ไรอัน กิ๊กส์ ปีกวัยเก๋าชาวเวลส์ จัดการเหน็บแนมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี ว่า แม้จะมีกลุ่มนายทุนเงินหนาเข้ามาสนับสนุน แต่ก็ยากที่จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ เนื่องจากเงินไม่สามารถซื้อประวัติศาสตร์ความสำเร็จที่ต้องใช้เวลาสะสมมานาน
อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป กลุ่มทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการทีม “เรือใบสีฟ้า” พร้อมเจียดเงิน 32.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,112 ล้านบาท) พราก โรบินโญ จากอ้อมอกของ รีล มาดริด จนทำให้บรรดานักเตะ, นักวิเคราะห์ และผู้จัดการทีมทั่วเกาะอังกฤษ เกิดความตื่นตัวขึ้นมาว่ากลุ่มทุนดังกล่าวอาจกำลังเข้ามาเขย่าวงการลูกหนังแดนผู้ดีเหมือนเมื่อครั้ง โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ซื้อสโมสร เชลซี
ตัวอย่างเช่น เจมี คาร์ราเกอร์ ปราการหลังทีม ลิเวอร์พูล ที่สะกิดเตือนทั้งต้นสังกัด รวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี และอาร์เซนอล ว่าให้ระวัง แมนฯ ซิตี จะก้าวขึ้นมาสอดแทรกพื้นที่ท็อปโฟร์พรีเมียร์ลีก ขณะที่ คาร์ลอส เตเบซ ดาวยิงทีม “ผีแดง” ก็ยอมรับว่า รู้สึกเกรงกลัวในขุมกำลังของคู่ปรับร่วมเมืองอยู่ไม่น้อย
ทว่า กิ๊กส์ ที่อดีตเคยเป็นเด็กฝึกหัดของ ซิตี มาก่อน กล่าวผ่าน “เดอะ การ์เดียน” สื่อประจำเมืองผู้ดี ว่า ตนเองเห็นต่างจากคนอื่น “แม้ ซิตี จะมีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนที่รวยที่สุดในโลก แต่ผมยังเห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ใหญ่กว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีสถานะและประวัติศาสตร์ที่ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะสร้างขึ้นมาได้ โดยเฉพาะย้อนกลับไปในยุคของ เซอร์ แมตต์ บัสบี หรือนักเตะอย่าง เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน และ จอร์จ เบสต์”
“เรามีกลุ่มแฟนบอลในอินเดีย, จีน และอเมริกาใต้ ซึ่งแน่นอนว่าแฟนบอลเหล่านั้นเป็นผลมาจากประวัติศาสตร์ของเรา ซึ่งเงินไม่สามารถให้คุณได้” กิ๊กส์ กล่าวทิ้งท้าย