คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
หลัง ‘น้องเก๋’ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล คว้าเหรียญทองยกน้ำหนัก รุ่น 53 กก. ทัพนักกีฬาไทยยังไม่ได้เหรียญอื่นๆ มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน คงไม่จบอยู่แค่ประภาวดี
ขณะนี้มวยสากล 8 รุ่น ร่วงกลับบ้านเสียแล้ว 4 รุ่น พ่ายชนิดต้องยอมรับว่าพ่ายก็มี แต่พ่ายอย่าง นนท์ บุญจำนงค์ 10-11 คะแนน ประสบการณ์ครั้งนี้ซื้อแพงไปสักหน่อย ถ้านนท์เจ็บและจำวันที่พ่ายแพ้ได้ และยังมีแรงจูงใจ 4 ปีข้างหน้าที่ลอนดอน เราอาจจะได้เชียร์เขาในรอบลึกกว่านี้
เวลานี้เราเหลือนักชกความหวังเพียง 4 รุ่น คือ มนัส บุญจำนงค์, สมจิตร จงจอหอ, วรพจน์ เพ็ชรขุ้ม และ อำนาจ รื่นเริง ผมเขียนบทความชิ้นนี้เที่ยงวันอาทิตย์ ซึ่งตอนเย็นมนัสจะขึ้นชกรุ่นไลท์ เวลเตอร์ เวท 64 กก. รอบก่อนรองชนะเลิศกับ เซริค ซาปิเยฟ แชมป์โลกจากคาซัคสถานที่ฟอร์มจัดจ้านเข้าออกรวดเร็ว หมัดซ้ายขวาต่อยแม่นและเป็นคะแนนกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
หลังชนะนักชกแดนอาทิตย์อุทัยคู่ปรับเก่ารอบ 16 คน มนัส บุญจำนงค์แชมป์เหรียญทองโอลิมปิก 2008 บอกว่าเขาไม่กลัวใครอีกแล้ว แสดงถึงความมั่นอกมั่นใจ หวังว่าเย็นวันอาทิตย์จะเป็นวันที่คนไทยได้ชื่นมื่น เนื่องจากมีเหรียญทองแดงจากมวยสมัครเล่นอยู่ในมือ เป็นเหรียญโอลิมปิกที่ปักกิ่งเหรียญที่สอง และจะแปลงร่างเป็นเหรียญทองในอีกสามสี่วัน แต่ถ้าพ่ายยกต้องยกหัวใจไปฝากไว้กับสมจิตร,วรพจน์ และอำนาจ
เย็นวันเสาร์นั่งดูอำนาจ รื่นเริง ต่อยกับนักชกวัย 34 ชาวโดมินิกัน แม้ฟอร์มเก็บคะแนนจะดี แต่การปิดเกมของอำนาจไม่ดีเลย ปล่อยให้คะแนนไล่ขึ้นมาชนิดคนไทยพากันเสียวไปตาม ๆ กัน ดูอำนาจชกแล้วรู้สึกว่าเขาทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าจะไปถึงจุดสูงสุดตอนต่อยชิงเหรียญทอง ส่วนสมจิตรกับวรพจน์ถึงเวลานี้จะเห็นว่าทั้งคู่นำประสบการณ์ออกมาใช้อย่างฉลาด
กลับมาที่ ‘น้องเก๋’ บ้าง ณ เวลานี้เธอเป็นหญิงไทยที่เนื้อหอมที่สุด คิวโชว์ตัว คิวสัมภาษณ์คงแน่นเปรี๊ยะ รับของขวัญรางวัลซึ่งเป็นดอกผลของการทำงานหนักเข้าคลัง และกระจายโอกาสให้กับเพื่อน ๆนักยกน้ำหนักสาวไทยได้มีกำลังใจบ้าง รายการโทรทัศน์และนิตยสารที่รอสัมภาษณ์อย่าจับเสือมือเปล่า จ่ายค่าเหนื่อย ค่าตัว ค่าเสียเวลาด้วย
ผมชอบใจคำสัมภาษณ์ที่เธอตอบแก่นักข่าว MGR Sport เรื่องแรกเกี่ยวกับความรักและหัวใจ เธอบอกเธอมีคนรักแล้ว ดูแลน้ำใจกันมาสองปี จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่แทงกั๊กเปิดทางให้เสี่ยที่นิยมคนดังเข้ามายุ่มย่าม เรื่องที่สองเกี่ยวกับอนาคต เธอจะเล่นกีฬาต่อไป
ผมชอบคนที่มีทัศนคติแบบนี้ คนที่สู้ต่อไป ชัยชนะครั้งแรก ครั้งที่สอง ไม่ใช้จุดจบ ไม่ใช่จุดที่จะนำมาอ้างว่า “เอาดีไว้” หรือกลัวฮีโร่จะพ่ายแพ้ เพราะหลังเธอยกเสร็จและได้เหรียญทอง เธอก็วางน้ำหนักทิ้งไว้ตรงนั้น ไม่แบกมันเอาไว้ และเตรียมตัวให้พร้อมไปยกใหม่ในรายการยกน้ำชิงแชมป์โลก หรือโอลิมปิกที่ลอนดอน และหวังว่าเธอจะไม่เปลี่ยนไปมากหลังงานเฉลิมฉลองยาวนานอย่างน้อย 2 เดือน
เรื่องที่สาม เธอตอบว่าไม่สนใจเข้าสู่วงการบันเทิง วงการมายาที่ทำให้นักกีฬาระดับสุดหลายคนกลายเป็นตัวตลก และเสียคนง่าย แสดงให้ความแน่วแน่ของเธอได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาช่วงเงินมีเก็บมีจ่ายและได้รับการยกย่องไปท่องตำราเอาปริญญาโทให้ได้เร็ว ๆ
แล้วเธอจะเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของผู้หญิงยุคใหม่
หลัง ‘น้องเก๋’ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล คว้าเหรียญทองยกน้ำหนัก รุ่น 53 กก. ทัพนักกีฬาไทยยังไม่ได้เหรียญอื่นๆ มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน คงไม่จบอยู่แค่ประภาวดี
ขณะนี้มวยสากล 8 รุ่น ร่วงกลับบ้านเสียแล้ว 4 รุ่น พ่ายชนิดต้องยอมรับว่าพ่ายก็มี แต่พ่ายอย่าง นนท์ บุญจำนงค์ 10-11 คะแนน ประสบการณ์ครั้งนี้ซื้อแพงไปสักหน่อย ถ้านนท์เจ็บและจำวันที่พ่ายแพ้ได้ และยังมีแรงจูงใจ 4 ปีข้างหน้าที่ลอนดอน เราอาจจะได้เชียร์เขาในรอบลึกกว่านี้
เวลานี้เราเหลือนักชกความหวังเพียง 4 รุ่น คือ มนัส บุญจำนงค์, สมจิตร จงจอหอ, วรพจน์ เพ็ชรขุ้ม และ อำนาจ รื่นเริง ผมเขียนบทความชิ้นนี้เที่ยงวันอาทิตย์ ซึ่งตอนเย็นมนัสจะขึ้นชกรุ่นไลท์ เวลเตอร์ เวท 64 กก. รอบก่อนรองชนะเลิศกับ เซริค ซาปิเยฟ แชมป์โลกจากคาซัคสถานที่ฟอร์มจัดจ้านเข้าออกรวดเร็ว หมัดซ้ายขวาต่อยแม่นและเป็นคะแนนกว่า 60 เปอร์เซ็นต์
หลังชนะนักชกแดนอาทิตย์อุทัยคู่ปรับเก่ารอบ 16 คน มนัส บุญจำนงค์แชมป์เหรียญทองโอลิมปิก 2008 บอกว่าเขาไม่กลัวใครอีกแล้ว แสดงถึงความมั่นอกมั่นใจ หวังว่าเย็นวันอาทิตย์จะเป็นวันที่คนไทยได้ชื่นมื่น เนื่องจากมีเหรียญทองแดงจากมวยสมัครเล่นอยู่ในมือ เป็นเหรียญโอลิมปิกที่ปักกิ่งเหรียญที่สอง และจะแปลงร่างเป็นเหรียญทองในอีกสามสี่วัน แต่ถ้าพ่ายยกต้องยกหัวใจไปฝากไว้กับสมจิตร,วรพจน์ และอำนาจ
เย็นวันเสาร์นั่งดูอำนาจ รื่นเริง ต่อยกับนักชกวัย 34 ชาวโดมินิกัน แม้ฟอร์มเก็บคะแนนจะดี แต่การปิดเกมของอำนาจไม่ดีเลย ปล่อยให้คะแนนไล่ขึ้นมาชนิดคนไทยพากันเสียวไปตาม ๆ กัน ดูอำนาจชกแล้วรู้สึกว่าเขาทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ หวังว่าจะไปถึงจุดสูงสุดตอนต่อยชิงเหรียญทอง ส่วนสมจิตรกับวรพจน์ถึงเวลานี้จะเห็นว่าทั้งคู่นำประสบการณ์ออกมาใช้อย่างฉลาด
กลับมาที่ ‘น้องเก๋’ บ้าง ณ เวลานี้เธอเป็นหญิงไทยที่เนื้อหอมที่สุด คิวโชว์ตัว คิวสัมภาษณ์คงแน่นเปรี๊ยะ รับของขวัญรางวัลซึ่งเป็นดอกผลของการทำงานหนักเข้าคลัง และกระจายโอกาสให้กับเพื่อน ๆนักยกน้ำหนักสาวไทยได้มีกำลังใจบ้าง รายการโทรทัศน์และนิตยสารที่รอสัมภาษณ์อย่าจับเสือมือเปล่า จ่ายค่าเหนื่อย ค่าตัว ค่าเสียเวลาด้วย
ผมชอบใจคำสัมภาษณ์ที่เธอตอบแก่นักข่าว MGR Sport เรื่องแรกเกี่ยวกับความรักและหัวใจ เธอบอกเธอมีคนรักแล้ว ดูแลน้ำใจกันมาสองปี จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่แทงกั๊กเปิดทางให้เสี่ยที่นิยมคนดังเข้ามายุ่มย่าม เรื่องที่สองเกี่ยวกับอนาคต เธอจะเล่นกีฬาต่อไป
ผมชอบคนที่มีทัศนคติแบบนี้ คนที่สู้ต่อไป ชัยชนะครั้งแรก ครั้งที่สอง ไม่ใช้จุดจบ ไม่ใช่จุดที่จะนำมาอ้างว่า “เอาดีไว้” หรือกลัวฮีโร่จะพ่ายแพ้ เพราะหลังเธอยกเสร็จและได้เหรียญทอง เธอก็วางน้ำหนักทิ้งไว้ตรงนั้น ไม่แบกมันเอาไว้ และเตรียมตัวให้พร้อมไปยกใหม่ในรายการยกน้ำชิงแชมป์โลก หรือโอลิมปิกที่ลอนดอน และหวังว่าเธอจะไม่เปลี่ยนไปมากหลังงานเฉลิมฉลองยาวนานอย่างน้อย 2 เดือน
เรื่องที่สาม เธอตอบว่าไม่สนใจเข้าสู่วงการบันเทิง วงการมายาที่ทำให้นักกีฬาระดับสุดหลายคนกลายเป็นตัวตลก และเสียคนง่าย แสดงให้ความแน่วแน่ของเธอได้เป็นอย่างดี ใช้เวลาช่วงเงินมีเก็บมีจ่ายและได้รับการยกย่องไปท่องตำราเอาปริญญาโทให้ได้เร็ว ๆ
แล้วเธอจะเป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของผู้หญิงยุคใหม่
