หลังจาก “คาร์ลอส ซาสแตร์” ยอดนักปั่นจากสปนแห่งทีมซีเอสซี แซกโซ แบงค์ สวมเสื้อเหลืองปั่นเข้าเส้นชัยสเตจสุดท้ายบนถนนฌอง เอลิเซย์ ด้วยเวลารวม 87 ชั่วโมง 52 นาที 52 วินาที รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของ คริสเตียน พูรด์ฮอมม์ ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันจักรยานทางไกล ตูร์เดอฟรองซ์ แทบจะในทันทีเพราะเขาเชื่อว่านี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการปั่นรายการตูร์ฯ โดยสองปีที่ผ่านมาน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับตูร์เดอฟรองซ์ แต่สำหรับปีนี้ พรูด์ฮอมม์ เชื่อว่า จะเป็นการสร้างความทรงจำที่ดีให้เกิดขึ้นกับแฟนจักรยานทางไกล
โดยการแข่งขันเมื่องวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสามารถจบได้อย่างสวยงามกับชัยชนะของ คาร์ลอส ซาสแตร์ ยอดนักปั่นชาวสเปน ส่วนผลการตรวจโด๊ปนั้นตลอดระยะทางทั้งหมดมีนักปั่นถูกตัดสิทธิให้ออกจากการแข่งขันมีด้วยกันสี่ราย โดยนักปั่นสามรายนั้นมีผลทดสอบเลือดพบว่าใช้สาร อีพีโอ อันเป็นสารต้องห้ามที่นิยมใช้ในหมู่นักปั่น ขณะที่อีกรายนั้นถูกตัดสิทธิเนื่องจากพบยากระตุ้นหัวใจจึงถูกให้ออกจากการแข่งขันอีกราย
ในรายที่เรียกว่าเป็นบิ๊กเนม และ ถูกปรับให้ออกจากการแข่งขันเนื่องจากตรวจพบสารกระตุ้นนั้นเห็นจะเป็น ริคคาร์โด ริคโก นักปั่นจากอิตาลี ที่สามารถทำเวลาชนิดฉายเดี่ยวบนเส้นทางขึ้นเขา "พีเรเนสส์" แต่หลังจากนั้นแฟนๆที่ติดตามให้กำลังใจ ริคโก ต่างก็ผิดหวังไปตามๆกันเมื่อนักปั่นชื่อดังถูกตรวจพบว่า ผลงานอันสุดยอดนั้นเกิดจากสารกระตุ้น อีพีโอ
ทั้งนี้ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันตูร์เดอฟรองซ์ กล่าวถึงผลงานการจัดแข่งในปีนี้ว่าน่าพอใจ "หลังจากรายการตูร์ฯ ต้องเปื้อนมลทินเพราะมีข่าวเรื่องการใช้สารกระตุ้นในหมู่นักแข่งเพิ่มขึ้นมากทุกปีแต่สำหรับปีนี้หลังจากที่พวกเราเข้มงวดและเอาจริงเอาจังกันมากขึ้นผมเชื่อว่าการแข่งขันรายการตูร์ เดอ ฟรองซ์ กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปในทางที่ดีขึ้น"
สำหรับนักปั่นที่ถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นทั้งสี่ราย หลังจบการแข่งขันสเตจสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นจุดด่างพร้อยเพียงเล็กน้อยเพราะชัยชนะของซาแตร์ส บนถนนฌอง เอลิเซ่ นั้นนับเป็นการเฉลิมฉลองที่งดงามและปราศจากการโกง
แต่ภาพชัยชนะของ ซาสแตร์ ดูจะเป็นเรื่องตรงกันข้ามกับ ดีมิทริ โฟโฟนอฟ นักปั่นจากคาซัคสถานซึ่งถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นที่ฝ่ายตรวจสอบถึงกับเอ่ยปากว่า “เขาใช้สารกระตุ้นเป็นจำนวนมาก” ทั้งนี้ภายหลังจบการแข่งขันในสเตจที่ 18 เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา โฟโฟนอฟ ถูกไล่ออกจากทีมต้นสังกัด เครดิต อากริโคเล ในทันที นอกจากนี้เจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันได้รุดเข้าไปควบคุมตัว นักปั่นชาวคาซัคสถานเพื่อสอบปากคำยังโรงแรมที่พักเลยทีเดียว
ความด่างพร้อยในช่วงสองปีที่ผ่านมาบนสนามตูร์เดอฟรองซ์ นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยนักปั่นที่หันมาใช้สารกระตุ้นดังเช่นในรายของ อเล็กซานเดร์ วิโนคูรอฟ ที่ถูกตรวจพบหลังจากนั้นสมาชิกในทีมแอสตานาต้องออกจากการแข่งขันและวิโนคูรอฟถูกไล่ออกจากทีมทันที จากนั้น ทีม โคฟิดิส ก็มีอันต้องเป็นไปเช่นเดียวกันเมื่อ คริสเตียน โมเรนี ถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นที่ชื่อ เทสโทสเทอโรน ขณะที่ อิบาน มาโย นักปั่นของทีม เซานิเยร์ ดูวาล ก็ถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นอีพีโอ แต่ผลการตรวจดังกล่าวประกาศภายหลังจากที่การแข่งขันจบลงไปแล้ว
ในปีนี้ก็มีเหตุการณ์เช่นเดียวกันเมื่อริโค ถูกตรวจพบว่าใช้สารกระตุ้นทีมต้นสังกัดอย่าง เซานิเยร์ ดูวาล ก็ต้องถอนตัวจากเส้นทางปี 2008 ขณะที่ผู้สนับสนุนของทีมก็ยกเลิกสัญญาทันที ทั้งนี้ พรูด์ฮอมม์ กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "หลังจากทีม เซานิเยร์ ดูวาลขอถอนตัวมันทำให้ภาพพจน์ของการแข่งขันดีขึ้นมาก"
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ ตูร์ เดอ ฟรองซ์ ด่างพร้อยมากที่สุดในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเห็นจะเป็นกรณีของ
ฟลอยด์ แลนดิส ที่ปั่นเข้าเส้นชัยจนคว้าแชมป์ปี 2004 แต่หลังจากนั้น 24 ชั่วโมงมีการประกาศว่า แลนดิส ใช้สารกระตุ้นจนทำให้ตนเองคว้าชัยชนะ และก่อนหน้ากรณีของแลนดิส นักปั่นชื่อดังอย่าง แยน อูลล์ริช และ อิวาน บาสโซ่ ก็ถูกแบนจากการแข่งขันหลังถูกจับได้ว่าเคยยุ่งเกี่ยวกับคลินิกที่อื้อฉาวในการผลิตสารกระตุ้นแต่ทั้งคู่ต่างให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ พรูด์ฮอมม์ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายและให้ข้อคิดถึงความสำฤทธิ์ผลในการตรวจจับผู้ใช้สารกระตุ้นในปีนี้ว่า "หลังจากความพยายามร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้ภาพพจน์ของตูร์ เดอ ฟรองซ์ ดีขึ้นมาทั้งนี้ความแตกต่างระหว่างคนที่ชอบใช้กลโกงเพื่อให้ได้ชัยชนะ กับคนที่วิ่งไล่ล่าความฝันบนเส้นทางปั่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นั่นคือความรู้สึกละอายที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะแม้จะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง"