คนร้ายฆ่าโหด 2 สามี ภรรยา ทิ้งศพเฝ้าบ้านนานนับ 5 วัน ตำรวจตั้ง 2 ประเด็น เรื่องธุรกิจเงินกู้ และธุรกิจนอกกฎหมาย
วันนี้ (3 พ.ย.) เวลา 13.30 น.พ.ต.ท.สง่า ปัญญา สารวัตรเวร สน.พระโขนง ได้รับแจ้งว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 3 ซอยอ่อนนุช 12 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.อาจินต์ จารุวร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.พระโขนง พ.ต.ท.รณชัย รอดลอย สว.สส.สน.พระโขนง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ปลูกติดกันจำนวน 5 คูหา จากการตรวจสอบภายในบ้านชั้นล่างบริเวณทางขึ้นบันได พบศพ น.ส.รจนา พงษ์โสภิตา อายุ 48 ปี เสียชีวิตอยู่ในสภาพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายดอกสีขาวพับแขน นุ่งกางเกงยีนสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายจำนวน 1 นัดส่วนที่บริเวณบันไดทางขึ้นดาดฟ้าชั้นที่ 4 พบศพ นายอนุศักดิ์ วรรณสกุล อายุ 38 ปี สามี น.ส.รจนา ซี่งเป็นเจ้าของบ้าน สภาพศพนอนตะแคงขวา สวมเสื้อยืดแขนกุดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีฟ้า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่กลางหลัง 1 นัด โดยแพทย์สันนิษฐานว่าทั้ง 2 ราย น่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วันเพราะสภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
จากการสอบถาม ด.ต.สงัด กองแก้ว ผบ.หมู่ (ป.) สน.พระโขนง ผู้พบศพ กล่าวว่า ตนและตำรวจหลายนายในท้องที่ สน.พระโขนง รู้จักกับนายอนุศักดิ์ ผู้ตายเป็นอย่างดี เนื่องจากต้องเดินทางมาตรวจตู้แดงที่ติดอยู่บริเวณหน้าบ้านเป็นประจำ โดยเมื่อช่วงเวลา 02.00 น.ของคืนที่ผ่านมา ตนก็เดินทางมาเซ็นต์ชื่อตรวจตู้แดง และได้กลิ่นเหม็นผิดปกติโชยออกมาจากในบ้านซึ่งก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งช่วงเที่ยงวันนี้ ตนย้อนกลับมาเซ็นชื่อตรวจตู้แดงอีก กลิ่นเหม็นก็ยังไม่หมดไป เมื่อลองสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงทราบว่า มีกลิ่นต้องสงสัยโชยออกมาจากบ้านหลายวันแล้ว ก็เลยตัดสินใจนำบันไดมาปีนดูที่ช่องลมหน้าประตู พบแมลงวันอยู่ในบ้านจำนวนมาก คาดว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นแน่นอน ตนจึงได้โทรศัพท์ไปบอกให้พี่ชายผู้ตายเดินทางมาช่วยกันใช้คีมตัดแม่กุญแจเข้าไปตรวจสอบภายจนพบศพ 2 สามีภรรยาตายสยองอยู่ในบ้านดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นายอนุวัฒน์ สุวรรณสกุล อายุ 42 ปี พี่ชาย นายอนุศักดิ์ เปิดเผยว่า น้องชายตนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำงานอะไร ทราบเพียงแต่ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบ และมีลูกหนี้ค้างชำระอยู่หลายสิบล้านบาทเท่านั้น ส่วนน้องสะใภ้ตน มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี บจก.ราชบุรีพาวเวอร์ ย่านสุขุมวิท 56 ซึ่งปกติแล้วตนจะไม่ค่อยเดินทางมาเยี่ยมทั้ง 2 คนบ่อยนัก จะใช้โทรศัพท์ติดต่อหากันมากกว่า และที่ผ่านมา น้องชายก็ไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง มีแต่เคยโทรศัพท์ไปขอยืมเงินก้อนใหญ่จากตนเพื่อนำไปใช้หนี้ โดยทราบว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางธนาคารแห่งประเทศไทย จะคืนเงินที่อายัดไปจากน้องชาย จำนวน 5 ล้านบาทให้ ซึ่งน้องชายตนก็ไม่ได้เดินทางไปติดต่อขอรับคืนจนกระทั่งมีตำรวจโทร.ไปบอกว่ามีกลิ่นเหม็นโชยออกจากบ้านมาหลายวันแล้วตนจึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.อาจินต์ กล่าวว่า คนร้ายรายนี้ต้องเป็นคนรู้จักใกล้ชิดกับผู้ตายอย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถเข้านอกออกในบ้านได้ จากการตรวจสอบภายในบ้านไม่พบว่ามีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด มีเพียงทรัพย์สินบางส่วนประกอบด้วย สร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเกศไชโยเลี่ยมทอง อาวุธปืนขนาด .38 ม.ม.และอาวุธปืนออโตเมติก ไม่ทราบขนาด ของนายอนุศักดิ์หายไปเท่านั้นซึ่งจะต้องให้ญาติสนิทร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีสิ่งใดสูญหายเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เนื่องจากทราบว่านายอนุศักดิ์ สามารถหมุนเงินรายรับเข้ามาได้ถึงวันละหลายล้านบาท
“ตำรวจได้ตั้งปมสังหารเอาไว้หลายประเด็น โดยมีเรื่องธุรกิจเงินกู้ และธุรกิจนอกกฎหมาย เป็นประเด็นหลัก แต่จากการสอบถามญาติ และคนใกล้ชิดกับผู้ตายทั้ง 2 ราย ในเบื้องต้นทราบว่า ลูกหนี้ที่มากู้เงินส่วนใหญ่มีทั้งแบบให้กู้ปากเปล่า และ ทำสัญญากันไว้ ส่วนยอดเงินที่ผู้ตายปล่อยกู้ไปนั้นมีตั้งแต่จำนวนน้อย จนถึงหลักล้านบาทซึ่งตำรวจพบหลักฐานบัญชีรายชื่อลูกหนี้รายใหญ่อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 4-5 ราย ซึ่งหลังจากนี้ จะได้เชิญพยานแวดล้อมทั้งหมดไปสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสในการจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.อ.อาจินต์ กล่าว
วันนี้ (3 พ.ย.) เวลา 13.30 น.พ.ต.ท.สง่า ปัญญา สารวัตรเวร สน.พระโขนง ได้รับแจ้งว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 3 ซอยอ่อนนุช 12 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.อาจินต์ จารุวร รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.พระโขนง พ.ต.ท.รณชัย รอดลอย สว.สส.สน.พระโขนง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ปลูกติดกันจำนวน 5 คูหา จากการตรวจสอบภายในบ้านชั้นล่างบริเวณทางขึ้นบันได พบศพ น.ส.รจนา พงษ์โสภิตา อายุ 48 ปี เสียชีวิตอยู่ในสภาพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายดอกสีขาวพับแขน นุ่งกางเกงยีนสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายจำนวน 1 นัดส่วนที่บริเวณบันไดทางขึ้นดาดฟ้าชั้นที่ 4 พบศพ นายอนุศักดิ์ วรรณสกุล อายุ 38 ปี สามี น.ส.รจนา ซี่งเป็นเจ้าของบ้าน สภาพศพนอนตะแคงขวา สวมเสื้อยืดแขนกุดสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีฟ้า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่กลางหลัง 1 นัด โดยแพทย์สันนิษฐานว่าทั้ง 2 ราย น่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วันเพราะสภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
จากการสอบถาม ด.ต.สงัด กองแก้ว ผบ.หมู่ (ป.) สน.พระโขนง ผู้พบศพ กล่าวว่า ตนและตำรวจหลายนายในท้องที่ สน.พระโขนง รู้จักกับนายอนุศักดิ์ ผู้ตายเป็นอย่างดี เนื่องจากต้องเดินทางมาตรวจตู้แดงที่ติดอยู่บริเวณหน้าบ้านเป็นประจำ โดยเมื่อช่วงเวลา 02.00 น.ของคืนที่ผ่านมา ตนก็เดินทางมาเซ็นต์ชื่อตรวจตู้แดง และได้กลิ่นเหม็นผิดปกติโชยออกมาจากในบ้านซึ่งก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งช่วงเที่ยงวันนี้ ตนย้อนกลับมาเซ็นชื่อตรวจตู้แดงอีก กลิ่นเหม็นก็ยังไม่หมดไป เมื่อลองสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงทราบว่า มีกลิ่นต้องสงสัยโชยออกมาจากบ้านหลายวันแล้ว ก็เลยตัดสินใจนำบันไดมาปีนดูที่ช่องลมหน้าประตู พบแมลงวันอยู่ในบ้านจำนวนมาก คาดว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นแน่นอน ตนจึงได้โทรศัพท์ไปบอกให้พี่ชายผู้ตายเดินทางมาช่วยกันใช้คีมตัดแม่กุญแจเข้าไปตรวจสอบภายจนพบศพ 2 สามีภรรยาตายสยองอยู่ในบ้านดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นายอนุวัฒน์ สุวรรณสกุล อายุ 42 ปี พี่ชาย นายอนุศักดิ์ เปิดเผยว่า น้องชายตนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำงานอะไร ทราบเพียงแต่ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบ และมีลูกหนี้ค้างชำระอยู่หลายสิบล้านบาทเท่านั้น ส่วนน้องสะใภ้ตน มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี บจก.ราชบุรีพาวเวอร์ ย่านสุขุมวิท 56 ซึ่งปกติแล้วตนจะไม่ค่อยเดินทางมาเยี่ยมทั้ง 2 คนบ่อยนัก จะใช้โทรศัพท์ติดต่อหากันมากกว่า และที่ผ่านมา น้องชายก็ไม่เคยเล่าปัญหาอะไรให้ฟัง มีแต่เคยโทรศัพท์ไปขอยืมเงินก้อนใหญ่จากตนเพื่อนำไปใช้หนี้ โดยทราบว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางธนาคารแห่งประเทศไทย จะคืนเงินที่อายัดไปจากน้องชาย จำนวน 5 ล้านบาทให้ ซึ่งน้องชายตนก็ไม่ได้เดินทางไปติดต่อขอรับคืนจนกระทั่งมีตำรวจโทร.ไปบอกว่ามีกลิ่นเหม็นโชยออกจากบ้านมาหลายวันแล้วตนจึงรีบเดินทางมาตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.อาจินต์ กล่าวว่า คนร้ายรายนี้ต้องเป็นคนรู้จักใกล้ชิดกับผู้ตายอย่างแน่นอน เนื่องจากสามารถเข้านอกออกในบ้านได้ จากการตรวจสอบภายในบ้านไม่พบว่ามีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด มีเพียงทรัพย์สินบางส่วนประกอบด้วย สร้อยคอทองคำ พระสมเด็จเกศไชโยเลี่ยมทอง อาวุธปืนขนาด .38 ม.ม.และอาวุธปืนออโตเมติก ไม่ทราบขนาด ของนายอนุศักดิ์หายไปเท่านั้นซึ่งจะต้องให้ญาติสนิทร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีสิ่งใดสูญหายเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เนื่องจากทราบว่านายอนุศักดิ์ สามารถหมุนเงินรายรับเข้ามาได้ถึงวันละหลายล้านบาท
“ตำรวจได้ตั้งปมสังหารเอาไว้หลายประเด็น โดยมีเรื่องธุรกิจเงินกู้ และธุรกิจนอกกฎหมาย เป็นประเด็นหลัก แต่จากการสอบถามญาติ และคนใกล้ชิดกับผู้ตายทั้ง 2 ราย ในเบื้องต้นทราบว่า ลูกหนี้ที่มากู้เงินส่วนใหญ่มีทั้งแบบให้กู้ปากเปล่า และ ทำสัญญากันไว้ ส่วนยอดเงินที่ผู้ตายปล่อยกู้ไปนั้นมีตั้งแต่จำนวนน้อย จนถึงหลักล้านบาทซึ่งตำรวจพบหลักฐานบัญชีรายชื่อลูกหนี้รายใหญ่อยู่ในบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 4-5 ราย ซึ่งหลังจากนี้ จะได้เชิญพยานแวดล้อมทั้งหมดไปสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสในการจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.อ.อาจินต์ กล่าว