปรี่เข้ามาจะเอาเรื่องเนวิลล์ผู้น้อง แต่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายห้ามศึกไว้ได้ทันและผู้ตัดสิน อลัน ไวลีย์ ก็ชักใบเหลืองให้กัปตันทีมเจ้าถิ่นไป เกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 63 “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” บดเสมอ 1-1 จนได้ เนวิลล์ เปิดจากกราบขวาให้ มารูยาน เฟลไลนี กระโดดโหม่งเหนือ วิดิช ส่งลูกหนังเสียบเสาสุดปัญญาที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ จะป้องกันไว้ได้
สองนาทีถัดมา เฟอร์ดินานด์ มีปัญหาบาดเจ็บที่โคนขาหนีบส่งบอลคืนหลังเบาเกินไปโดน ยาคูบู ฉกบอลไปยิงเน้นๆ ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดได้ปลายมือลูกหนังเปลี่ยนทางไปชนเสากระเด้งออกมา เมื่อเกมเริ่มปั่นป่วน เฟอร์กี้ ต้องปรับหมากใส่ อันแดร์สัน ไปช่วยแดนกลางแทนที่ ปาร์ค เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย “ผีแดง” เปลี่ยนเอา รูนีย์ ที่เพิ่งโดนใบเหลืองออกมาและก็ใส่ หลุยส์ นานี ไปช่วยเกมรุก ห้านาทีถัดมาก็หยอด คาร์ลอส เตเบซ ไปช่วยไล่บอลแดนหน้าดึงทาง เฟล็ทเชอร์ ผู้ทำประตูออกมาพัก
ก่อนหมดเวลา 6 นาที อันแดร์สัน แทงทะลุให้ โรนัลโด หลุดเข้าไปจิ้มบอลแฉลบ โยโบ ที่เข้ามาเร็วออกหลังไป ท้ายเกม “หนูโด้” พลาดโอกาสทองอีกครั้งได้ซัดจ่อๆ หลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ครบ 90 นาทีทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้เสมอกันไป 1-1 จากผลเสมอนัดนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังอยู่อันดับ 5 ของตาราง ด้วยการมีเพิ่มเป็น 15 คะแนนจากการลงสนาม 8 นัด ตามหลังจ่า “สิงห์บลูส์” เชลซี จ่าฝูง 5 แต้ม ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน ดันตัวเองขึ้นมาอยู่ที่ 14 จากการมีเพิ่มเป็น 9 คะแนนจากการลงเตะ 9 นัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด , ฟิล จากีลกา , โจเซฟ โยโบ , โจลีน เลสคอตต์ , ฟิล เนวิลล์ , มิเกล อาร์เตตา , มารูยาน เฟลไลนี , ลีออน ออสแมน , สตีเวน พีนาร์ , หลุยส์ ซาฮา , อเย็กเบนี ยาคูบู
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , เวส บราวน์ , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , คริสเตียโน โรนัลโด , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไรอัน กิกส์ , ปาร์ค จี ซอง , เวย์น รูนีย์ , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
ส่วนดาร์บี้แมตช์แห่งภาคอีสาน “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ เปิดสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ เฉือนชนะ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 โดยเจ้าถิ่นได้สองประตูจาก ฌิบริล ซิสเซ (นาทีที่ 20) และฟรีคิกสุดสวยของ คีแรน ริชาร์ดสัน ก่อนจบเกม 15 นาที ด้านทีมเยือนตีไข่แตกจาก โชลา อเมโอบี นาทีที่ 30
ด้าน ฮัลล์ ซิตี ประกาศศักดาคว้าชัย 4 นัดติดต่อกัน หลังบุกยำใหญ่ เวสต์บรอมวิช อัลเบียนส์ 3-0 โดยได้สามประตูในครึ่งหลังจาก ซายัตเต (น.47) โจวานนี (น.62) และ มาร์ลอน คิง (น.66) จากชัยชนะนัดนี้ส่ง “เดอะ ไทเกอร์ส” รักษาอันดับ 3 ไว้ได้มี 20 คะแนนทาบ เชลซี และ ลิเวอร์พูล แต่ลงสนามมากกว่าหนึ่งนัด
สุดท้ายในเกมคู่ดึก “กุหลาบไฟ” แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส อาศัยลูกโขกช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เปิดบ้านไล่เจ๊า “สิงห์แดง” มิดเดิลสโบรช์ 1-1 หลังจากที่ อฟองโซ อัลเวส ยิงให้ทีมเยือนนำก่อนในนาทีที่ 74