คริสเตียโน โรนัลโด คัมแบ็กแต่ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านแค่เจ๊า “เรือดำน้ำ” บียาร์รีล 0-0 ขณะที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล บุกไปตามตีเสมอ ดินาโม เคียฟ 1-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม คืนวันพุธ
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มอี
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 0-0 บียาร์รีล (สเปน)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีการปรับทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังพ่าย “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ โดยให้ แกรี เนวิลล์ และ จอนนี อีแวนส์ สลับลงมาประจำการแดนหลัง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ช่วยกลางแทน ไมเคิล คาร์ริค ที่บาดเจ็บ แนวรุกขาด ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แต่ข้างสนามได้ คริสเตียโน โรนัลโด หายเจ็บกลับมารอโอกาส ด้าน มานูเอล เปเยกรินี เปลี่ยนแปลงขุนพล บียาร์รีล หลายรายพักทั้ง มาร์กอส เซนนา กับ ซานติ กาซอลา ไว้ในม้านั่งสำรอง ให้โอกาส โรแบร์ ปิแรส ลงปั้นเกมสนับสนุน กิลเยร์โม ฟรังโก หน้าตัวเป้า
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเดินหน้าบุกในฐานะเจ้าถิ่นที่อยากได้ประตูออกนำเร็ว แต่ บียาร์รีล วางหมากบีบเร็วในแดนกลาง ลงไปตั้งรับกันแน่นในแผงรับ แค่ 8 นาที “ผีแดง” เกือบได้เฮ โอเวน ฮาร์กรีฟส์ โยนลูกเตะมุมโด่งเข้ามา ดีเอโก โลเปซ นายทวารทีมเยือนคว้าลม บอลมาตกที่เท้า ริโอ เฟอร์ดินานด์ แต่ปราการหลังทีมชาติอังกฤษดันแปบอลไม่ตรงกรอบ เจ้าถิ่นยังบี้ใส่อย่างหนัก หลุยส์ นานี ลองตะบันจากนอกกรอบ โลเปซ รับบอลกระฉอกแต่เพื่อนเคลียร์ได้ทัน
ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสอีกครั้ง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ แทงทะลุให้ ปาร์ค จี ซอง หลุดเข้าไปยิงบอลแฉลบเท้า เอ็ดมิลสัน ออกหลังหวุดหวิด ครึ่งชั่วโมง บียาร์รีล เพิ่งมามีโอกาสยิงครั้งแรก โรแบร์ ปิแรส เลาะเข้าไปซัดเรียดมุมแคบแต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ รอเซฟอยู่แล้ว จังหวะถัดมาเจ้าบ้านที่ยังเจาะกำแพงเกมรับผู้มาเยือนไม่เข้า แต่ก็เกือบได้เฮเมื่อ คาร์ลอส เตเบซ ตัดสินใจอัดไกลด้วยขวาร้อนถึง โลเปซ ต้องบินปัดบอลทิ้งไป
นาทีที่ 35 แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มใช้การเปิดโจมตีจากด้านข้างเข้ากดดัน บียาร์รีล และก็เกือบจะเป็นผล นานี ตักด้วยขวาจากราบซ้ายบอลเลย โลเปซ ไปถึงเสาสอง แต่ เวย์น รูนีย์ ตามเข้าชาร์จไม่ถึง จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0 เป็นการบ้านให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขบคิดหนักในห้องแต่งตัว เนื่องจากม้านั่งสำรองยังมีทีเด็ดเกมรุกอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด, อันแดร์สัน หรือแม้แต่จอมเก๋าอย่าง ไรอัน กิกส์ รอโอกาสอยู่
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง มานูเอล เปเยกรินี ชิงปรับเกมให้ บียาร์รีล ก่อนด้วยการส่ง ซานติ กาซอร์ลา ลงมาขับเคลื่อนเกมแทน กานี และเกมของผู้มาเยือนก็ดีขึ้น สามารถครองบอลได้มากกว่าครึ่งแรก ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้พยายามเดินหน้าบุกเข้าใส่แต่เกมแดนกลางเริ่มเป็นรอง การจ่ายบอลของเจ้าถิ่นเริ่มแสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นมากขึ้น หนึ่งชั่วโมงพอดี การสกัดบอลไม่ขาดของแผงรับ “เรือดำน้ำ” ทำให้ ปาร์ค จี ซอง ได้ยิงด้วยขวาแต่โดนไม่เต็มบอลหลุดออกข้างเสาไป จังหวะถัดมา บียาร์รีล พลาดการนำอย่างเหลือเชื่อ อังเคล โลเปซ เติมขึ้นมาทางขวาเปิดให้ กิลเยร์โม ฟรังโก ไขว้ยิงจ่อๆ ผ่านมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่บอลเจ้ากรรมพุ่งชนเสากระเด้งออกมา
สถานการณ์ท่าจะไม่ดี ท่านเซอร์ เปลี่ยนเอา อันแดร์สัน และ คริสเตียโน โรนัลโด ลงสนามท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนๆ “ผีแดง” กระหึ่มสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยถอดเอา โอเวน ฮาร์กรีฟส์ กับ ปาร์ค จี ซอง ออกมา และ “หนูโด้” ได้โอกาสสะบัดเท้ายิงทันทีจากการเปิดเข้ามาให้ของ คาร์ลอส เตเบซ แต่บอลกระดอนพื้น โลเปซ กระโดดคว้าได้ไม่ยาก จากนั้น เปเยกรินี ปรับหมากสู้อีกครั้งปล่อย อาเรียล อิบากาซา ไปปั้นเกมแทน ปิแรส ที่เริ่มหายไปจากเกม
นาทีที่ 72 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูนำอย่างที่สุดเช่นกัน โรนัลโด แทงทะลุให้ รูนีย์ หลุดขึ้นไปก่อนปาดไปหน้าประตู เตเบซ แตะหนึ่งจังหวะก่อนดีดบอลผ่าน โลเปซ แต่เป็น กอนซาโล โรดริเกซ ตามมาเคลียร์ได้บนเส้นหวุดหวิด เข้าสู่ช่วง 10 นาทีท้าย เฟอร์กี้ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายส่ง ไรอัน กิกส์ ลงไปใช้ความเก๋าและก็ดึง เตเบซ ออกมา ถัดมาเจ้าถิ่นพลาดโอกาสทองไปอีก โรนัลโด เปิดจากกราบขวาหลุดไปเสาสองให้ จอนนี อีแวนส์ เติมมาโหม่งบอลกระแทกเสาอีก จนแล้วจนรอดครบ 90 นาที สกอร์กันไป 0-0
ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บได้เพียงแต้มเดียวประเดิม เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมกลุ่มอี ที่เจ๊าแบบเสมอ 0-0 ทั้งหมด โดยแมตช์ต่อไปในคืนวันอังคารที่ 30 กันยายน “ผีแดง” มีคิวเยือน อัลบอร์ก ที่เดนมาร์ก ขณะที่ บียาร์รีล จะกลับไปเล่นในถิ่นรับมือ “ม้าลายเขียวขาว” กลาสโกว์ เซลติก แชมป์จากสกอตติช พรีเมียร์ลีก ต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , แกรี เนวิลล์ , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , จอนนี อีแวนส์ , ปาทริซ เอวรา , ปาร์ค จี ซอง , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , หลุยส์ นานี , คาร์ลอส เตเบซ , เวย์น รูนีย์
บียาร์รีล : ดีเอโก โลเปซ , อังเคล โลเปซ , กอนซาโล โรดริเกซ , ดีเอโก โกดิน , โจ คัพเดบีญา , กานี , เอ็ดมิลสัน , เซบาสเตียน อีกูเรน , โรแบร์ ปิแรส , มาติอัส เฟอร์นานเดซ , กิลเยร์โม ฟรังโก
ผลฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ประจำคืนวันพุธ
กลุ่มอี
กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 0-0 อัลบอร์ก (เดนมาร์ก)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 0-0 บียาร์รีล (สเปน)
กลุ่มเอฟ
โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) 2-2 ฟิออเรนตินา (อิตาลี)
[0-1 : อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน (น.11) , 0-2 : อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน (น.42) , 1-2 : เฟรเดริก ปิกิยอน (น.72) , 2-2 : คาริม เบนเซมา (น.86)]
สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 0-1 บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)
[0-1 : ดาเนียล ฟาน บุยเตน (น.15)]
กลุ่มจี
ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) 1-1 อาร์เซนอล (อังกฤษ)
[1-0 : อิสมาเอล บังกูรา (จุดโทษ น.64) , 1-1 : วิลเลียม กัลลาส (น.88)]
เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) 3-1 เฟเนร์บาห์เช (ตุรกี)
[1-0 : ลิซานโดร โลเปซ (น.11) , 2-0 : ลูโช กอนซาเลซ (น.14) , 2-1 : ดาเนียล กีซา (น.29) , 3-1 : ลิโน (น.90)]
กลุ่มเอช
ยูเวนตุส (อิตาลี) 1-0 เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย)
[1-0 : อเลสซานโดร เดล ปิเอโร (น.76)]
รีล มาดริด (สเปน) 2-0 เบต โบริซอฟ (เบลารุส)
[1-0 : เซอร์จิโอ รามอส (น.11) , 2-0 : รุด ฟาน นิสเตลรอย (น.57)]
ศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก กลุ่มอี
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 0-0 บียาร์รีล (สเปน)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีการปรับทัพ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังพ่าย “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์ โดยให้ แกรี เนวิลล์ และ จอนนี อีแวนส์ สลับลงมาประจำการแดนหลัง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ช่วยกลางแทน ไมเคิล คาร์ริค ที่บาดเจ็บ แนวรุกขาด ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ แต่ข้างสนามได้ คริสเตียโน โรนัลโด หายเจ็บกลับมารอโอกาส ด้าน มานูเอล เปเยกรินี เปลี่ยนแปลงขุนพล บียาร์รีล หลายรายพักทั้ง มาร์กอส เซนนา กับ ซานติ กาซอลา ไว้ในม้านั่งสำรอง ให้โอกาส โรแบร์ ปิแรส ลงปั้นเกมสนับสนุน กิลเยร์โม ฟรังโก หน้าตัวเป้า
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเดินหน้าบุกในฐานะเจ้าถิ่นที่อยากได้ประตูออกนำเร็ว แต่ บียาร์รีล วางหมากบีบเร็วในแดนกลาง ลงไปตั้งรับกันแน่นในแผงรับ แค่ 8 นาที “ผีแดง” เกือบได้เฮ โอเวน ฮาร์กรีฟส์ โยนลูกเตะมุมโด่งเข้ามา ดีเอโก โลเปซ นายทวารทีมเยือนคว้าลม บอลมาตกที่เท้า ริโอ เฟอร์ดินานด์ แต่ปราการหลังทีมชาติอังกฤษดันแปบอลไม่ตรงกรอบ เจ้าถิ่นยังบี้ใส่อย่างหนัก หลุยส์ นานี ลองตะบันจากนอกกรอบ โลเปซ รับบอลกระฉอกแต่เพื่อนเคลียร์ได้ทัน
ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสอีกครั้ง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ แทงทะลุให้ ปาร์ค จี ซอง หลุดเข้าไปยิงบอลแฉลบเท้า เอ็ดมิลสัน ออกหลังหวุดหวิด ครึ่งชั่วโมง บียาร์รีล เพิ่งมามีโอกาสยิงครั้งแรก โรแบร์ ปิแรส เลาะเข้าไปซัดเรียดมุมแคบแต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ รอเซฟอยู่แล้ว จังหวะถัดมาเจ้าบ้านที่ยังเจาะกำแพงเกมรับผู้มาเยือนไม่เข้า แต่ก็เกือบได้เฮเมื่อ คาร์ลอส เตเบซ ตัดสินใจอัดไกลด้วยขวาร้อนถึง โลเปซ ต้องบินปัดบอลทิ้งไป
นาทีที่ 35 แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มใช้การเปิดโจมตีจากด้านข้างเข้ากดดัน บียาร์รีล และก็เกือบจะเป็นผล นานี ตักด้วยขวาจากราบซ้ายบอลเลย โลเปซ ไปถึงเสาสอง แต่ เวย์น รูนีย์ ตามเข้าชาร์จไม่ถึง จบ 45 นาทีแรก สกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0 เป็นการบ้านให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ขบคิดหนักในห้องแต่งตัว เนื่องจากม้านั่งสำรองยังมีทีเด็ดเกมรุกอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด, อันแดร์สัน หรือแม้แต่จอมเก๋าอย่าง ไรอัน กิกส์ รอโอกาสอยู่
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง มานูเอล เปเยกรินี ชิงปรับเกมให้ บียาร์รีล ก่อนด้วยการส่ง ซานติ กาซอร์ลา ลงมาขับเคลื่อนเกมแทน กานี และเกมของผู้มาเยือนก็ดีขึ้น สามารถครองบอลได้มากกว่าครึ่งแรก ในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้พยายามเดินหน้าบุกเข้าใส่แต่เกมแดนกลางเริ่มเป็นรอง การจ่ายบอลของเจ้าถิ่นเริ่มแสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นมากขึ้น หนึ่งชั่วโมงพอดี การสกัดบอลไม่ขาดของแผงรับ “เรือดำน้ำ” ทำให้ ปาร์ค จี ซอง ได้ยิงด้วยขวาแต่โดนไม่เต็มบอลหลุดออกข้างเสาไป จังหวะถัดมา บียาร์รีล พลาดการนำอย่างเหลือเชื่อ อังเคล โลเปซ เติมขึ้นมาทางขวาเปิดให้ กิลเยร์โม ฟรังโก ไขว้ยิงจ่อๆ ผ่านมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ แต่บอลเจ้ากรรมพุ่งชนเสากระเด้งออกมา
สถานการณ์ท่าจะไม่ดี ท่านเซอร์ เปลี่ยนเอา อันแดร์สัน และ คริสเตียโน โรนัลโด ลงสนามท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนๆ “ผีแดง” กระหึ่มสนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยถอดเอา โอเวน ฮาร์กรีฟส์ กับ ปาร์ค จี ซอง ออกมา และ “หนูโด้” ได้โอกาสสะบัดเท้ายิงทันทีจากการเปิดเข้ามาให้ของ คาร์ลอส เตเบซ แต่บอลกระดอนพื้น โลเปซ กระโดดคว้าได้ไม่ยาก จากนั้น เปเยกรินี ปรับหมากสู้อีกครั้งปล่อย อาเรียล อิบากาซา ไปปั้นเกมแทน ปิแรส ที่เริ่มหายไปจากเกม
นาทีที่ 72 แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูนำอย่างที่สุดเช่นกัน โรนัลโด แทงทะลุให้ รูนีย์ หลุดขึ้นไปก่อนปาดไปหน้าประตู เตเบซ แตะหนึ่งจังหวะก่อนดีดบอลผ่าน โลเปซ แต่เป็น กอนซาโล โรดริเกซ ตามมาเคลียร์ได้บนเส้นหวุดหวิด เข้าสู่ช่วง 10 นาทีท้าย เฟอร์กี้ ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายส่ง ไรอัน กิกส์ ลงไปใช้ความเก๋าและก็ดึง เตเบซ ออกมา ถัดมาเจ้าถิ่นพลาดโอกาสทองไปอีก โรนัลโด เปิดจากกราบขวาหลุดไปเสาสองให้ จอนนี อีแวนส์ เติมมาโหม่งบอลกระแทกเสาอีก จนแล้วจนรอดครบ 90 นาที สกอร์กันไป 0-0
ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บได้เพียงแต้มเดียวประเดิม เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมกลุ่มอี ที่เจ๊าแบบเสมอ 0-0 ทั้งหมด โดยแมตช์ต่อไปในคืนวันอังคารที่ 30 กันยายน “ผีแดง” มีคิวเยือน อัลบอร์ก ที่เดนมาร์ก ขณะที่ บียาร์รีล จะกลับไปเล่นในถิ่นรับมือ “ม้าลายเขียวขาว” กลาสโกว์ เซลติก แชมป์จากสกอตติช พรีเมียร์ลีก ต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , แกรี เนวิลล์ , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , จอนนี อีแวนส์ , ปาทริซ เอวรา , ปาร์ค จี ซอง , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , โอเวน ฮาร์กรีฟส์ , หลุยส์ นานี , คาร์ลอส เตเบซ , เวย์น รูนีย์
บียาร์รีล : ดีเอโก โลเปซ , อังเคล โลเปซ , กอนซาโล โรดริเกซ , ดีเอโก โกดิน , โจ คัพเดบีญา , กานี , เอ็ดมิลสัน , เซบาสเตียน อีกูเรน , โรแบร์ ปิแรส , มาติอัส เฟอร์นานเดซ , กิลเยร์โม ฟรังโก
ผลฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ประจำคืนวันพุธ
กลุ่มอี
กลาสโกว์ เซลติก (สกอตแลนด์) 0-0 อัลบอร์ก (เดนมาร์ก)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 0-0 บียาร์รีล (สเปน)
กลุ่มเอฟ
โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส) 2-2 ฟิออเรนตินา (อิตาลี)
[0-1 : อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน (น.11) , 0-2 : อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน (น.42) , 1-2 : เฟรเดริก ปิกิยอน (น.72) , 2-2 : คาริม เบนเซมา (น.86)]
สเตอัว บูคาเรสต์ (โรมาเนีย) 0-1 บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)
[0-1 : ดาเนียล ฟาน บุยเตน (น.15)]
กลุ่มจี
ดินาโม เคียฟ (ยูเครน) 1-1 อาร์เซนอล (อังกฤษ)
[1-0 : อิสมาเอล บังกูรา (จุดโทษ น.64) , 1-1 : วิลเลียม กัลลาส (น.88)]
เอฟซี ปอร์โต (โปรตุเกส) 3-1 เฟเนร์บาห์เช (ตุรกี)
[1-0 : ลิซานโดร โลเปซ (น.11) , 2-0 : ลูโช กอนซาเลซ (น.14) , 2-1 : ดาเนียล กีซา (น.29) , 3-1 : ลิโน (น.90)]
กลุ่มเอช
ยูเวนตุส (อิตาลี) 1-0 เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย)
[1-0 : อเลสซานโดร เดล ปิเอโร (น.76)]
รีล มาดริด (สเปน) 2-0 เบต โบริซอฟ (เบลารุส)
[1-0 : เซอร์จิโอ รามอส (น.11) , 2-0 : รุด ฟาน นิสเตลรอย (น.57)]
