คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
ก็ คริชติอาโน โรเนาโด ดันไปยุให้ การ์ลอช เครอซ มือขวาของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์เกิสซัน เข้ามาเป็นกุนซือทีมชาติโปรตุเกสคนใหม่แทน ลูอิส เฟลิเป สโกลารี ที่ย้ายไปคุมทีมเชลซีซะงั้น ทำให้ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด ต้องเตรียมหาใครมาทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชแทน แล้วหวยก็ไปออกที่ เอริก ก็องโตนา ศิลปินลูกหนังชาวฝรั่งเศสที่เลิกค้าแข้งไปตั้งแต่ปี 1997
ยิ่งฤดูกาลใหม่ใกล้จะเปิดฉาก การกลับสู่เกาะอังกฤษของ ก็องโตนา อดีตนักเตะที่เคยถูกคนฝรั่งเศสเองค่อนประเทศเหยียบย่ำ แต่กลับกลายมาเป็นขวัญใจแฟนบอลบนเกาะอังกฤษก็ยิ่งใกล้เป็นจริงขึ้นทุกวัน ก็องโตนา เคยผ่านงานโค้ชมาแล้ว พร้อมกับนำทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกในปี 2005 ซะด้วย ผมหมายถึงฟุตบอลชายหาดนะครับ
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน สุดยอดนักเตะแห่งศตวรรษของ แมนฯยู ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า เขาอยากเป็นโค้ชฟุตบอล 11 คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และก็จะต้องเป็นแน่นอน จะเป็นอย่างศิลปินที่สร้างสันสิ่งใหม่ๆให้กับวงการฟุตบอล ไอ้ที่ว่าจะทำเหมือนกับโค้ชทั่วๆไปที่ฝึกกันมา 3 สัปดาห์ที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ แกลร์ฟงแตน ละก็ อย่างนั้นไม่ต้องดีกว่า แล้วเขายังระบุชัดลงไปเลยว่า ทีมที่ต้องการเข้ามาร่วมงานด้วยคือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด หรือไม่งั้นก็ทีมชาติอังกฤษ เท่านั้น
เพื่อยืนยันความเป็น ศิลปิน ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจความคิดแหกๆของหมอนี่ ผมอยากจะเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่า ก็องโตนา เคยพูดว่า “ บางครั้งช่วงหนึ่งของชีวิตคนเราต้องผ่านประสบการณ์การมีอารมณ์ความรู้สึกที่แรงเหลือเกิน ยากที่จะใช้สมองตรึกตรองหรือใช้เหตุใช้ผล บางทีเราก็ต้องตกอยู่ในความรู้สึกอย่างนั้น ซึ่งผมคิดว่า ก็ต้องปล่อยมันออกมาเลย อันนี้ไม่จำเป็นจะต้องหมายความว่า จะกระทืบใคร แต่ไอ้พวกที่อวดฉลาดอยู่เรื่อย ผมไม่เคยเชื่อมันหรอก มีแต่จะทำเสียเส้น บางทีคุณไม่ต้องไปควบคุมอารมณ์หรอก ”
ก็องโตนา มักไม่ควบคุมอารมณ์จริงๆครับ ก่อนที่เราจะเห็นเขากระโดดถีบแฟนบอล คริสตัล พาเลซ ในปี 1995 เขาสร้างวีรกรรมมานับไม่ถ้วน อย่างเช่นในปี 1989 ตอนนั้นผมยังใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส เคยเห็นอยู่แมตช์หนึ่งที่เขาเล่นให้ทีมมงเปอลิเอ ( Montpellier ) ซึ่งวันนั้นแพ้คาบ้าน 0-1 เมื่อจบเกมขณะกำลังเดินลอดอุโมงค์เข้าห้องพักดีๆ ช็อง-โกลด เลอมู ( Jean-Claude Lemoult ) เพื่อนร่วมทีมพูดกับ ก็องโตนา ว่า ทีมเราบุกเป็นสิบๆครั้งไม่เห็นทำประตูได้เลย แต่พวกเขาบุกมาครั้งเดียวเท่านั้น เราถึงกับแพ้คาบ้าน เท่านั้นแหละ เสียงฝ่ามือ ก็องโตนา ตบเข้าที่กะโหลก เลอมู ดังลั่น จนเกิดการชุลมุนกันอยู่พักใหญ่
คนเป็นศิลปินมักมีอารมณ์เพี้ยนไปหน่อย เมื่อถูกถามว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งคือตอนไหน ก็องโตนาจัดแจงโยงกับเหตุการณ์ในปี 1995 ทันที เขาบอกว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมเหรอ ก็มีเยอะอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ที่ผมปลื้มมากสุดก็คือ ตอนไล่เตะไอ้แฟนบอลถ่อยไง และเมื่อถูกถามความเห็นว่า ซีเนดีน ซีดาน หรือ มิเชล ปลาตินี เป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของฝรั่งเศส ก็องโตนา ตอบว่า “ ไม่อ่ะ... ผมต่างหากล่ะ ”
ก็องโตนา พูดอยู่เสมอว่า “ ข้าคือพระเจ้า ” แล้วเขาก็พูดถึง จอร์จ เบสท์ อดีตสุดยอดปีกปีศาจแดงซึ่งล่วงลับไปแล้วว่า “ หลังจากขึ้นไปซ้อมบอลบนสวรรค์แค่แปล๊บเดียว จอร์จ เบสท์ จะได้ลงเล่นในตำแหน่งถนัดของเขาคือ ปีกขวา แล้วเขาจะทำเอา พระเจ้า ที่ยืนเป็น แบ็คซ้าย หัวหมุนแน่ หมอนี่เตะลอดดากพระเจ้า แล้วซัดประตูสุดสวยจากระยะ 30 หลา โอย...ผมอยากให้เขากันที่ในทีมเอาไว้ให้ผมด้วย... จอร์จ เบสท์นะ ไม่ใช่พระเจ้า ”
ก็องโตนา ได้รับเลือกจาก เปเล่ อดีตราชาลูกหนังชาวบราซิว ให้เป็น 1 ใน FIFA 100 ด้วย คือในปี 2004 เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา มีอายุครบ 100 ปี เขาจัดงานฉลองที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ก่อนหน้านั้น ทาง ฟีฟา ได้มอบหมายให้ เปเล่ คัดเลือกสุดยอดนักเตะมาซัก 100 คน เพื่อประกาศเป็นเกียรติในงานดังกล่าว ให้ตัวเลขมันสวยๆ เข้ากับบรรยากาศครบรอบ 100 ปี เอาที่ยังมีชีวิตอยู่นะครับ แบ่งเป็นพวกที่ยังเล่นอยู่ 50 คน พวกที่แขวนสตั๊ดไปแล้วอีก 50 คน แต่เอาเข้าจริงๆ เปเล่ บอกว่าไอ้ที่เลิกเล่นไปแล้วนั้น มันเลือกยาก เพราะฝีเท้าพวกนี้ขั้นเทพทั้งนั้น ผลสุดท้ายจึงมีพวกเกษียณไปแล้วถึง 75 คน รวมเป็น 125 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีนักฟุตบอลหญิงรวมอยู่ด้วย 2 คนคือ มิเชล เอเคอร์ส กับ มิอา แฮม จากสหรัฐฯ
เมื่อได้รับเลือก ก็ต้องไปถ่ายรูปเอาไว้โชว์ในงาน แล้วก็เนื่องจากหมอนี่เป็นนักเตะหัวใจศิลปิน ดังนั้น หากจะสวมชุดสุดหล่อให้ถ่ายรูป มันก็คงธรรมดาเกินไป ก็องโตนา จัดแจงถอดเสื้อออก แล้วเอามาร์กเกอร์มาเขียนที่หน้าอกและท้องเป็นข้อความว่า “ You play to fight the idea of losing ” นั่นเป็นคติประจำใจที่เขาออกมาเปิดเผยว่า “ I don't play against a particular team. I play against the idea of losing. ” แปลเป็นไทยคงได้ความหมายประมาณว่า “ ตอนผมเล่นบอล ผมไม่ได้กำลังสู้กับทีมไหนหรอก แต่ผมกำลังสู้กับความคิดที่จะยอมแพ้ ”
ผมว่า ถ้าคิดในแง่ธุรกิจ แมนฯยู ก็ควรจ้าง ก็องโตนา มาช่วยท่านเซอร์ แล้วคอยดูเถอะ นอกจากเสื้อนักเตะที่ขายดีกันอยู่ทั่วไปแล้ว คราวนี้เสื้อโค้ชยังขายได้อีก
ก็ คริชติอาโน โรเนาโด ดันไปยุให้ การ์ลอช เครอซ มือขวาของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์เกิสซัน เข้ามาเป็นกุนซือทีมชาติโปรตุเกสคนใหม่แทน ลูอิส เฟลิเป สโกลารี ที่ย้ายไปคุมทีมเชลซีซะงั้น ทำให้ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด ต้องเตรียมหาใครมาทำหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชแทน แล้วหวยก็ไปออกที่ เอริก ก็องโตนา ศิลปินลูกหนังชาวฝรั่งเศสที่เลิกค้าแข้งไปตั้งแต่ปี 1997
ยิ่งฤดูกาลใหม่ใกล้จะเปิดฉาก การกลับสู่เกาะอังกฤษของ ก็องโตนา อดีตนักเตะที่เคยถูกคนฝรั่งเศสเองค่อนประเทศเหยียบย่ำ แต่กลับกลายมาเป็นขวัญใจแฟนบอลบนเกาะอังกฤษก็ยิ่งใกล้เป็นจริงขึ้นทุกวัน ก็องโตนา เคยผ่านงานโค้ชมาแล้ว พร้อมกับนำทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกในปี 2005 ซะด้วย ผมหมายถึงฟุตบอลชายหาดนะครับ
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน สุดยอดนักเตะแห่งศตวรรษของ แมนฯยู ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า เขาอยากเป็นโค้ชฟุตบอล 11 คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และก็จะต้องเป็นแน่นอน จะเป็นอย่างศิลปินที่สร้างสันสิ่งใหม่ๆให้กับวงการฟุตบอล ไอ้ที่ว่าจะทำเหมือนกับโค้ชทั่วๆไปที่ฝึกกันมา 3 สัปดาห์ที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ แกลร์ฟงแตน ละก็ อย่างนั้นไม่ต้องดีกว่า แล้วเขายังระบุชัดลงไปเลยว่า ทีมที่ต้องการเข้ามาร่วมงานด้วยคือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด หรือไม่งั้นก็ทีมชาติอังกฤษ เท่านั้น
เพื่อยืนยันความเป็น ศิลปิน ยากที่คนทั่วไปจะเข้าใจความคิดแหกๆของหมอนี่ ผมอยากจะเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่า ก็องโตนา เคยพูดว่า “ บางครั้งช่วงหนึ่งของชีวิตคนเราต้องผ่านประสบการณ์การมีอารมณ์ความรู้สึกที่แรงเหลือเกิน ยากที่จะใช้สมองตรึกตรองหรือใช้เหตุใช้ผล บางทีเราก็ต้องตกอยู่ในความรู้สึกอย่างนั้น ซึ่งผมคิดว่า ก็ต้องปล่อยมันออกมาเลย อันนี้ไม่จำเป็นจะต้องหมายความว่า จะกระทืบใคร แต่ไอ้พวกที่อวดฉลาดอยู่เรื่อย ผมไม่เคยเชื่อมันหรอก มีแต่จะทำเสียเส้น บางทีคุณไม่ต้องไปควบคุมอารมณ์หรอก ”
ก็องโตนา มักไม่ควบคุมอารมณ์จริงๆครับ ก่อนที่เราจะเห็นเขากระโดดถีบแฟนบอล คริสตัล พาเลซ ในปี 1995 เขาสร้างวีรกรรมมานับไม่ถ้วน อย่างเช่นในปี 1989 ตอนนั้นผมยังใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส เคยเห็นอยู่แมตช์หนึ่งที่เขาเล่นให้ทีมมงเปอลิเอ ( Montpellier ) ซึ่งวันนั้นแพ้คาบ้าน 0-1 เมื่อจบเกมขณะกำลังเดินลอดอุโมงค์เข้าห้องพักดีๆ ช็อง-โกลด เลอมู ( Jean-Claude Lemoult ) เพื่อนร่วมทีมพูดกับ ก็องโตนา ว่า ทีมเราบุกเป็นสิบๆครั้งไม่เห็นทำประตูได้เลย แต่พวกเขาบุกมาครั้งเดียวเท่านั้น เราถึงกับแพ้คาบ้าน เท่านั้นแหละ เสียงฝ่ามือ ก็องโตนา ตบเข้าที่กะโหลก เลอมู ดังลั่น จนเกิดการชุลมุนกันอยู่พักใหญ่
คนเป็นศิลปินมักมีอารมณ์เพี้ยนไปหน่อย เมื่อถูกถามว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งคือตอนไหน ก็องโตนาจัดแจงโยงกับเหตุการณ์ในปี 1995 ทันที เขาบอกว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมเหรอ ก็มีเยอะอยู่หรอกนะ แต่ไอ้ที่ผมปลื้มมากสุดก็คือ ตอนไล่เตะไอ้แฟนบอลถ่อยไง และเมื่อถูกถามความเห็นว่า ซีเนดีน ซีดาน หรือ มิเชล ปลาตินี เป็นนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของฝรั่งเศส ก็องโตนา ตอบว่า “ ไม่อ่ะ... ผมต่างหากล่ะ ”
ก็องโตนา พูดอยู่เสมอว่า “ ข้าคือพระเจ้า ” แล้วเขาก็พูดถึง จอร์จ เบสท์ อดีตสุดยอดปีกปีศาจแดงซึ่งล่วงลับไปแล้วว่า “ หลังจากขึ้นไปซ้อมบอลบนสวรรค์แค่แปล๊บเดียว จอร์จ เบสท์ จะได้ลงเล่นในตำแหน่งถนัดของเขาคือ ปีกขวา แล้วเขาจะทำเอา พระเจ้า ที่ยืนเป็น แบ็คซ้าย หัวหมุนแน่ หมอนี่เตะลอดดากพระเจ้า แล้วซัดประตูสุดสวยจากระยะ 30 หลา โอย...ผมอยากให้เขากันที่ในทีมเอาไว้ให้ผมด้วย... จอร์จ เบสท์นะ ไม่ใช่พระเจ้า ”
ก็องโตนา ได้รับเลือกจาก เปเล่ อดีตราชาลูกหนังชาวบราซิว ให้เป็น 1 ใน FIFA 100 ด้วย คือในปี 2004 เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา มีอายุครบ 100 ปี เขาจัดงานฉลองที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ก่อนหน้านั้น ทาง ฟีฟา ได้มอบหมายให้ เปเล่ คัดเลือกสุดยอดนักเตะมาซัก 100 คน เพื่อประกาศเป็นเกียรติในงานดังกล่าว ให้ตัวเลขมันสวยๆ เข้ากับบรรยากาศครบรอบ 100 ปี เอาที่ยังมีชีวิตอยู่นะครับ แบ่งเป็นพวกที่ยังเล่นอยู่ 50 คน พวกที่แขวนสตั๊ดไปแล้วอีก 50 คน แต่เอาเข้าจริงๆ เปเล่ บอกว่าไอ้ที่เลิกเล่นไปแล้วนั้น มันเลือกยาก เพราะฝีเท้าพวกนี้ขั้นเทพทั้งนั้น ผลสุดท้ายจึงมีพวกเกษียณไปแล้วถึง 75 คน รวมเป็น 125 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีนักฟุตบอลหญิงรวมอยู่ด้วย 2 คนคือ มิเชล เอเคอร์ส กับ มิอา แฮม จากสหรัฐฯ
เมื่อได้รับเลือก ก็ต้องไปถ่ายรูปเอาไว้โชว์ในงาน แล้วก็เนื่องจากหมอนี่เป็นนักเตะหัวใจศิลปิน ดังนั้น หากจะสวมชุดสุดหล่อให้ถ่ายรูป มันก็คงธรรมดาเกินไป ก็องโตนา จัดแจงถอดเสื้อออก แล้วเอามาร์กเกอร์มาเขียนที่หน้าอกและท้องเป็นข้อความว่า “ You play to fight the idea of losing ” นั่นเป็นคติประจำใจที่เขาออกมาเปิดเผยว่า “ I don't play against a particular team. I play against the idea of losing. ” แปลเป็นไทยคงได้ความหมายประมาณว่า “ ตอนผมเล่นบอล ผมไม่ได้กำลังสู้กับทีมไหนหรอก แต่ผมกำลังสู้กับความคิดที่จะยอมแพ้ ”
ผมว่า ถ้าคิดในแง่ธุรกิจ แมนฯยู ก็ควรจ้าง ก็องโตนา มาช่วยท่านเซอร์ แล้วคอยดูเถอะ นอกจากเสื้อนักเตะที่ขายดีกันอยู่ทั่วไปแล้ว คราวนี้เสื้อโค้ชยังขายได้อีก
