เฟอร์นันโด ตอร์เรส ซัดประตูชัยให้ทีม “กระทิงดุ” สเปน เอาชนะ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ไปได้ 1-0 พร้อมกับคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ในเกมนัดชิงชนะเลิศของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 นัดชิงชนะเลิศ
เยอรมนี 0 – 1 สเปน
หลังการฟาดแข้งกว่าสามสัปดาห์ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 ก็ดำเนินมาถึงเกมนัดชิงชนะเลิศแล้ว โดยเป็นการพบกันระหว่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ปะทะแข้งกับ “กระทิงดุ” สเปน ลงแข่งกันที่สนาม แอร์นท ฮัปเปิล สตาดิโอน กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
“อินทรีเหล็ก” เยอรมนีไล่ล่าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 4 ของทีมโดยนัดนี้ ลูกทีมของ โยอาคิม เลิฟ ยังอยู่กันพร้อมหน้าแม้ก่อนเกมจะมีรายงานข่าวว่า มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีมได้รับบาดเจ็บจนอาจจะลงไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วดาวเตะเชลซีก็ไม่มีปัญหาผ่านการทดสอบความฟิตลงมาช่วยทีมได้ ขณะที่ “กระทิงดุ” สเปน ของ หลุยส์ อราโกเนส อดใช้งาน ดาวิด บีย่า ดาวยิงตัวเก่งที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ตัวสำรองอย่าง เชส ฟาเบรกาส ก็สามารถลงมาทดแทนได้อย่างไม่มีปัญหา พร้อมเต็มที่สำหรับการลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่สอง
เกมครึ่งแรก รูปเกมของเยอรมนีทำได้ดีกว่าในช่วงต้นมีโอกาสเปิดบอลเข้ามาจากด้านข้าง 2-3 ครั้งขณะที่กองกลางของสเปนยังไม่สามารถต่อบอลเพื่อทำเกมบุกได้เลย เกมมาถึงนาทีที่ 8 มีจังหวะลุ้นทำประตูครั้งแรกของเกมเมื่อ ฮิตเซิลแบร์เกอร์ ได้ยิงไกลนอกกรอบ แต่บอลเบาเกินไป คาซิยาส รับสบาย แต่อีกห้านาทีถัดมา สเปนมีโอกาสทำประตูขึ้นนำบ้าง เมื่อทีมต่อบอลกันขึ้นมาถึงเขตโทษของเยอรมนี ก่อนจะเป็น ชาบี เปิดจากด้านข้างเข้าไปในเขตโทษ บอลพุ่งไปโดน มาเตซัคเกอร์ กองหลังเยอรมัน บอลเปลี่ยนทางแต่โชคดีที่ เลห์มันน์ พุ่งปัดออกไปได้ทัน
เกมผ่าน 15 นาทีแรก สเปนเริ่มครองเกมบุกอย่างต่อเนื่องกลายเป็นเยอรมนีที่ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับบ้าง เมื่อถึงนาทีที่ 22 เฟอร์นันโด ตอร์เรส เกือบทำประตูให้ทีมขึ้นนำหลังได้โหม่งในเขตโทษแต่บอลพุ่งไปชนโคนเสากระดอนออกมา เยอรมนีรอดการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
เกมผ่านครึ่งชั่วโมง เชส ฟาเบรกาส ได้โอกาสยิงจากนอกเขตโทษแต่บอลเบาเกินไปไม่ผ่านมือ เลห์มันน์ แต่ในที่สุด สเปน ก็ทำประตูขึ้นนำจนได้ในอีกสองนาทีต่อมา เมื่อเพื่อนแทงทะลุช่องให้ ตอร์เรส วิ่งไปดีดบอลข้ามตัว เลห์มัน เข้าไป ทีมกระทิงดุขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้น เยอรมนี พยายามบุกเพื่อทวงประตูคืนขณะที่ กระทิงดุรออาศัยจังหวะโต้กลับแต่ทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูกันได้อีก จบครึ่งแรกสเปนนำ 1-0
เกมครึ่งหลัง เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 53 สเปนได้โอกาสทำประตูหนีห่างไปอีกครั้งเมื่อ ตอร์เรส ส่งบอล ให้ ชาบี ง้างเท้ายิงจากนอกกรอบเขตโทษให้ เลห์มันน์ ออกแรงฟุ่งปัดออกไป เยอรมนีมาได้โอกาสทำประตูตีเสมออย่างชัดเจนในนาทีที่ 59 เมื่อ ชไวน์สไตเกอร์ ชิ่งบอลคืนมาให้ บัลลัค วอลเลย์ตรงมุมเขตโทษแต่บอลยังไม่ตรงกรอบประตู
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง เซอร์คิโอ รามอส พลาดทำประตูหนีห่างให้ สเปน เมื่อได้โหม่งบอลจากการเปิดฟรีคิกโล่งๆ แต่ถูก เยนส์ เลห์มันน์ ปัดข้ามคานไปได้ ก่อนที่จังหวะเตะมุมเข้ามา อินิเอสตา ได้ซัดเต็มๆเสาแรกแต่ไม่ผ่าน ทอร์สเท่น ฟริงก์ ที่ยืนคุมเสาอยู่สกัดทิ้งไปได้ หลังจากนั้น สเปน ยังทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องขณะที่ เยอรมนี ยังหาโอกาสทำประตูตีเสมอไม่ได้
เข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย เยอรมัน พยายามแก้เกมด้วยการส่งกองหน้าอย่าง มาริโอ โกเมส ลงมาเพื่อหวังจะให้รูปเกมเปลี่ยนไปเนื่องจากตกไปฝ่ายตั้งรับตลอดแต่ก็แก้เกมของทีมให้ดีขึ้นไม่ได้ ขณะที่ สเปน ยังทำเกมรุกเข้าใส่ตลอดและมีโอกาสทำประตูหนีห่างหลายจังหวะแต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้อีก จบ 90 นาที สเปนชนะ 1-0 คว้าแชมป์มาครอง
“กระทิงดุ” สเปน คว้าตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 การคว้าแชมป์คราวนี้เป็นสมัยที่ 2 ของพวกเขาหลังจากทำได้สำเร็จเมื่อ 1964 ที่ประเทศตัวเองเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เป็นรองแชมป์ครั้งที่ 3 ของพวกเขา
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เยอรมนี : เยนส์ เลห์มันน์ , อาร์เน ฟรีดริช , แพร์ มาเตซัคเกอร์ , คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ , ฟิลิปป์ ลาห์ม , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ , ทอร์สเท่น ฟริงก์ , มิชาเอล บัลลัค , โธมัส ฮิตเซิลแบร์เกอร์ , ลูคัส โพดัลสกี , มิโรสลาฟ โคลเซ่
สเปน : อีเคร์ คาซิยาส , เซอร์คิโอ รามอส , คาร์เลส ปูโยล , คาร์ลอส มาร์เชนา , โจน คัพเดบีย่า , มาร์กอส เซนน่า , อันเดรส อินิเอสตา, ชาบี , เชส ฟาเบรกาส , ดาวิด ซิลบา , เฟอร์นันโด ตอร์เรส
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 นัดชิงชนะเลิศ
เยอรมนี 0 – 1 สเปน
หลังการฟาดแข้งกว่าสามสัปดาห์ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 ก็ดำเนินมาถึงเกมนัดชิงชนะเลิศแล้ว โดยเป็นการพบกันระหว่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ปะทะแข้งกับ “กระทิงดุ” สเปน ลงแข่งกันที่สนาม แอร์นท ฮัปเปิล สตาดิโอน กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
“อินทรีเหล็ก” เยอรมนีไล่ล่าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 4 ของทีมโดยนัดนี้ ลูกทีมของ โยอาคิม เลิฟ ยังอยู่กันพร้อมหน้าแม้ก่อนเกมจะมีรายงานข่าวว่า มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีมได้รับบาดเจ็บจนอาจจะลงไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วดาวเตะเชลซีก็ไม่มีปัญหาผ่านการทดสอบความฟิตลงมาช่วยทีมได้ ขณะที่ “กระทิงดุ” สเปน ของ หลุยส์ อราโกเนส อดใช้งาน ดาวิด บีย่า ดาวยิงตัวเก่งที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ตัวสำรองอย่าง เชส ฟาเบรกาส ก็สามารถลงมาทดแทนได้อย่างไม่มีปัญหา พร้อมเต็มที่สำหรับการลุ้นแชมป์ยุโรปสมัยที่สอง
เกมครึ่งแรก รูปเกมของเยอรมนีทำได้ดีกว่าในช่วงต้นมีโอกาสเปิดบอลเข้ามาจากด้านข้าง 2-3 ครั้งขณะที่กองกลางของสเปนยังไม่สามารถต่อบอลเพื่อทำเกมบุกได้เลย เกมมาถึงนาทีที่ 8 มีจังหวะลุ้นทำประตูครั้งแรกของเกมเมื่อ ฮิตเซิลแบร์เกอร์ ได้ยิงไกลนอกกรอบ แต่บอลเบาเกินไป คาซิยาส รับสบาย แต่อีกห้านาทีถัดมา สเปนมีโอกาสทำประตูขึ้นนำบ้าง เมื่อทีมต่อบอลกันขึ้นมาถึงเขตโทษของเยอรมนี ก่อนจะเป็น ชาบี เปิดจากด้านข้างเข้าไปในเขตโทษ บอลพุ่งไปโดน มาเตซัคเกอร์ กองหลังเยอรมัน บอลเปลี่ยนทางแต่โชคดีที่ เลห์มันน์ พุ่งปัดออกไปได้ทัน
เกมผ่าน 15 นาทีแรก สเปนเริ่มครองเกมบุกอย่างต่อเนื่องกลายเป็นเยอรมนีที่ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับบ้าง เมื่อถึงนาทีที่ 22 เฟอร์นันโด ตอร์เรส เกือบทำประตูให้ทีมขึ้นนำหลังได้โหม่งในเขตโทษแต่บอลพุ่งไปชนโคนเสากระดอนออกมา เยอรมนีรอดการเสียประตูอย่างหวุดหวิด
เกมผ่านครึ่งชั่วโมง เชส ฟาเบรกาส ได้โอกาสยิงจากนอกเขตโทษแต่บอลเบาเกินไปไม่ผ่านมือ เลห์มันน์ แต่ในที่สุด สเปน ก็ทำประตูขึ้นนำจนได้ในอีกสองนาทีต่อมา เมื่อเพื่อนแทงทะลุช่องให้ ตอร์เรส วิ่งไปดีดบอลข้ามตัว เลห์มัน เข้าไป ทีมกระทิงดุขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้น เยอรมนี พยายามบุกเพื่อทวงประตูคืนขณะที่ กระทิงดุรออาศัยจังหวะโต้กลับแต่ทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำประตูกันได้อีก จบครึ่งแรกสเปนนำ 1-0
เกมครึ่งหลัง เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 53 สเปนได้โอกาสทำประตูหนีห่างไปอีกครั้งเมื่อ ตอร์เรส ส่งบอล ให้ ชาบี ง้างเท้ายิงจากนอกกรอบเขตโทษให้ เลห์มันน์ ออกแรงฟุ่งปัดออกไป เยอรมนีมาได้โอกาสทำประตูตีเสมออย่างชัดเจนในนาทีที่ 59 เมื่อ ชไวน์สไตเกอร์ ชิ่งบอลคืนมาให้ บัลลัค วอลเลย์ตรงมุมเขตโทษแต่บอลยังไม่ตรงกรอบประตู
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง เซอร์คิโอ รามอส พลาดทำประตูหนีห่างให้ สเปน เมื่อได้โหม่งบอลจากการเปิดฟรีคิกโล่งๆ แต่ถูก เยนส์ เลห์มันน์ ปัดข้ามคานไปได้ ก่อนที่จังหวะเตะมุมเข้ามา อินิเอสตา ได้ซัดเต็มๆเสาแรกแต่ไม่ผ่าน ทอร์สเท่น ฟริงก์ ที่ยืนคุมเสาอยู่สกัดทิ้งไปได้ หลังจากนั้น สเปน ยังทำเกมบุกอย่างต่อเนื่องขณะที่ เยอรมนี ยังหาโอกาสทำประตูตีเสมอไม่ได้
เข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย เยอรมัน พยายามแก้เกมด้วยการส่งกองหน้าอย่าง มาริโอ โกเมส ลงมาเพื่อหวังจะให้รูปเกมเปลี่ยนไปเนื่องจากตกไปฝ่ายตั้งรับตลอดแต่ก็แก้เกมของทีมให้ดีขึ้นไม่ได้ ขณะที่ สเปน ยังทำเกมรุกเข้าใส่ตลอดและมีโอกาสทำประตูหนีห่างหลายจังหวะแต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้อีก จบ 90 นาที สเปนชนะ 1-0 คว้าแชมป์มาครอง
“กระทิงดุ” สเปน คว้าตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 การคว้าแชมป์คราวนี้เป็นสมัยที่ 2 ของพวกเขาหลังจากทำได้สำเร็จเมื่อ 1964 ที่ประเทศตัวเองเป็นเจ้าภาพ ขณะที่ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี เป็นรองแชมป์ครั้งที่ 3 ของพวกเขา
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เยอรมนี : เยนส์ เลห์มันน์ , อาร์เน ฟรีดริช , แพร์ มาเตซัคเกอร์ , คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ , ฟิลิปป์ ลาห์ม , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ , ทอร์สเท่น ฟริงก์ , มิชาเอล บัลลัค , โธมัส ฮิตเซิลแบร์เกอร์ , ลูคัส โพดัลสกี , มิโรสลาฟ โคลเซ่
สเปน : อีเคร์ คาซิยาส , เซอร์คิโอ รามอส , คาร์เลส ปูโยล , คาร์ลอส มาร์เชนา , โจน คัพเดบีย่า , มาร์กอส เซนน่า , อันเดรส อินิเอสตา, ชาบี , เชส ฟาเบรกาส , ดาวิด ซิลบา , เฟอร์นันโด ตอร์เรส