คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
นับตั้งแต่วันนี้ไป อีกเพียง 9 วันเท่านั้น โอลิมปิค เกมส์ ครั้งที่ 29 ก็จะเริ่มขึ้นในเวลา 2 ทุ่ม 8 นาทีของวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2008 ที่กรุงเป่ยจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งแน่นอนว่าทางการจีนพยายามปกปิดรายละเอียดการแสดงไว้เป็นความลับสุดยอด ยิ่งกว่าโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพซะอีก ไม่ยอมให้บุคคลภายนอกมีโอกาสล่วงรู้ก่อน ตั้งใจเก็บเอาไว้ให้ผู้ชมหลายพันล้านคนได้ชมจากการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกพร้อมๆกันอย่างตื่นตาตื่นใจ
ใครที่ได้เข้าชมพิธีเปิดดังกล่าวในสนามก็ถือว่าโชคดีมาก เพราะพวกเขาเหล่านั้นพึงระลึกเอาไว้ว่า ในขณะที่สายตาไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านคู่กำลังชมการแสดงผ่านหน้าจอโทรทัศน์ แต่จะมีคนอย่างพวกเขาเพียงประมาณ 1 แสนคนเท่านั้นที่ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ใน Beijing National Stadium หรือสนามกีฬาที่มีฉายาว่า “ รังนก ” ซึ่งมีความจุ 80,000 ที่นั่ง บวกกับขบวนพาเหรดนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมจาก 205 ชาติอีกหมื่นกว่าคน
แม้แต่ผู้บรรยายกีฬา ผู้สื่อข่าวเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในสนาม ส่วนมากเขาต้องบรรยายกันในห้องบรรยายที่จัดสร้างขึ้นของใครของมันภายในศูนย์ปฏิบัติงานถ่ายทอดโทรทัศน์ หรือบางกรณีก็บรรยายในประเทศไทยนี่เองด้วยซ้ำ เรียกว่า ผู้ชมโทรทัศน์ทางบ้านเห็นอย่างไร ผู้บรรยายก็เห็นแค่นั้น ตอนที่ผมทำหน้าที่บรรยายพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน ซิดนีย์ 2000 นั้นก็เช่นกัน เราบรรยายกันในห้องบรรยายที่ช่อง 5 มีแค่โทรทัศน์เล็กๆ 2 เครื่องให้ชม เครื่องหนึ่งแสดงภาพที่ส่งมาจากทางประเทศเจ้าภาพ ส่วนอีกเครื่องหนึ่งก็แสดงภาพที่กำลังออกอากาศสดในประเทศไทย อันนี้เวลาตัดเข้าโฆษณา ผู้บรรยายจะได้ทราบ แล้วเขาจะมีหูฟังให้ฟังเสียงบรรยายภาษาอังกฤษจากทางประเทศออสตราเลีย และมีมายโครโฟนตั้งอยู่ข้างหน้า เมื่อภาพมา เสียงเราก็บรรยายไป ไม่ได้นั่งหล่ออยู่ใน Main Stadium หรอกครับ
สำหรับพิธีเปิดการแข่งขัน เป่ยจิง 2008 นี้ ทางการจีนมอบหมายให้ จาง อี้เหมา ( Zhang Yimou ) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังวัย 57 ปีของจีนเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด ซึ่งผลงานทางด้านภาพยนตร์ของเขาที่ผ่านมาเกือบ 20 เรื่อง กว่าครึ่งถ้าไม่ได้รางวัลในระดับนานาชาติ ก็มักจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งนั้น ชีวิตของหมอนี่ ในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก เพราะพ่อดันเป็นทหารในกองทัพของ เจียง ไค เช็ก ส่วนพี่ชายคนโตก็ไปอยู่กับพวกกู้ชาติในไต้หวัน ทำให้ตอนปฏิวัติวัฒนธรรมในปี 1966 เขาต้องถูกบังคับให้เลิกเรียนแล้วไปทำงานในไร่ ภายหลังถูกส่งตัวไปทำงานในโรงงานทอผ้าอยู่ถึง 7 ปี ช่วงนี้เองที่เขาสนใจการวาดภาพและถ่ายภาพนิ่ง ถึงกับยอมบริจาคเลือดเพื่อแลกกับเงินเอาไปซื้อกล้องถ่ายรูปตัวแรกในชีวิต
จนเมื่อทางการจีนเปิดวิทยาลัยการภาพยนตร์ขึ้นในปี 1978 ตอนนั้น จาง อายุปาเข้าไป 27 ปีแล้ว เขาเขียนจดหมายไปโอดครวญกับกระทรวงวัฒนธรรมว่า ไอ้การปฏิวัติวัฒนธรรมเฮงซวยนี่ทำให้เขาเสียเวลาไปเปล่าๆตั้ง 10 ปี พร้อมกับส่งตัวอย่างผลงานการถ่ายภาพของเขาไปให้ดูด้วย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รับการพิจารณาเข้าเรียนในแผนกภาพยนตร์ จนสำเร็จออกมาและเริ่มสร้างผลงานดังกระหึ่มในอีก 4 ปีต่อมา
จาง อี้เหมา ได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิคจีนให้เป็นผู้จัดพิธีเปิด-ปิด เป่ยจิง 2008 โดยเขาได้ชวนสุดยอดฝีมือมาเป็นที่ปรึกษา 3 คน คนแรกคือ อีฟ เปแป็ง ( Yves Pepin ) เจ้าของบริษัทจัดการแสดง เออเซอาเดอ ( ECA2 ) ชาวฝรั่งเศสที่เคยฝากผลงานมาแล้วในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก ฟร็องซ์ 98 และการแสดงเพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่ปี 2000 ที่บริเวณหอเอฟเฟล กรุงปารี ประเทศฝรั่งเศส คนที่สองคือ ริค เบิร์ช ( Ric Birch ) ผู้จัดพิธีเปิด-ปิด โอลิมปิค เกมส์หลายสมัยชาวออสตราเลีย ส่วนคนที่ 3 คือ สตีเวน สปีลเบิร์ก ( Steven Spielberg ) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ระดับโลกชาวสหรัฐฯ แต่รายหลังขอปฏิเสธไปเพราะไม่พอใจนโยบายของจีนเรื่องประเทศซูดาน
ถึงแม้รัฐบาลจีนจะพยายามเก็บการแสดงพิธิเปิดการแข่งขัน โอลิมปิค เกมส์ 2008 ไว้เป็นความลับ เหมือนๆกับชาติเจ้าภาพอื่นๆ ถึงกับเกิดข่าวลือหนาหูว่า ทางรัฐบาลจีนมีคำขู่ไปยัง จาง อี้เหมา ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดการแสดงดังกล่าว ถ้าเขาแพร่งพรายให้บุคคลภายนอกล่วงรู้ก่อนแม้แต่นิดเดียว จะโดนถูกจับติดคุก 7 ปี ในข้อหาร้ายแรงคือ เผยความลับของรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของการแสดงก็เป็นที่รู้กันอยู่บ้างว่า พิธีเปิดการแข่งขันนั้นจะมีความยาวถึง 210 นาที นอกจากจะมีขบวนพาเหรดนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมมากกว่า 12,000 คน พิธีเชิญธงโอลิมปิค ขึ้นสู่ยอดเสา พิธีจุดกระถางคบเพลิงแล้ว ในส่วนของการแสดงจะบ่งบอกถึงวิวัฒนาการของชนชาติจีนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมและความผสมผสานที่กลมกลืนของชาวจีน มีการขับขานเพลงจีน ซึ่งฟังแล้วบางคนอาจมองว่าออกทางงิ้วหน่อยๆ โดยที่ไม่ลืมการแสดงเพื่อรำลึกถึงการสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติที่ เสฉวน ด้วย
การแสดงยาวนานถึง 3 ชั่วโมงครึ่งนี้ แม้ว่าจะทำให้ใครหลายคนถึงกับหลับคาจอโทรทัศน์ไปบ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่า การยิงพลุ ดอกไม้ไฟ ที่เรียกว่า พายโรเทคนิคส์ ( Pyrotechnics ) นั้นสีสันวูบวาบ สวยสดงดงามแน่นอน นอกจากนั้น นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งในรอบ 20 ปีที่มหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติได้วนกลับมาอุบัติขึ้นในทวีปเอเชียของเราอีกครั้งหนึ่ง และยังเป็นโอกาสเดียวที่ชาติเอชียมีสิทธิ์ครองความเป็นจ้าวเหรียญทอง ไม่เช่นนั้นคงต้องรอไปอีกไม่รู้กี่สิบปี
นับตั้งแต่วันนี้ไป อีกเพียง 9 วันเท่านั้น โอลิมปิค เกมส์ ครั้งที่ 29 ก็จะเริ่มขึ้นในเวลา 2 ทุ่ม 8 นาทีของวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2008 ที่กรุงเป่ยจิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งแน่นอนว่าทางการจีนพยายามปกปิดรายละเอียดการแสดงไว้เป็นความลับสุดยอด ยิ่งกว่าโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพซะอีก ไม่ยอมให้บุคคลภายนอกมีโอกาสล่วงรู้ก่อน ตั้งใจเก็บเอาไว้ให้ผู้ชมหลายพันล้านคนได้ชมจากการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกพร้อมๆกันอย่างตื่นตาตื่นใจ
ใครที่ได้เข้าชมพิธีเปิดดังกล่าวในสนามก็ถือว่าโชคดีมาก เพราะพวกเขาเหล่านั้นพึงระลึกเอาไว้ว่า ในขณะที่สายตาไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านคู่กำลังชมการแสดงผ่านหน้าจอโทรทัศน์ แต่จะมีคนอย่างพวกเขาเพียงประมาณ 1 แสนคนเท่านั้นที่ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ใน Beijing National Stadium หรือสนามกีฬาที่มีฉายาว่า “ รังนก ” ซึ่งมีความจุ 80,000 ที่นั่ง บวกกับขบวนพาเหรดนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมจาก 205 ชาติอีกหมื่นกว่าคน
แม้แต่ผู้บรรยายกีฬา ผู้สื่อข่าวเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในสนาม ส่วนมากเขาต้องบรรยายกันในห้องบรรยายที่จัดสร้างขึ้นของใครของมันภายในศูนย์ปฏิบัติงานถ่ายทอดโทรทัศน์ หรือบางกรณีก็บรรยายในประเทศไทยนี่เองด้วยซ้ำ เรียกว่า ผู้ชมโทรทัศน์ทางบ้านเห็นอย่างไร ผู้บรรยายก็เห็นแค่นั้น ตอนที่ผมทำหน้าที่บรรยายพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน ซิดนีย์ 2000 นั้นก็เช่นกัน เราบรรยายกันในห้องบรรยายที่ช่อง 5 มีแค่โทรทัศน์เล็กๆ 2 เครื่องให้ชม เครื่องหนึ่งแสดงภาพที่ส่งมาจากทางประเทศเจ้าภาพ ส่วนอีกเครื่องหนึ่งก็แสดงภาพที่กำลังออกอากาศสดในประเทศไทย อันนี้เวลาตัดเข้าโฆษณา ผู้บรรยายจะได้ทราบ แล้วเขาจะมีหูฟังให้ฟังเสียงบรรยายภาษาอังกฤษจากทางประเทศออสตราเลีย และมีมายโครโฟนตั้งอยู่ข้างหน้า เมื่อภาพมา เสียงเราก็บรรยายไป ไม่ได้นั่งหล่ออยู่ใน Main Stadium หรอกครับ
สำหรับพิธีเปิดการแข่งขัน เป่ยจิง 2008 นี้ ทางการจีนมอบหมายให้ จาง อี้เหมา ( Zhang Yimou ) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังวัย 57 ปีของจีนเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด ซึ่งผลงานทางด้านภาพยนตร์ของเขาที่ผ่านมาเกือบ 20 เรื่อง กว่าครึ่งถ้าไม่ได้รางวัลในระดับนานาชาติ ก็มักจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งนั้น ชีวิตของหมอนี่ ในวัยเด็กค่อนข้างลำบาก เพราะพ่อดันเป็นทหารในกองทัพของ เจียง ไค เช็ก ส่วนพี่ชายคนโตก็ไปอยู่กับพวกกู้ชาติในไต้หวัน ทำให้ตอนปฏิวัติวัฒนธรรมในปี 1966 เขาต้องถูกบังคับให้เลิกเรียนแล้วไปทำงานในไร่ ภายหลังถูกส่งตัวไปทำงานในโรงงานทอผ้าอยู่ถึง 7 ปี ช่วงนี้เองที่เขาสนใจการวาดภาพและถ่ายภาพนิ่ง ถึงกับยอมบริจาคเลือดเพื่อแลกกับเงินเอาไปซื้อกล้องถ่ายรูปตัวแรกในชีวิต
จนเมื่อทางการจีนเปิดวิทยาลัยการภาพยนตร์ขึ้นในปี 1978 ตอนนั้น จาง อายุปาเข้าไป 27 ปีแล้ว เขาเขียนจดหมายไปโอดครวญกับกระทรวงวัฒนธรรมว่า ไอ้การปฏิวัติวัฒนธรรมเฮงซวยนี่ทำให้เขาเสียเวลาไปเปล่าๆตั้ง 10 ปี พร้อมกับส่งตัวอย่างผลงานการถ่ายภาพของเขาไปให้ดูด้วย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รับการพิจารณาเข้าเรียนในแผนกภาพยนตร์ จนสำเร็จออกมาและเริ่มสร้างผลงานดังกระหึ่มในอีก 4 ปีต่อมา
จาง อี้เหมา ได้รับเลือกจากคณะกรรมการโอลิมปิคจีนให้เป็นผู้จัดพิธีเปิด-ปิด เป่ยจิง 2008 โดยเขาได้ชวนสุดยอดฝีมือมาเป็นที่ปรึกษา 3 คน คนแรกคือ อีฟ เปแป็ง ( Yves Pepin ) เจ้าของบริษัทจัดการแสดง เออเซอาเดอ ( ECA2 ) ชาวฝรั่งเศสที่เคยฝากผลงานมาแล้วในพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก ฟร็องซ์ 98 และการแสดงเพื่อเฉลิมฉลองการเข้าสู่ปี 2000 ที่บริเวณหอเอฟเฟล กรุงปารี ประเทศฝรั่งเศส คนที่สองคือ ริค เบิร์ช ( Ric Birch ) ผู้จัดพิธีเปิด-ปิด โอลิมปิค เกมส์หลายสมัยชาวออสตราเลีย ส่วนคนที่ 3 คือ สตีเวน สปีลเบิร์ก ( Steven Spielberg ) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ระดับโลกชาวสหรัฐฯ แต่รายหลังขอปฏิเสธไปเพราะไม่พอใจนโยบายของจีนเรื่องประเทศซูดาน
ถึงแม้รัฐบาลจีนจะพยายามเก็บการแสดงพิธิเปิดการแข่งขัน โอลิมปิค เกมส์ 2008 ไว้เป็นความลับ เหมือนๆกับชาติเจ้าภาพอื่นๆ ถึงกับเกิดข่าวลือหนาหูว่า ทางรัฐบาลจีนมีคำขู่ไปยัง จาง อี้เหมา ผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดการแสดงดังกล่าว ถ้าเขาแพร่งพรายให้บุคคลภายนอกล่วงรู้ก่อนแม้แต่นิดเดียว จะโดนถูกจับติดคุก 7 ปี ในข้อหาร้ายแรงคือ เผยความลับของรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของการแสดงก็เป็นที่รู้กันอยู่บ้างว่า พิธีเปิดการแข่งขันนั้นจะมีความยาวถึง 210 นาที นอกจากจะมีขบวนพาเหรดนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมมากกว่า 12,000 คน พิธีเชิญธงโอลิมปิค ขึ้นสู่ยอดเสา พิธีจุดกระถางคบเพลิงแล้ว ในส่วนของการแสดงจะบ่งบอกถึงวิวัฒนาการของชนชาติจีนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมและความผสมผสานที่กลมกลืนของชาวจีน มีการขับขานเพลงจีน ซึ่งฟังแล้วบางคนอาจมองว่าออกทางงิ้วหน่อยๆ โดยที่ไม่ลืมการแสดงเพื่อรำลึกถึงการสูญเสียจากเหตุภัยพิบัติที่ เสฉวน ด้วย
การแสดงยาวนานถึง 3 ชั่วโมงครึ่งนี้ แม้ว่าจะทำให้ใครหลายคนถึงกับหลับคาจอโทรทัศน์ไปบ้าง แต่เชื่อเถอะครับว่า การยิงพลุ ดอกไม้ไฟ ที่เรียกว่า พายโรเทคนิคส์ ( Pyrotechnics ) นั้นสีสันวูบวาบ สวยสดงดงามแน่นอน นอกจากนั้น นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งในรอบ 20 ปีที่มหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติได้วนกลับมาอุบัติขึ้นในทวีปเอเชียของเราอีกครั้งหนึ่ง และยังเป็นโอกาสเดียวที่ชาติเอชียมีสิทธิ์ครองความเป็นจ้าวเหรียญทอง ไม่เช่นนั้นคงต้องรอไปอีกไม่รู้กี่สิบปี