สัปดาห์ที่ผ่านมา “แลนซ์ อาร์มสตรอง” ตำนานนักปั่นน่องเหล็กชาวอเมริกันสร้างความฮือฮาให้กับวงการกีฬาโลก เมื่อประกาศว่าเตรียมกลับมานั่งบนอานจักรยานอีกครั้งในปีหน้า โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มเกียรติประวัติด้วยการคว้าแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ สมัยที่ 8 มาครองให้จงได้ อย่างไรก็ตาม การหวนคืนหลังจากรีไทร์ไปเมื่อ 3 ปีก่อนทิ้งปริศนาชวนให้ขบคิดมากมาย ซึ่งสำนักข่าวบีบีซี ได้ประมวลออกมาดังนี้
- เหตุผลแท้จริงในการตัดสินใจ?
“ผมต้องการกระตุ้นให้ผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกหันมาเอาชนะโรคร้ายของตัวเองกันมากขึ้น” นี่คือประโยคที่ อาร์มสตรอง ที่เคยเอาชนะโรคมะเร็งต่อมลูกหมากหยิบยกมาเป็นเหตุผลในการประกาศคัมแบ็กต่อหน้าสาธารณชน กระนั้นยังคงมีประเด็นให้ถกเถียง ตามมา เมื่อ บิลล์ สเตเปิลตัน ที่ปรึกษาและอดีตผู้จัดการส่วนตัวในทีมดิสคัฟเวอรี่ออกมากล่าวว่า “เขาไม่ต้องการเพียงแค่ได้อันดับ 2”
ซึ่งคำพูดดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของนักปั่นจากรัฐเท็กซัสที่ต้องการคว้าแชมป์จักรยานทางไกล ตูร์ เดอ ฟรองซ์ สมัยที่ 8 โดยส่วนหนึ่งก็เพื่อพิสูจน์ว่าชัยชนะ 7 หนซ้อนในระหว่างปี 1999-2005ได้มาอย่างขาวสะอาด ไม่ได้เกิดจากการใช้สารกระตุ้นตามที่ตกเป็นข้อครหา
อย่างไรก็ตาม คริส บอร์ดแมน อดีตน่องเหล็กสัญชาติผู้ดียังคงตั้งข้อสงสัยจนถึงที่สุดว่าไม่มีความจำเป็นที่ แลนซ์ จะต้องคืนสู่วงการอีกครั้ง โดยเชื่อว่าการนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ปล่อยให้เรื่องราวที่เป็นมลทินค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลา คงเหลือไว้แต่เพียงตำนานอันยิ่งใหญ่ให้เป็นที่จดจำน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า
37 ยังแจ๋วจริงหรือ?
อาร์มสตรอง จะลงไล่ล่าแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ 2009 ด้วยวัย 37 ปี โดยที่ผ่านมามีเพียง ฟีร์มิน ลัมโบต์ นักแข่งชาวเบลเยียมเท่านั้นที่คว้าชัยชนะได้ในขณะที่อายุเกิน 34 ปี และนั่นก็เกิดขึ้นเมื่อ 87 ปีก่อนด้วย ซึ่งบรรดาบุคคลในวงการได้นำเอาอุปสรรคเรื่องอายุมาวิจารณ์ต่างๆ นานา
ในรายของ ร็อบบี เวนตูรา แสดงความเชื่อมั่นต่ออดีตเพื่อนร่วมสังกัด ยูเอส โพสทัล ว่า “แลนซ์ มีวินัยในการฝึกซ้อม, การรับประทานอาหาร และการพักผ่อนที่ดีมาก ซึ่งยากที่คนวัยเดียวกันจะทำได้” ขณะที่ เปโดร เซลายา แพทย์ประจำทีม แอสทานา ที่เคยทำงานกับ แลนซ์ ในยุครุ่งเรืองก็ยก โจน ยาเนราส นักปั่นสแปนิชที่คว้า 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงินจากโอลิมปิกเกมส์ 2008 ในวัย 39 ปีขึ้นมาเป็นตัวอย่างว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น
มีเพียง บอร์ดแมน เจ้าเก่าที่ไม่เชื่อว่าสังขารของ “เมลโล่ จอห์นนี่” จะยืนหยัดบนเส้นทางสองล้ออันหฤโหดได้ โดยให้เหตุผลว่า “โดยทั่วไปนักแข่งจะมีความมุ่งมั่นลดลงหลังเข้าสู่ช่วงกลางอายุหลัก 30 ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาลงแข่งในระดับเดียวกับเมื่อก่อนก็มีสิทธิ์ถูกทิ้งห่างมากกว่าเดิม ซึ่งคงมีนักแข่งหลายคนที่คิดเช่นนี้”
ทีมที่จะเข้าร่วม?
แชมป์ตูร์ 7 สมัยซ้อนของ อาร์มสตรอง เกิดขึ้นได้ก็เพราะมี โยฮัน บรุยนีล คอยอยู่เบื้องหลัง ทั้งการจัดตารางฝึกซ้อม, วางแผนในแต่ละสนามแข่งขัน และวางกลยุทธ์ของทีมให้ ซึ่งตอนนี้ผู้จัดการคู่บุญอย่าง บรุยนีล ทำงานร่วมกับทีม “แอสทานา” และแน่นอนว่าสื่อมวลชนจะต้องนำเอาทั้งคู่มาเชื่อมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้าน บรุยนีล เองก็ออกมาให้สัมภาษณ์เชื้อเชิญว่าอยากกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง “ผมได้คุยกับเขาหลายอย่างแล้ว ซึ่งผมไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นอย่างไร หากเห็นเขาลงแข่งขันในฐานะนักแข่งของทีมอื่น” ขณะที่ อัลเบอร์โต คอนทาดอร์ น่องเหล็กดาวเด่นของทีม แชมป์ตูร์ 2007 ก็ยินดีอ้าแขนรับ แลนซ์ เข้าทีมว่า “ผมจะรู้สึกภูมิใจมากหากได้ลงแข่งขันเคียงข้างเขา”
นอกจากนั้นยังมี “โคลัมเบีย” อีกทีมที่แอบลุ้นดึงนักปั่นจอมเก๋ามาเข้าสังกัด แต่ บ็อบ สเตเปิลตัน ผู้จัดการทีมก็ออกมายอมรับว่าโอกาสคงริบหรี่ “ความเป็นไปได้ตอนนี้มีเพียง โยฮัน (บรุยนีล) กับ แอสทานา เท่านั้น ซึ่งมันคงจะเป็นเรื่องง่ายกว่าหากพวกเขากลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง”
รายการที่จะกลับมาลงแข่งขัน?
มีรายงานว่า อาร์มสตรอง จะลงชิงชัย 5 รายการในปี 2009 ประกอบด้วย ทัวร์ ออฟ แคลิฟอร์เนีย (กุมภาพันธ์), ปารีส-นีซ (มีนาคม), ทัวร์ ออฟ จอร์เจีย (เมษายน), โดฟีน ลีแบร์ สเตจ เรซ (มิถุนายน) และ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ (กรกฎาคม) ทว่า บอร์ดแมน ยังไม่วายออกมาขู่ตำนานสองล้อชาวมะกันว่า “รายการที่อันตรายสำหรับเขาน่าจะเป็น โดฟีน ที่เปรียบเสมือน มินิ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ และผู้ชนะส่วนใหญ่ก็จะมีผลงานแย่ในศึกตูร์ นอกจากนั้น หากนับตั้งแต่เริ่มแข่ง โดฟีน จนจบ ตูร์ จะกินเวลาราว 8-9 สัปดาห์ ซึ่งมีผลกระทบต่อการยืนระยะ”
สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา?
การคัมแบ็กหนนี้ แพท แม็คเควด ประธานสหพันธ์จักรยานนานาชาติ ก็น้อมรับการตัดสินใจของน่องเหล็กวัยดึกว่า “เขามีอิสระที่จะกลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง เพียงแต่มีคำถามอย่างเดียวว่าเขาจะรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ได้หรือไม่” ทว่า คริสติยอง พรูดอมม์ ผู้อำนวยการ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ออกมาตั้งข้อสงสัยว่า “เรายังไม่รู้ว่า แลนซ์ จะลงแข่งให้กับทีมใด แต่ถ้าเขาปฏิบัติตามกฎต่อต้านการใช้สารกระตุ้นที่เราคอยเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัดในระยะหลัง เราก็พร้อมยอมรับเขาเข้าร่วมการแข่งขันด้วยความยินดี”