คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
จากกรณีปัญหาของทีมฟันดาบไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน เป่ยจิง 2008 ซึ่งกว่าผู้จัดการทีมของไทยเราจะเดินทางมาถึงประเทศจีนก็ปาเข้าไปวันที่ 11 สิงหาคมแล้ว ทำให้การประชุมผู้จัดการทีมและจับสลากแบ่งสายที่ทางเจ้าภาพกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนั้น นักกีฬาต้องดำเนินการเองตามลำพัง และในที่สุดก็เหลืออด ต้องออกมาโวยผ่านทางผู้สื่อข่าว จนเป็นเรื่องราวให้ชาวไทยและชาวโลกได้รับทราบกันทั่วหน้า
วีรเดช โคธนี ( Wiradech Kothny ) นักกีฬาฟันดาบสองสัญชาติไทยเยอรมันบอกว่า การไม่มีผู้จัดการทีมมาทำหน้าที่ในวันประชุมผู้จัดการทีมนั้น เกิดความเสียหายแน่นอน เพราะนอกจากจะมีการจับสลากประกบคู่กันแล้ว ยังจะต้องรับทราบรายละเอียดต่างๆในการแข่งขันที่ทางเจ้าภาพจะแถลงในวันนั้น ซึ่งจะเป็นเรื่องวัน เวลา สถานที่ ต้องเตรียมตัวอย่างไร มีข้อกำหนด ข้อปฏิบัติ ข้อห้ามอย่างไรบ้าง
ทางสมาคมฟันดาบอ้างว่า โควตา ในการส่งเจ้าหน้าที่ทีมมีเพียงคนเดียว และตัดสินใจส่ง อุปนายกสิทธิประโยชน์และเลขาธิการไปในฐานะผู้จัดการทีม แทนที่จะเลือกเอาโค้ชที่ทางนักกีฬาทั้งสองคนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันมากกว่า ข้อนี้ผมเห็นใจนักกีฬาอย่างยิ่งครับ เพราะโค้ชจะช่วยนักกีฬาได้มาก คงไม่ได้ไปเดินยืด เดินหล่อ หรือเดินเที่ยวเล่นแน่นอน และเผอิญหลือเกินที่ผู้จัดการทีมที่ทางสมาคมฯมอบหมายให้สิทธิ์เดินทางไปนั้นก็ไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่ได้ครบถ้วนเสียด้วย การเดินทางไปครั้งนี้จึงไร้ประโยชน์จริงๆ
เมื่อถึงการแข่งขัน นักกีฬาทั้งสองก็ไม่มีโค้ชคอยแก้เกมให้ แล้วพวกเขาก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปตามฟอร์ม เรื่องนี้ วิลลี่ ออกมาสอนให้ชาวไทยได้รู้ทางหน้าจอโทรทัศน์ไปแล้วว่า ในขณะแข่งขันนั้น มันมีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องมีโค้ช ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขสถานการณ์ ปรับแผนรับมือกับคู่ต่อสู้ หรือแม้แต่การตัดสินใจที่จะขอพิสูจน์ว่าการตัดสินของกรรมการเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ที่ภาษากีฬาเรียกว่า ชาลเลนจ์ ( Challenge ) ถ้าประท้วงมั่วๆก็เสียสิทธิ์ไปเปล่าๆ อันนี้โค้ชก็จะช่วยดูในวินาทีนั้นด้วยว่า ตรงไหนเหมาะ ตรงไหนควร เรื่องอย่างนี้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องกีฬานั้นๆ หรือถึงมีความรู้ แต่ยืนยันจะไปเที่ยวเฉยๆ คงไม่เห็นความสำคัญ
เมื่อเรื่องอื้อฉาวปรากฏออกมา ทางสมาคมฯก็ออกมาสวนทวาร วิลลี่ อย่างเจ็บแสบ โดยรองเลขาธิการสมาคมฯบอกว่า วิลลี่โกหกทั้งเพ วิลลี่ นั้นแพ้ จง หม่าน ( Zhong Man ) นักกีฬาจีนมาตลอดอยู่แล้ว ไม่เคยเอาชนะได้เลย จะมีโค้ชก็คงไม่มีผลอะไร ทางสมาคมฯ ก็ไม่ได้ติดค้างเงิน 500,000 บาทด้วย เรื่องนี้ วิลลี่ เป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งตนก็ไม่อยากให้มีการว่ากันไปว่ากันมา แต่ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาหลายปี ที่ วิลลี่ ลงแข่งในนามทีมชาติไทย ทางสมาคมฯ ก็ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา วิลลี่ ผลาญเงินของสมาคมฯ ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับเชิญมาออกรายการโทรทัศน์ด้วยกัน ทางสมาคมฯกลับปฏิเสธ
ผมเชื่อว่าเรื่องที่ถูกเปิดเผยออกมานั้น ถือเป็นโอกาสที่ดีทีเดียวที่จะได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาวงการกีฬาของไทยให้เจริญขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ทำให้ผู้คนได้ตระหนักว่า ภาพที่เราเห็นจากหน้าจอนั้น ความจริงแล้ว เบื้องหลังมันเละเทะเหลือเกิน อันนี้เป็นเหมือนกันทุกวงการครับ ตัวผมเคยทำงานล้างจานในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เมื่อพนักงานเสริฟเก็บจานชามจากโต๊ะของลูกค้าที่ทานเสร็จแล้วเข้ามาในครัวเพื่อให้ผมล้าง ผมจัดการโกยอาหารที่เหลืออยู่นิดหน่อยทิ้งลงถังขยะ แต่ทันทีที่เจ้าของร้านซึ่งรับหน้าที่เป็นพ่อครัวด้วยเห็นเข้า หมอนี่รั้งมือของผมไว้ แล้วสั่งให้ถนอมของเหลือเหล่านั้นไว้ให้ลูกค้ารายใหม่ ใครๆไม่รู้หรอกครับ คิดว่าเข้าไปในร้านอาหารเลิศหรู อาหารที่นำมาวางต่อหน้า ดูน่าทานเหลือเกิน ในโรงละคร ผู้ชมจะได้เห็นเฉพาะหน้าฉาก การแสดงสวยงาม แต่ถ้ามีโอกาสแหวกม่าน ยลหลังฉากแล้วละก็ ท่านจะเห็นผู้คนวิ่งกันวุ่น สายระโยงรยางค์มั่วไปหมด วงการโทรทัศน์ที่เห็นบางคนยิ้มแย้มแจ่มใส นั่งจ้ออยู่ด้วยกัน เบื้องหลังนั้น ในใจคิดแต่ริษยา เลื่อยขากันครับ
วิลลี่ อาจซวยหน่อยที่ดันออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าว เพราะความเป็นเด็กโตเมืองนอก พูดอะไรออกมาโดยไม่ได้คิดว่า คนไทยมันต้องหัดเก็บความช้ำใจไว้กับตัว เดี๋ยวผู้หลักผู้ใหญ่เกิดความเสื่อมเสีย ตนเองจะอยู่ไม่ได้ นั่นทำให้ วิลลี่ ต้องยอมระเห็จตัวเองกลับไปอยู่ในต่างแดน ผมเองก็อยากให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเพิ่มเติมว่า สมาคมฟันดาบมีความเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด ย้อนกลับไปในปี 2534 ปีแรกที่ผมกลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศสร่วม 10 ปีนั้น ผมได้รับเชิญเป็นกรรมการสมาคมฟันดาบแห่งประเทศไทย นี่เรื่องจริงครับ ตอนนั้นมีนายแพทย์คนหนึ่งเป็นเลขาธิการสมาคมฯ จัดการชงเอง กินเอง ทำทุกอย่างคนเดียว แล้วผมก็ไม่เคยได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมกิจกรรม ร่วมประชุมสมาคมฯ ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือทางจดหมายเลย เวลาผ่านไป 1 ปี จนผมเองก็ลืมไปแล้วว่า ตนเองเป็นกรรมการสมาคมฯ ด้วย วันหนึ่งก็มีไปรษณีย์มาส่งที่บ้าน เปิดซองดูก็พบ เกียรติบัตรมอบให้ผมในฐานะที่ให้ความช่วยเหลือสมาคมฯด้วยดีมาโดยตลอด ชื่อในเกียรติบัตรนั้นก็ดันสะกดผิดเพี้ยนเป็นคนละคนเลย หลายสมาคมฯในประเทศไทยทำงานกันอย่างนี้ครับ
จากกรณีปัญหาของทีมฟันดาบไทยที่เข้าร่วมการแข่งขัน เป่ยจิง 2008 ซึ่งกว่าผู้จัดการทีมของไทยเราจะเดินทางมาถึงประเทศจีนก็ปาเข้าไปวันที่ 11 สิงหาคมแล้ว ทำให้การประชุมผู้จัดการทีมและจับสลากแบ่งสายที่ทางเจ้าภาพกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมนั้น นักกีฬาต้องดำเนินการเองตามลำพัง และในที่สุดก็เหลืออด ต้องออกมาโวยผ่านทางผู้สื่อข่าว จนเป็นเรื่องราวให้ชาวไทยและชาวโลกได้รับทราบกันทั่วหน้า
วีรเดช โคธนี ( Wiradech Kothny ) นักกีฬาฟันดาบสองสัญชาติไทยเยอรมันบอกว่า การไม่มีผู้จัดการทีมมาทำหน้าที่ในวันประชุมผู้จัดการทีมนั้น เกิดความเสียหายแน่นอน เพราะนอกจากจะมีการจับสลากประกบคู่กันแล้ว ยังจะต้องรับทราบรายละเอียดต่างๆในการแข่งขันที่ทางเจ้าภาพจะแถลงในวันนั้น ซึ่งจะเป็นเรื่องวัน เวลา สถานที่ ต้องเตรียมตัวอย่างไร มีข้อกำหนด ข้อปฏิบัติ ข้อห้ามอย่างไรบ้าง
ทางสมาคมฟันดาบอ้างว่า โควตา ในการส่งเจ้าหน้าที่ทีมมีเพียงคนเดียว และตัดสินใจส่ง อุปนายกสิทธิประโยชน์และเลขาธิการไปในฐานะผู้จัดการทีม แทนที่จะเลือกเอาโค้ชที่ทางนักกีฬาทั้งสองคนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันมากกว่า ข้อนี้ผมเห็นใจนักกีฬาอย่างยิ่งครับ เพราะโค้ชจะช่วยนักกีฬาได้มาก คงไม่ได้ไปเดินยืด เดินหล่อ หรือเดินเที่ยวเล่นแน่นอน และเผอิญหลือเกินที่ผู้จัดการทีมที่ทางสมาคมฯมอบหมายให้สิทธิ์เดินทางไปนั้นก็ไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่ได้ครบถ้วนเสียด้วย การเดินทางไปครั้งนี้จึงไร้ประโยชน์จริงๆ
เมื่อถึงการแข่งขัน นักกีฬาทั้งสองก็ไม่มีโค้ชคอยแก้เกมให้ แล้วพวกเขาก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปตามฟอร์ม เรื่องนี้ วิลลี่ ออกมาสอนให้ชาวไทยได้รู้ทางหน้าจอโทรทัศน์ไปแล้วว่า ในขณะแข่งขันนั้น มันมีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องมีโค้ช ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขสถานการณ์ ปรับแผนรับมือกับคู่ต่อสู้ หรือแม้แต่การตัดสินใจที่จะขอพิสูจน์ว่าการตัดสินของกรรมการเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ที่ภาษากีฬาเรียกว่า ชาลเลนจ์ ( Challenge ) ถ้าประท้วงมั่วๆก็เสียสิทธิ์ไปเปล่าๆ อันนี้โค้ชก็จะช่วยดูในวินาทีนั้นด้วยว่า ตรงไหนเหมาะ ตรงไหนควร เรื่องอย่างนี้คนที่ไม่มีความรู้เรื่องกีฬานั้นๆ หรือถึงมีความรู้ แต่ยืนยันจะไปเที่ยวเฉยๆ คงไม่เห็นความสำคัญ
เมื่อเรื่องอื้อฉาวปรากฏออกมา ทางสมาคมฯก็ออกมาสวนทวาร วิลลี่ อย่างเจ็บแสบ โดยรองเลขาธิการสมาคมฯบอกว่า วิลลี่โกหกทั้งเพ วิลลี่ นั้นแพ้ จง หม่าน ( Zhong Man ) นักกีฬาจีนมาตลอดอยู่แล้ว ไม่เคยเอาชนะได้เลย จะมีโค้ชก็คงไม่มีผลอะไร ทางสมาคมฯ ก็ไม่ได้ติดค้างเงิน 500,000 บาทด้วย เรื่องนี้ วิลลี่ เป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งตนก็ไม่อยากให้มีการว่ากันไปว่ากันมา แต่ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาหลายปี ที่ วิลลี่ ลงแข่งในนามทีมชาติไทย ทางสมาคมฯ ก็ได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา วิลลี่ ผลาญเงินของสมาคมฯ ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับเชิญมาออกรายการโทรทัศน์ด้วยกัน ทางสมาคมฯกลับปฏิเสธ
ผมเชื่อว่าเรื่องที่ถูกเปิดเผยออกมานั้น ถือเป็นโอกาสที่ดีทีเดียวที่จะได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาวงการกีฬาของไทยให้เจริญขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ทำให้ผู้คนได้ตระหนักว่า ภาพที่เราเห็นจากหน้าจอนั้น ความจริงแล้ว เบื้องหลังมันเละเทะเหลือเกิน อันนี้เป็นเหมือนกันทุกวงการครับ ตัวผมเคยทำงานล้างจานในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เมื่อพนักงานเสริฟเก็บจานชามจากโต๊ะของลูกค้าที่ทานเสร็จแล้วเข้ามาในครัวเพื่อให้ผมล้าง ผมจัดการโกยอาหารที่เหลืออยู่นิดหน่อยทิ้งลงถังขยะ แต่ทันทีที่เจ้าของร้านซึ่งรับหน้าที่เป็นพ่อครัวด้วยเห็นเข้า หมอนี่รั้งมือของผมไว้ แล้วสั่งให้ถนอมของเหลือเหล่านั้นไว้ให้ลูกค้ารายใหม่ ใครๆไม่รู้หรอกครับ คิดว่าเข้าไปในร้านอาหารเลิศหรู อาหารที่นำมาวางต่อหน้า ดูน่าทานเหลือเกิน ในโรงละคร ผู้ชมจะได้เห็นเฉพาะหน้าฉาก การแสดงสวยงาม แต่ถ้ามีโอกาสแหวกม่าน ยลหลังฉากแล้วละก็ ท่านจะเห็นผู้คนวิ่งกันวุ่น สายระโยงรยางค์มั่วไปหมด วงการโทรทัศน์ที่เห็นบางคนยิ้มแย้มแจ่มใส นั่งจ้ออยู่ด้วยกัน เบื้องหลังนั้น ในใจคิดแต่ริษยา เลื่อยขากันครับ
วิลลี่ อาจซวยหน่อยที่ดันออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าว เพราะความเป็นเด็กโตเมืองนอก พูดอะไรออกมาโดยไม่ได้คิดว่า คนไทยมันต้องหัดเก็บความช้ำใจไว้กับตัว เดี๋ยวผู้หลักผู้ใหญ่เกิดความเสื่อมเสีย ตนเองจะอยู่ไม่ได้ นั่นทำให้ วิลลี่ ต้องยอมระเห็จตัวเองกลับไปอยู่ในต่างแดน ผมเองก็อยากให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเพิ่มเติมว่า สมาคมฟันดาบมีความเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด ย้อนกลับไปในปี 2534 ปีแรกที่ผมกลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในประเทศฝรั่งเศสร่วม 10 ปีนั้น ผมได้รับเชิญเป็นกรรมการสมาคมฟันดาบแห่งประเทศไทย นี่เรื่องจริงครับ ตอนนั้นมีนายแพทย์คนหนึ่งเป็นเลขาธิการสมาคมฯ จัดการชงเอง กินเอง ทำทุกอย่างคนเดียว แล้วผมก็ไม่เคยได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมกิจกรรม ร่วมประชุมสมาคมฯ ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์หรือทางจดหมายเลย เวลาผ่านไป 1 ปี จนผมเองก็ลืมไปแล้วว่า ตนเองเป็นกรรมการสมาคมฯ ด้วย วันหนึ่งก็มีไปรษณีย์มาส่งที่บ้าน เปิดซองดูก็พบ เกียรติบัตรมอบให้ผมในฐานะที่ให้ความช่วยเหลือสมาคมฯด้วยดีมาโดยตลอด ชื่อในเกียรติบัตรนั้นก็ดันสะกดผิดเพี้ยนเป็นคนละคนเลย หลายสมาคมฯในประเทศไทยทำงานกันอย่างนี้ครับ