ความพ่ายแพ้ของ นนทพัฒน์ ปานจันทร์ ต่อ สลาโวเมียร์ โมเซค นักฟันดาบจากโปแลนด์ในรอบ 32 คนของการแข่งขันประเภทฟลอยด์บุคคลชายด้วยสกอร์ 15-7 เมื่อช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้นักฟันดาบไทยสูญพันธุ์จากการแข่งขันโอลิมปิกเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ภายหลังการแข่งขันเรื่องของนนทพัฒน์ และสมาคมฟันดาบแห่งประเทศไทยได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในศูนย์สื่อมวลชนเมื่อ "โอเอ็นเอส" หรือศูนย์ข่าวกีฬาโอลิมปิก ได้ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของนนทพัฒน์เป็นภาษาอังกฤษเผยแพร่
หลังความพ่ายแพ้ของ วีระเดช คอตนี่ย์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ล่าสุดทีมฟันดาบไทยสูญพันธุ์จากโอลิมปิกครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยหลัง นนทพัฒน์ พ่ายให้กับนักฟันดาบโปแลนด์ชนิดหมดทางสู้ ซึ่งปัญหาหลักเป็นเพราะไม่มีโควต้าให้กับโค้ช โดยการแข่งขันฟันดาบประเภทบุคคลฟลอยด์ รอบ 32 คนซึ่ง นักฟันดาบไทยเจอกับนักกีฬาจากโปแลนด์ สลาโวเมียร์ โมแซค ซึ่งฟอร์มการเล่นในช่วงสองเกมแรกนั้นนักกีฬาไทยค่อนข้างสูสีแต่พอขึ้นเกมที่สามทางโปแลนด์แก้เกมเก่งกว่าทำให้เป็นฝ่ายชนะไป ขณะที่นักกีฬาไทยซึ่งไม่มีโค้ชคอยให้คำแนะนำต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ
โดยภายหลังการแข่งขัน นักฟันดาบไทยได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความผิดหวังในผลงานของตนเองพร้อมกับกล่าวถึงสมาคมฟันดาบที่ขาดการสนับสนุนและทำให้เกมของตนเองไม่ได้รับการพัฒนาว่า "ในช่วงเริ่มต้นเกมผมคิดว่าน่าจะพอสู้เขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมที่หนึ่งและสองผมว่าฟอร์มการเล่นของเราทั้งคู่สูสีกันมาก แต่ในเกมที่สามนั้น ฝ่ายโปแลนด์ เปลี่ยนเทคนิกการต่อสู้เพราะมีโค้ชแนะนำขณะที่ผมมีเพียงวีระเดช มาคอยเป็นโค้ชให้แต่เขาเล่นกันคนละประเภท ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะแก้เกมอย่างไร"
นนทพัฒน์ ยังให้สัมภาษณ์ต่อถึงความอนาถาของนักฟันดาบไทยที่ไม่มีโค้ชว่า "อย่างที่บอกถึงวีระเดช จะมีน้ำใจมาช่วยเป็นโค้ชให้แต่ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าวีระเดช เป็นนักกีฬาฟันดาบประเภทเซร์เบอร์ ขณะที่ผมเล่นในประเภท ฟลอยด์ ซึ่งเขาก็ช่วยแนะนำอะไรไม่ได้มากนัก ทั้งที่ในความเป็นจริงโค้ชของเองก็มาแต่ไม่สามารถเข้ามาในสนามแข่งขันได้เพราะไม่มีไอดีอนุญาติ" ไม่เพียงแต่ปัญหาเรื่องโค้ช แต่บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกองเชียร์ชาวจีนและต่างประเทศของสนามยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่รบกวนสมาธิของ นนทพัฒน์ โดยนักฟันดาบไทย กล่าวว่า "ผมเข้าใจว่าผู้ชมตื่นเต้นไปกับเกม ทำให้พวกเขาพากันเชียร์อย่างสนุกสนาน ขณะที่พวกเราต่างก็แบกเอาความกดดัน บรรยากาศรอบข้างที่รบกวนสมาธิ ทั้งหมดมันมีผลกระทบกับนักฟันดาบทุกคน ถ้าเราไม่สามารถจัดการมันออกจากหัวได้มันจะส่งผลต่อเกมอย่างแน่นอน"
เมื่อผู้สื่อข่าวโอเอ็นเอส ถามถึงประสบการณ์ในปักกิ่งเกมส์ ของนนทพัฒน์ครั้งนี้ว่าประทับใจมากขนาดไหน นักฟันดาบไทยรายสุดท้ายที่ได้ลงสนามในปักกิ่งเกมส์ครั้งนี้กล่าวว่า "สำหรับผมแล้วนับเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย ผมไม่สามารถเล่นอย่างที่อยากเล่นได้ไม่สามารถทำผลงานให้ดีที่สุดได้ หลังจากนี้คงจะขอหยุดสักพักเพราะตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมาผมทุ่มให้กับการแข่งขันและฝึกซ้อมอย่างเต็มที่และวันนี้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาอย่างที่ผมเคยวาดภาพเอาไว้เลย. นนทพัฒน์กล่าว โดยบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ของนนพัฒน์ ได้ถูกเผยแพร่ผ่านทางศูนย์ข่าวกลาง (O.N.S) ซึ่งนับว่าเป็นการประจานความล้มเหลวงของวงการฟันดาบไทยในโอลิมปิก 2008 ได้ชัดเจนมากที่สุด