"สเปอร์ส" ตกชั้น เรื่องจริงที่เป็นไปได้

หลังคว้าอันดับ 5 สองฤดูกาลติดต่อกัน ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ถูกยกให้เป็นทีมที่จะขึ้นมาทาบรัศมีบรรดาบิ๊กโฟร์ แต่ไปๆ มาๆ เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเวลานี้สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งกรุงลอนดอน ต้องงมโข่งอยู่ท้ายตาราง พรีเมียร์ชิป จากการเป็นทีมเดียวที่ไร้ชัยชนะแถมแพ้ไปถึง 4 จาก 6 นัดแรก โดยถือเป็นการออกสตาร์ทที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 53 ปีเลยทีเดียว

เมื่อฤดูกาลที่แล้วในยุค มาร์ติน โยล สเปอร์ส ก็ออกสตาร์ทร่อแร่เช่นเดียวกันนี้และเมื่อผ่านไป 11 นัด ยังจมปลักอยู่ท้ายตาราง ก่อนที่ รามอส จะถูกดึงเข้ามารับตำแหน่งแทนในช่วงปลายเดือนตุลาคม แม้ผลงานในลีกจะไม่โดดเด่นแต่ก็ค่อยๆ ไต่พ้นโซนแดงจบด้วยอันดับ 11 แถมยังได้โบนัสก้อนโตที่ได้ใจแฟนบอลไปเต็มๆ ก็คือคว้าถ้วย คาร์ลิง คัพ จากการชนะ เชลซี โดยถือเป็นแชมป์แรกนับตั้งแต่ปี 1999 อีกด้วย

แน่นอนยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องตกชั้นเพราะยังเพิ่งต้นฤดูกาล อีกทั้ง รามอส เคยบอกว่าขอเวลา 15 นัดถึงจะจูนเครื่องติด อย่างไรก็ตามบรรดาบ่อนถูกกฎหมายในเมืองผู้ดีเริ่มออกราคากันแล้วดังเช่น เว็บไซต์ "bet 365" ให้ความเป็นไปได้ของ สเปอร์ส อยู่ที่ 10/1 (แทง 1 ได้ 10) ไม่รวมทุน ทั้งที่ก่อนหน้านี้น่าจะเป็นราคาลุ้นแชมป์มากกว่า เราไปดูกันดีกว่าว่ามีเหตุผลใดบ้างที่ สเปอร์ส น่าจะตกชั้น เพราะเริ่มมีกลิ่นไม่ดีโชยออกมาจากถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน แล้ว

- ความเปลี่ยนแปลง

สเปอร์ส น่าจะรับไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว ไล่ตั้งแต่การดึงนักเตะใหม่ ลูกา โมดริช, โจวานนี ดอส ซานโต๊ส, โรมัน พาฟลูเชนโก, เวดราน ชอร์ลูกา และ เดวิด เบนท์ลีย์ เข้ามาเสริมทัพ โดยมีถึง 3 คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์เล่นใน พรีเมียร์ชิป ทั้งหมดต้องใช้เวลาปรับตัวฤดูกาลหนึ่งเป็นอย่างน้อย รวมถึงการเสีย 3 กองหน้าตัวหลักอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ ร็อบบี คีน ในช่วงซัมเมอร์ รวมถึง เจอร์เมน เดโฟ ที่ออกไปเมื่อกลางฤดูกาลที่แล้ว

ก็น่าแปลกใจที่เสียกองหน้าไปถึง 3 คน แต่กลับซื้อหอกอาชีพจริงๆ เข้ามาเสริมเพียงคนเดียวคือ พาฟลูเชนโก ส่วนอีกคนก็คือ ดาร์เรน เบนท์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ที่เหมือนจะมาเป็นความหวังใหม่ในถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน เมื่อซัดเป็นกอบเป็นกำในช่วงอุ่นเครื่องจากผลงานทั้งหมดของทีมคือชนะ 5 เสมอ 1 นัดยิงไป 21 ประตู แต่สุดท้ายกลายเป็นโชว์ฟอร์มผิดเวลา เพราะเอาเข้าจริงพอเปิดฤดูกาลซัดไปแค่ 3 ลูกจากทุกถ้วย

- ปัญหาเกมรับ

จากสถิติเมื่อฤดูกาลที่แล้วคือเสีย 61 ประตูจาก 38 นัด น้อยกว่าทีมตกชั้นอย่าง เบอร์มิงแฮม ซิตี และ เรดดิง เพียงแค่ลูกและ 5 ลูกตามลำดับเท่านั้น แต่ รามอส กลับใส่ใจเสริมเกมรับแค่คนเดียวคือ ชอร์ลูกา ปีที่แล้วที่รอดตกชั้นได้ก็เพราะยิงประตูได้สูสีกับ เชลซี และ ลิเวอร์พูล คือ 66 ลูก ยิ่งฤดูกาลนี้ขาด เบอร์บาตอฟ กับ คีน ที่ซัดให้รวมกัน 30 ประตูอีกดูแล้วน่าสงสัยว่า สเปอร์ส จะไปไม่รอด เพราะเปิดมาในปีนี้ก็ยิงไปได้แค่ 4 ประตูเท่านั้นเองแถมเสียไปถึง 9 ลูก

- ฮวนเด รามอส

เจ้าของฉายา "กุนซือสิงห์บอลถ้วย" พิสูจน์ได้จากการพา เซบีญา คว้าแชมป์ ยูฟา คัพ 2 ปีติดต่อกัน และแชมป์กับ สเปอร์ส โดยใช้เวลาเพียงแค่ราว 4 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตามต้องมองว่าเวลานี้ทีมกำลังเผชิญกับวิกฤติหนีตกชั้น จริงอยู่ที่นายใหญ่วัย 54 ปี เคยขึ้นไปเบียดลุ้นแชมป์ ลา ลีกา สเปน ใน 2 ฤดูกาลคือ 2005-07 แต่อย่าลืมว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่ รีล มาดริด และ บาร์เซโลนา ฟอร์มตก อีกทั้งลีกแดนกระทิงก็มีทีมระดับหัวแถวน้อยกว่าอังกฤษ รวมถึงเมื่อปีที่แล้วช่วง 3 เดือนหลัง สเปอร์ส ชนะแค่ 3 นัดจาก 12 เกมเท่านั้น

รามอส ยังน่าจะมีปัญหากับภาษาที่ใช้สื่อสารกับนักเตะไม่น้อย เพราะเวลานี้ยังต้องเหน็บผู้ช่วย กุสตาโว โปเยต์ เอาไว้ข้างกายอยู่เสมอ ส่วนรูปแบบการเล่นปีนี้ 6 นัดภายในลีก สเปอร์ส เปลี่ยนแปลงนักเตะทุกนัด รวมถึงระบบการเล่นที่ลองมาหมดทั้ง 4-5-1, 4-4-2 และ 4-4-1-1 แสดงให้เห็นว่ายังไม่มีทีม 11 คนแรกในใจ ที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้มีเพียง เจอร์เมน เจนาส และ ดิดิเยร์ โซโกรา ส่วน เล็ดลีย์ คิง กองหลังกัปตันทีมก็ยังเจ็บออดๆ แอดๆ อยู่โรงหมอมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก

- อำนาจถูกแทรกแซง

เดเมียน โคมอลลี ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ที่เข้ามาแทนที่ของ แฟรงค์ อาร์เนเซน ถูกมองว่าเป็นปัญหาภายในที่เริ่มเรื้อรังตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว เพราะแผนตัดหน้าทีมยักษ์ใหญ่ซื้อตัวนักเตะไม่เข้าตาทั้ง เบนท์, แกเร็ธ เบล, โมดริช, ยูเนส คาบูล, เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง, อาเดล ทารับต์, คริส กุนเทอร์ และ อลัน ฮัตตัน โดยเฉพาะ 3 คนแรกค่อนข้างจะแพงหูฉี่ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าคนนี้เองที่เข้ามาแทรกแซงจนทำให้ มาร์ติน โยล ต้องอำลาทีมไปในที่สุด

ในช่วงซัมเมอร์นี้ สเปอร์ส ทุ่มเงินเกือบ 70 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,480 ล้านบาท) กับการซื้อนักเตะใหม่ แต่ทว่ากลับหาตัวแทนที่ระดับฝีเท้าใกล้เคียงกับ คีน และ เบอร์บาตอฟ ที่ปล่อยออกไปได้เงินมารวมกันถึง 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท) ไม่ได้เลย

ณ เวลานี้คงเร็วไปที่จะพูดอย่างเต็มปากว่า สเปอร์ส มีสิทธิร่วงจากลีกสูงสุดของเมืองผู้ดี เพราะยังเหลือเกมให้สู้กันอีก 32 นัด แต่ทั้งหมดคือปัจจัยบ่งชี้ที่แสดงให้เห็นถึงปัญหาในจุดต่างๆ ที่จำเป็นต้องเยียวยาโดยด่วน หากรังแต่จะปล่อยไว้ให้สภาพทีมเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่แน่สิ่งที่ใครหลายคนไม่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นก็เป็นได้ คือ "ไก่เดือยทอง" ต้องซ้ำรอยประวัติศาตร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อทีมต้องตกชั้นชนิดอกกลัดหนองเลยทีเดียว