นนทพัฒน์ ปานจันทร์ อีกหนึ่งความหวังใหม่ของไทยในกีฬาฟันดาบ ต้องยุติเส้นทางในโอลิมปิกเกมส์ไว้เพียงรอบแรก หลังพ่ายสลาโวเมีย โวเซ็ค จากโปแลนด์ ไปแบบขาดลอยด้วยสกอร์ 7-15 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ที่ Fencing Hall ในศูนย์กีฬาปักกิ่ง นนทพัฒน์ ปานจันทร์ มือวางอันดับ 20 ของไทย ลงแข่งขันประเภทฟอยล์ บุคคลชาย พบกับ สลาโวเมีย โวเซ็ก มือดาบอันดับ 13 ของรายการจากโปแลนด์
ช่วงต้นยกแรก เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัยของไทย เริ่มต้นได้ดีกว่าด้วยการออกนำไปก่อน 2-1 ก่อนที่จะพลาดท่าถูกพลิกขึ้นนำ 5-3 เมื่อจบยกที่ 1 ขณะที่ในยกที่ 2 แม้จะถูกนำห่างถึง 3 แต้มแต่ เจ้านนท์ไล่จี้ขึ้นมาที่คะแนน 6-8 จนจบยกที่ 2
กลับมาลุยต่อในยกสุดท้าย กลับเป็นขุนดาบจากโปลที่อาศัยจังหวะทำแต้มที่เหนือกว่า ฉีกทำคะแนนทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ก่อนจะแพ้ไปในที่สุดด้วยสกอร์ 15-7 ส่งผลให้ นนทพัฒน์ ที่เข้าร่วมโอลิมปิกเกมเกมส์เป็นครั้งแรกตกรอบแรกไปอย่างน่าเสียดาย
ภายหลัง เจ้านนท์เปิดเผยกับทีมงาน MGR Sport ด้วยความรันทดถึงการมาร่วมศึกปักกิ่งเกมส์ครั้งนี้ว่า “นักกีฬามาแข่งแบบไม่มีโค้ช ผลที่ออกมาก็อย่างนี้แหละครับ โทษใครไม่ได้ต้องโทษตัวเองสถานเดียวสำหรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้”
“คู่ต่อสู้ของผมในเกมนี้เปลี่ยนแท็กติกการเล่นเยอะมาก สองยกแรกผมมองดูว่ายังพอสูสีสู้ได้ แต่พอยก 3 เขาแก้เกมมาเราก็เลยแพ้” นนทพัฒน์ร่ายยาว
นอกจากนี้ นักฟันดาบวัย 26 ปี ยังเอ่ยต่อว่า ต้องให้ “วิลลี” วีระเดช คอตนีย์ อีกหนึ่งนักฟันดาบไทยในโอลิมปิกครั้งนี้ที่ตกรอบแรกไปก่อนหน้านี้มาเป็นเทรนเนอร์ให้ระหว่างฝึกซ้อม รวมถึงยังบ่นถึงงบประมาณของสมาคมฟันดาบฯ ในปักกิ่งเกมส์ครั้งนี้ด้วย
“ผมต้องให้ วิลลี มาช่วยในเกมนี้ เขาเป็นโค้ชที่ดี แต่ว่าเราแข่งคนละประเภทกันก็ต้องเข้าใจ ส่วนเงินที่เดินทางมาแข่ง โอลิมปิก ครั้งนี้ ผมใช้เงินรางวัลจาก ซีเกมส์ ส่วนอนาคตขอดูก่อนหากระบบในสมาคมยังเป็นแบบนี้ คงต้องตัดสินใจกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง” นนทพัฒน์ ทิ้งท้าย