xs
xsm
sm
md
lg

กีฬา-การเมืองกับเรื่องโอลิมปิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนกระทั่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกดำเนินมาถึงครั้งที่ 29 คณะกรรมการโอลิมปิกสากลหรือไอโอซี มีความพยายามที่จะขจัดการแทรกแซงทางการเมืองออกไปให้พ้นจากมหกรรมกีฬาที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างมิตรภาพไร้พรมแดนรายการนี้ แต่ดูเหมือนว่าความพยามยามดังกล่าวจะยังไม่มีวี่แววว่าจะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลุ่ม หรือ องค์กร ที่ได้รับความเดือดร้อนและมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศเจ้าภาพ ต่างฉกฉวยโอกาสสำคัญลุกนี้ทำการประท้วงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากนานาชาติซึ่งแน่นอนว่าปฏิกิริยาที่ได้รับย่อมต้องมากกว่าในช่วงสถานการณ์ปกติอย่างแน่นอน

สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งที่ 29 ก็หนีไม่พ้นกับปัญหาดังกล่าวและอาจจะหนักกว่าทุกประเทศเจ้าภาพในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาเมื่อปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนเป็นจุดอ่อนที่สุดของจีนและนานาชาติมักหยิบยกขึ้นมาโจมตี พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ผ่อนคลายกฎระเบียบอันเข้มงวดเพื่อให้ประชาชนมีอิสระมากขึ้นเช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในธิเบต

ภาพข่าวผู้ประท้วงต่อเหตุการณ์ใน ธิเบต ซึ่งเกิดขึ้นในหลายประเทศช่วงระหว่างที่มีการวิ่งคบเพลิง อาจเป็นเพียงตัวอย่างแรกที่ทางการจีนต้องประสบ เพราะจนถึงเวลานี้สถานการณ์ภายในของจีนก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เมื่อมีชาวจีนบางส่วนแสดงความไม่พอใจเพราะได้รับผลกระทบจากนโยบายบริหารประเทศ รวมไปถึงความพยายามที่จะรีดเค้นทุกความสามารถของประชากรเพื่อให้โอลิมปิกครั้งนี้ยิ่งใหญ่และอยู่ในความทรงจำของชาวโลก ทั้งนี้ชาวจีนกลุ่มต้านรัฐบาลดังกล่าวเตรียมจะใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงจุดยืนของตนเองเช่นกัน

ขณะที่ทางการจีนก็ใช่ว่าจะปล่อยให้คนในประเทศลุกขึ้นมาสร้างความวุ่นวายเอาได้ง่ายๆ ทั้งนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาความไม่สงบที่จะเกิดขึ้น โดยระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกว่า 110,000 นายเพื่อดูแลความปลอดภัยภายในเมืองสำคัญที่มีการจัดการแข่งขัน โดยเฉพาะการตรวจสอบผู้ที่จะเดินทางเข้ามายังกรุงปักกิ่งอย่างเข้มงวด

แต่มาตรการคุมดังกล่าวก็ไม่วายถูกวิจารณ์ว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการควบคุมสังคมตามที่ นิโคลัส บีเกลิน เจ้าหน้าที่ขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชน Human Right Watch ซึ่งประจำอยู่ฮ่องกงแสดงความเห็นว่า “มันเป็นการก้าวถอยหลังที่สั่นคลอนเสรีภาพของประชาชนและเป็นการใช้อำนาจอย่างไม่มีเหตุผล”

แม้ว่าโฆษกของรัฐบาลกลางเคยออกมายืนยันหลายครั้งว่า มาตรการที่ออกมานี้จะใช้เพื่อป้องกันปัญหาการก่อการร้ายก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าคำสั่งที่ถูกเผยแพร่ผ่านทางเวบไซต์ขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหลายแห่งจะแสดงให้เห็นว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของกลุ่มชนที่จะเดินทางมาประท้วงมากกว่า

อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนก็พร้อมที่จะฝ่าฝืนกฎข้อบังคับและออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล โดยหวังว่าการประท้วงในช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้จะสามารถเรียกร้องความสนใจจากทางการได้ ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีชาวจีนบางส่วนรวมตัวกันออกมาประท้วงบริเวณใกล้กับสำนักงานรับเรื่องร้องทุกข์ของทางการซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงปักกิ่ง ฝูงชนเหล่านั้นออกมาตะโกนเรียกร้องถึงความทุกข์ร้อนที่ได้รับ ตั้งแต่การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าที่ตำรวจที่ทำร้ายประชาชน, ปัญหาการถูกยึดที่ดินทำกินอย่างผิดกฎหมายและการคอรัปชั่นในกระบวนการยุติธรรม

ภายหลังเหตุการณ์กลุ่มผู้ประท้วงออกมาเปิดเผยผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐพยายามที่จะจับกุมตัวพวกตนเองไปกักขังดังเช่นคำสัมภาษณ์ของ หม่า ชาวนาจากจังหวัดเจ๋อเจียง ทางภาคตะวันออกของประเทศโดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้นักข่าวฟังว่า“พวกเขามาจับตัวพวกเราไปวันหนึ่งก็ประมาณ 100 คน”

ขณะที่ผู้ประท้วงบางส่วนก็หลีกเลี่ยงการตรวจตราของเจ้าหน้าที่โดยแยกย้ายกันไปหลบอยู่ตามบริเวณชานเมือง อาศัยการเช่ากระต๊อบหรือไม่ก็สร้างเพิงพักพิงชั่วคราว รอจนกระทั่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเริ่มต้นขึ้นจึงจะออกมาร่วมตัวกันนอกจากนี้ ชาวจีนผู้ได้รับความเดือดร้อนหลายรายเปิดเผยความรู้สึกของตนเองและกำลังลุ้น อยู่ว่าพวกเขาจะสามารถหลีกการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนกระทั่งโอลิมปิกเปิดฉากเพื่อออกมาประท้วงอย่างครึกโครมในช่วงเดือนสิงหาคมได้หรือไม่

หวัง ตงเซิ่ง ชาวเมืองต้าเหลียนทางภาคเหนือของประเทศที่ฟ้องร้องตำรวจว่าขโมยเงินของตนเองไปอย่างผิดกฎหมายกล่าวปิดท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า “ประชาชนหลายคนรู้สึกว่าแม้พวกเขาจะไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกก็ตามเพราะพวกเราถูกกดดันจากทางการอย่างมาก แต่ผมในฐานะพลเมืองจีนและผมมีสิทธิ์ที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อทำการประท้วงพวกเราต้องการดูว่าฝ่ายรัฐฯจะปฏิบัติกับประชาชนในชาติอย่างไรระหว่างที่ดวงไฟจากทั่วโลกต่างก็จับจ้องมาที่ปักกิ่งเกมส์”

ล่าสุดทางการจีนจะพยายามหาทางผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยการกำหนดพื้นที่สวนสาธารณะ 3 แห่งในประเทศเพื่ออนุญาตให้มีการประท้วงได้ก็ตาม แต่ตราบใดนานาประเทศยังไม่เอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน เราก็ยังคงเห็นการประท้วงผ่านงานมหกรรมต่างๆที่จัดขึ้นในระดับโลกต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น