ฟาติห์ เตริม กุนซือ “ไก่งวง” ตุรกี ออกมากล่าวภายหลังจบเกมว่า ชัยชนะของทีมในนัดนี้จะถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศชาติเลยทีเดียว ด้าน สลาเวน บิลิช โค้ช “หมากรุก” โครเอเชีย ยอมรับว่าการพ่ายแพ้จะเป็นบาดแผลที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขาอีกนานทีเดียว
เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่ที่สองของศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 ระหว่าง ตุรกี ปะทะกับ โครเอเชีย ผลปรากฏว่า ทีมไก่งวงเอาชนะการดวลจุดโทษไป 3-1 หลังจากเกม 120 นาทีที่มีการต่อเวลากัน ทั้งสองทีมเสมอ 1-1 โดย ทีมตราหมากรุก มีโอกาสคว้าชัยชนะในช่วงของการต่อเวลาหลังจากที่ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ก่อนหมดครึ่งหลังของการต่อเวลาสองนาที จากการยิงของ อีวาน คลาสนิค แต่เรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นหลังจากเขี่ยลูกหนึ่งนาที ตุรกี ก็มาตามตีเสมอได้จากการยิงของ เซมิฮ์ เซนเติร์ก ให้ทีมไก่งวงตีเสมอ 1-1 จะกระทั่งเข้าไปดวลจุดโทษกัน
ฟาติห์ เตริม กล่าวภายหลังจบเกมว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมที่ผ่านมามันคือประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำของประเทศเรา นับจากนี้ เราสามารถภาคภูมิใจได้ว่าเราเป็นมหาอำนาจลูกหนังทีมหนึ่งในโลก ชาวตุรกีปลามปลื้มกับผลงานของทีมได้เลย ถ้าหากแฟนบอลภูมิใจกับนักเตะ แน่นอนว่านักเตะก็ภูมิใจที่มีแฟนบอลอย่างพวกคุณเช่นกัน"
ด้าน สลาเวน บิลิช ผู้ปราชัยกล่าวว่า นเป็นเกมที่เหลือเชื่อมากนี่แหละคือเสน่ห์ของฟุตบอลที่ทำให้มันเป็นที่รักของคนทั่วโลก ผมยินดีด้วยกับชัยชนะของตุรกี แต่น่าเสียดายจริง เรามีโอกาสที่จะเอาชนะพวกเขาได้ สำหรับช่วงสองนาทีสุดท้าย ผมบรรยายความรู้สึกไม่ถูกเลย อยู่ดีๆเราก็ได้ประตูขึ้นนำ แล้วพวกเขาก็ตีเสมอได้ แล้วสุดท้ายก็เข้าไปสู่การยิงลูกจุดโทษ" "การพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นความเจ็บปวดที่จะบาดจิตใจผมไปอีกนานเลยละ"
“ไก่งวง” ตุรกี ผู้ชนะของเกมนี้ เข้าไปพบกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่ไปรออยู่แล้วในรอบรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป(ยูโร) 2008 ในวันที่ 25 มิถุนายนนี้ต่อไป