หนองคาย- เศรษฐินีโรงไม้เมืองหนองคายถูกฆ่าโหด คนร้ายใช้เหล็กแป๊บฟาดหัวตายสยองคาห้องนอน แล้วฉกสร้อยคอทองคำหลบหนี คาดเป็นฝีมือลูกเลี้ยงเกเร เคยก่อเหตุพาเพื่อนขโมยเงินและปืนแล้วหลายครั้ง ตำรวจเร่งไล่ล่าหาตัว
เมื่อเวลา 17.30 น.วานนี้ (30 ต.ค.) ร.ต.ต.ศุภฤกษ์ เคหะทุ่ม ร้อยเวรสอบสวนสภ.เมืองหนองคาย รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าตายภายในบ้านเลขที่ 148 หมู่ 10 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย ริมถนนหนองคาย-โพนพิสัย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วออกตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.ท.สุจินต์ นาวาเรือน รองผกก.(ป.), พ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผกก.(สส.), พ.ต.ท.ณัฐฎพนธ์ พะยอมใหม่ สว.สป., พ.ต.ต.วิเศษ ลานอุ่น สวป., พ.ต.ท.ประเวศ ภูบุญเต็ม ตำรวจวิทยาการ แพทย์เวรโรงพยาบาลหนองคาย และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างคงคาธรรมสถาน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านข้างเปิดเป็นโรงไม้ชื่อโรงไม้บ้านชัยอำนวย ภายในห้องนอนพบศพนางสาวศิริรัตน์ โค้วศรีวงษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 2 ต.มีชัย อ.เมืองหนองคาย เจ้าของบ้าน นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนพื้นห้องนอน สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดง กางเกงวอร์มขายาวสีกรมท่า บริเวณหน้าผากถูกตีด้วยของมีคมเป็นแผลยาวประมาณ 20 ซม. 1 แผล และกลางศีรษะแผลขนาดเท่ากันอีก 1 แผล กะโหลกแตก เลือดไหลนองเต็มพื้นส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงก่อนจะมีผู้มาพบศพ ตรวจสอบภายในห้องนอนพบเหล็กแป๊บเปื้อนเลือด ยาว 1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. ตกอยู่ใต้เตียง เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และพบว่าสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมพระเครื่อง กำไลทองคำหนัก 3 บาท ที่ผู้ตายใส่ประจำหายไป
จากการสอบสวน ด.ญ.รุ่งรัศมี โค้วศรีวงษ์ อายุ 12 ปี หลานสาวผู้ตายซึ่งเป็นผู้พบศพคนแรก ให้การว่า ตนพักอาศัยอยู่กับผู้ตาย ซึ่งผู้ตายมีศักดิ์เป็นป้า ขณะที่ตนเลิกเรียนกลับมาบ้านเห็นประตูหน้าบ้านปิดล็อกลูกบิดประตู ซึ่งปกติ น.ส.ศิริรัตน์ จะไม่ปิดล็อคหน้าบ้าน ตนจึงใช้มีดทำครัวงัดลูกบิดประตู แล้วเปิดเข้าไปในบ้าน ได้กลิ่นเหม็นคาวเลือดจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของ น.ส.ศิริรัตน์ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็น น.ส.ศิริรัตน์ ถูกฆ่าตายจึงวิ่งไปบอกญาติพี่น้องมาดู
ส่วนนางอัจฉราพร สิงหารา อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 หมู่ 10 ต.หาดคำ ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตายให้การเพิ่มเติมว่า ผู้ตายเป็นโสดไม่มีสามีไม่มีลูก จึงได้รับ ด.ช.ทวีโชค บุญราศี อายุ 11 ปี ซึ่งไม่มีแม่ พ่อติดคุก เดิมอยู่บ้านละแวกเดียวกัน นำมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่ ด.ช.ตุ้ยอายุได้เพียง 3 เดือน โดยส่งเสียให้เรียนและเลี้ยงดูอย่างดี แต่พอ ด.ช.ตุ้ยเริ่มโตเป็นหนุ่ม ก็ไปคบหาเพื่อนต่างวัยในละแวกใกล้เคียงกันที่มีนิสัยเกเรเป็นอันธพาล ดื่มเหล้า ติดยา แล้วชักชวนกันออกเที่ยวเตร่ช่วงกลางคืนบ่อยครั้ง เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ด.ช.ตุ้ย เริ่มหนีออกจากบ้าน โดยขโมยรถจักรยานยนต์หายออกไปจากบ้านนาน 3 วัน
ผู้ตายก็เที่ยวออกตามหาด้วยความเป็นห่วง พอเจอตัวก็พากลับบ้าน แต่วันต่อมา ด.ช.ตุ้ย ก็พาเพื่อนแอบปีนเข้าบ้านขโมยเงินของผู้ตายไป 7,000 ดอลลาร์ และปืนพกสั้นไม่ทราบขนาดหายไป ซึ่งทุกครั้งที่ขโมยของนั้นผู้ตายไม่อยู่บ้าน จากนั้นผู้ตายก็ออกตามหาตามบ้านเพื่อนและตามตัวกลับบ้าน เป็นอย่างนี้บ่อยครั้ง
จนล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ด.ช.ตุ้ย ขโมยรถจักรยานไปเที่ยวกลางดึกอีกและไม่กลับบ้าน พอตอนเช้าผู้ตายบอกกับตนว่าจะออกไปตามหา ด.ช.ตุ้ย เหมือนที่เคย ตนก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเคยเตือนหลายครั้งแล้วว่าให้ระวังตัว เพราะ ด.ช.ตุ้ย เริ่มติดยา คบเพื่อนเกเร มีนิสัยขี้ขโมยบ่อยครั้ง อาจทำร้ายร่างกายสักวัน แต่ผู้ตายก็ไม่เชื่อ จนมาเกิดเหตุในครั้งนี้ขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของ ด.ช.ตุ้ย ที่อาจพาเพื่อนมาขโมยของ
แต่ปรากฏว่าผู้ตายอยู่ภายในบ้านพอดี ขณะที่จะขโมยของผู้ตายอาจเข้ามาห้ามจึงถูกฆ่าตายดังกล่าว
พ.ต.ท.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผกก.(สส.) กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุอาจเป็น ด.ช.ตุ้ย หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ขณะนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนออกตามหาตัว ด.ช.ตุ้ย ในบรรดากลุ่มเพื่อนทั้งหมดที่มี เพราะเชื่อว่าจะหนีไปได้ไม่ไกล และจะเร่งค้นหาตัวมาสอบสวนให้เร็วที่สุดเพราะเป็นคดีอุฉกรรจ์
ต่อมาเวลา 20.30 น. พ.ต.ต.วิเศษ ลานอุ่น สวป.สภ.เมืองหนองคาย พร้อมตำรวจชุดสายฟ้า ได้ติดตามจับกุมตัว ด.ช.ตุ้ย ได้ที่บ้านเพื่อนซึ่งอยู่ด้านหลังศาลาแก้วกู่ บ้านสามัคคี ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย โดยเบื้องต้น ด.ช.ตุ้ยให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือใช้เหล็กแป๊บตีนางสาวศิริรัตน์จนตาย เนื่องจากไม่พอใจที่ผู้ตายดุด่าบ่อยครั้งจนเก็บกด ล่าสุดตนได้เข้าไปในบ้านและพบผู้ตายอยู่ภายในบ้าน ผู้ตายก็ดุด่าตนอีกจึงโมโหคว้าเหล็กแป๊บตีจนตาย
แต่ยังให้การสับสนถึงพฤติกรรมการก่อเหตุ อีกทั้งเหล็กที่ ด.ช.ตุ้ย พาตำรวจไปเอาบริเวณหลังบ้านเพื่อนนั้น เป็นเหล็กคนละท่อนกับเหล็กที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ คาดว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการอีกซึ่งจะได้สืบสวนต่อไป