โฆษกมาร์คปัดข้อเสนอ “นพเหล่” เสนอเงื่อนไขบัญญัติ 5 ประการ เชื่อรับบัญชาจากนายใหญ่แค่เกมเดินป่วนทั้งบู๊-บุ๋น ชี้หาก “แม้ว-เสื้อแดง” หยุดป่วน จีดีพีไทยพุ่งถึง 10 หนุนทีมกฎหมายไทยทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
วันนี้ (13 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาเสนอเงื่อนไขทางออกของบ้านเมืองเป็นบัญญัติ 5 ประการว่า ข้อเสนอที่นายพนพดลระบุมา น่าจะได้รับสัญญาณจากนายใหญ่ให้มาเคลื่อนไหว เพื่อให้หลุดพ้นจากวิบากกรรมที่กำลังประสบอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งของนักการเมืองได้นัดอ่านคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 26 ก.พ. ก็ยิ่งทำให้นายใหญ่หวั่นวิตกว่าจะถูกยึดทรัพย์ จึงได้เสนอยุทธวิธีในการต่อสู้ 2 หน้า คือทั้งแบบบู๊และบุ๋น โดยแนวทางบู๊ก็กำหนดให้คนเสื้อแดงเร่งไฟสุมขอนจัดการชุมนุมสร้างประเด็นใช้ความรุนแรงจนถึงขั้นแตกหักเพื่อเผด็จศึกรัฐบาลให้ได้ทั้งในสภาและนอกสภา คือใช้การชุมนุมบนท้องถนนนอกสภา และเปิดเกมรุกในสภา ด้วยการยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจควบคู่กันไป ส่วนแนวทางบุ๋นก็ส่งคนมาสร้างกระแส โยนหินถามทางเพื่อขอเจรจา โดยใช้บัญญัติ 5 ข้อ ซึ่งประเด็นที่เอาเปรียบเห็นแก่ได้และประโยชน์ที่ พ.ต.ท.ทักษิณและเครือยข่ายจะได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกภาคส่วนในสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับในแนวทางดังกล่าว
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่าจะร่วมต่อสู้กับคนเสื้อแดงถึงที่สุด โดยระบุว่ายิ่งคนเสื้อแดงถูกกดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแรงดันมากเท่านั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เพราะวันนี้ไม่มีใครไปกดดันคนเสื้อแดง มีแต่กลุ่มเสื้อแดงเท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวกดดันทุกภาคส่วน โดยพยายามสร้างกระแสข่าวบิดเบือนว่า สังคมอึดอัดกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะรัฐบาลชุดนี้กำลังเรียกศรัทธาประชาชนกลับคืนมาได้ เห็นได้จากผู้คนในสังคมทุกกลุ่มสนับสนุนให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป เหมือนที่นักธุรกิจใหญ่ที่ออกมายอมรับว่า ถ้าการเมืองนิ่ง คนเสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหว พ.ต.ท.ทักษิณหยุดก่อกวนประเทศชาติ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เพราะราคาข้าวและพืชผลทางการเกษตรของไทยในตลาดโลกจะเป็นที่ต้องการมาก ในยามที่โลกกำลังประสบวิกฤตทางธรรมชาติโดยเฉพาะด้านอาหาร
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับกระแสข่าวที่ทางสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ออกมาเปิดเผยว่า อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ผุ้แทนกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานศาลยุติธรรม ได้เดินทางไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต (ยูเออี) เพื่อทำบันทึกข้อตกลงสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนว่า ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนและดำเนินการโดย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเทศยูเออีเท่านั้น แต่ควรจะหาหนทางทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศอื่นๆ เพราะถ้าหากทำเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วก็จะทำให้นักโทษหนีคดีของไทย อาศัยช่องทางหลบหนีคดีไปยังประเทศอื่นๆอีกที่ไม่ข้อตกลงดังกล่าว ทั้งนี้ การเดินทางไปยูเออีของคณะดังกล่าว ก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้การบังคับใช้กฏหมายของไทยมีผลในทางบังคับใช้ปฏิบัติจริง กฎหมายจะได้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้คนที่ทำผิดอาญาแผ่นดินได้รับโทษที่ก่อขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะใช้ประเทศยูเออีเป็นฐานปฏิบัติการโจมตีรัฐบาลไทยเป็นประจำและเชื่อว่า ถ้าทำเรื่องนี้สำเร็จก็จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณมีพื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมืองแคบลง ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลยูเออีก็เคยทำหนังสือแสดงจุดยืนแจ้งรัฐบาลไทยแล้วว่า ไม่ยินยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศของเขาเป็นฐานปฏิบัติการทางการเมือง โดยได้เรียกตัวไปทำทัณฑ์บนไว้แล้ว
