หนังสือพิมพ์ แมนเชสเตอร์ อีฟเวนนิงนิวส์ สื่อท้องถิ่นเมืองแมนเชสเตอร์ พาดหัวข่าวใหญ่ประจำวันหลังกลุ่มทุนใหญ่จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดร.ซุไลมาน อัล ฟาฮิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ไฮดรา พรอพเพอร์ตี้” แถลงผ่านสื่อว่าได้ทุ่มซื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยมูลค่าสูงถึง 150 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,750 ล้านบาท)
ทั้งนี้ กลุ่มทุน อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป แอนด์ ดิเวลลอปเมนท์ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงบ่าย (ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) มีใจความว่า หลังจากได้มีการเจรจาเพื่อเข้าซื้อหุ้นสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี มาระยะเวลาหนึ่งถึงบัดนี้ทั้งสองฝ่ายได้ข้อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยกลุ่มทุนจากยูเออี หรือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสโมสรเรือใบสีฟ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
โดยการเข้าซื้อหุ้นจากอดีตนายกรัฐมนตรีชาวไทยในครั้งนี้ ส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้าของสโมสรอีกต่อไป หากแต่ยังคงดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการบริหารกิตติมศักดิ์ ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นของเมืองแมนเชสเตอร์ ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังอยู่ระหว่างหลบหนีคดีทุจริตคอร์รัปชันระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้ทรัพย์สินส่วนหนึ่งถูกอายัด และการขายหุ้นสโมสรเรือใบสีฟ้าในครั้งนี้ ถือว่าเป็นสถานการณ์บีบบังคับให้อดีตผู้นำประเทศชาวไทยต้องปล่อยให้สโมสรชื่อดังแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ตกไปเป็นของกลุ่มทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในที่สุด
สำหรับกระแสการซื้อขายหุ้นสโมสรเรือใบสีฟ้าในครั้งนี้ หนังสือพิมพ์ แมนเชสเตอร์ อีฟเวนนิงนิวส์ รายงานว่า จะส่งผลดีต่อสโมสรเรือใบสีฟ้า เนื่องมาจากผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาทีมโดยตั้งเป้าว่าหลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้นทีมต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นจนได้สิทธิ์ลงสนามการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนลีกส์ ภายใน 2 ฤดูกาลข้างหน้า ทั้งนี้ แหล่งข่าวภายในสโมสรยังระบุด้วยว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่วางแผนที่จะซื้อตัว “ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ” กองหน้าของทีมไก่เดือยทอง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมในทันทีที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมร่วมเมืองหมดความสนใจดาวเตะชาวบัลแกเรียนรายนี้
ทั้งนี้ หลังแถลงการณ์ของกลุ่มทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อเป็นที่เรียบร้อย เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสโมสรเรือใบสีฟ้า ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ว่า สโมสรได้ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่เป็นกลุ่มทุนอาบูดาบี จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยรายละเอียดจะมีการแจ้งให้แฟนบอลของสโมสรทราบในภายหลัง
โดย แกร์รี คุก ประธานบริหารของสโมสรเรือใบสีฟ้า ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนนายทุนรายใหม่เพียงชั่วข้ามคืนว่า “การซื้อขายในครั้งนี้ไม่ได้มีการปิดบัง ตรงกันข้ามพวกเรายินดีที่จะเปิดเผยข้อมูล เพราะนี่คือการดำเนินกลยุทธ์เพื่อหาผู้ร่วมทุนที่จะช่วยให้สถานภาพทางการเงินของสโมสรแข็งแกร่งขึ้น เพียงแต่ในเวลานี้ทางสโมสรยังไม่สามารถที่จะแจกแจงรายละเอียดได้มากนักเพราะบางเรื่องอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินการทางด้านกฎหมาย”
ทั้งนี้ แหล่งข่าวภายในสโมสรได้เปิดเผยว่าการเจรจาที่บรรลุผลข้อตกลงในครั้งนี้นับเป็นวันแห่งความสำเร็จของสโมสร เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการบริหารทีมพวกเขามีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี ขึ้นเป็นไปเป็นทีมใหญ่ในระดับเดียวกับเหล่า บิ๊กโฟร์ และแหล่งข่าวรายเดียวกันนี้ยังเปิดเผยตัวเลขการซื้อขายในครั้งนี้ว่าอยู่ที่ประมาณ 150 ล้านปอนด์ (ประมาณ 9,750 ล้านบาท)
สำหรับเจ้าของรายใหม่ของทีมเรือใบสีฟ้า นั่นคือ กลุ่มทุนอาบูดาบี จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นำโดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ไฮดรา พรอพเพอร์ตี้ ดร.ซุไลมาน อัล ฟาฮิม ซึ่งเป็นผู้นำในการเจรจาจนกระทั่งได้ข้อสรุปในที่สุด
