นับตั้งแต่ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปได้ฤกษ์เปิดฉากขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อที่ประเทศฝรั่งเศสในปี 1960 มีเรื่องราวต่างๆอันเป็นสถิติตัวเลขเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งก่อนที่สถิติบางอย่างจะถูกทำลายลงในยูโรครั้งนี้ ลองไปดูกันว่าในรอบ 48 ปี ของประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร ตัวเลขเหล่านี้มีความสำคัญอย่างไรกันบ้าง
1 : กุส ฮิดดิงค์ กุนซือชาวดัชต์เป็นกุนซือคนแรกและคนเดียวในศึกยูโรรอบสุดท้าย ที่เคยคุมทีมมากกว่า 1 ชาติเข้าร่วมการแข่งขัน โดยกุนซือจอมแท็กติก คุมทีมชาติฮอลแลนด์ เข้าร่วมศึกยูโร 96 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ และครั้งนี้ในศึกยูโร 2008 กับภารกิจคุมทีมชาติรัสเซีย
3 ครั้งไม่มีพลาดของเช็ก : สาธารณรัฐเช็กเป็นทีมที่มีสถิติการเอาชนะคู่แข่งจากการด้วยจุดโทษมากที่สุด โดยผ่านการยิงลูกโทษตัดสินมา 3 ครั้ง(สมัยเป็นเช็กโกสโลวาเกีย 2 ครั้ง) และคว้าชัยชนะได้ทุกครั้ง มิหนำซ้ำยังไม่เคยยิงพลาดแม้แต่ลูกเดียว
4 เส้า : ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในยุคเริ่มต้นนับว่าเงียบเหงาพอสมควร เนื่องจากมีชาติที่เข้าร่วมแข่งขันในรอบสุดท้ายเพียง 4 ชาติเท่านั้น ตั้งแต่ครั้งแรกในปี 1960 จนมาถึงปี 1980 ถึงมีการปรับรูปแบบเป็นระบบ 8 ทีม ก่อนที่ตั้งแต่ยูโร 1996 เป็นต้นมา จึงปรับรูปแบบมาเป็นระบบ 16 ทีม ในรอบสุดท้ายจนถึงทุกวันนี้
6 นัดของเยอรมัน : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าชัยชนะของทีมอินทรีเหล็กที่มีเหนือโปแลนด์ในนัดแรกของของศึกยูโร 2008 ครั้งนี้ จะเป็นเพียงชัยชนะนัดแรก ในยูโรรอบสุดท้าย นับจากที่พวกเขาคว้าแชมป์ยูโร 1996 ได้สำเร็จ โดยเยอรมันไม่สามารถเอาชนะทีมใดได้เลยตลอด 6 นัด ในยูโรรอบสุดท้าย 2 ครั้งล่าสุด
6 นัดของราชาเกมรับ - อิตาลีทีมแชมป์ยูโร 1 สมัย ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นเกมรับมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ครองสถิติมีผลการแข่งขันแบบไร้สกอร์ (0-0) มากที่สุด ในศึกยูโรรอบสุดท้าย โดยขุนพล"อัซซูรี"เสมอ 0-0 กับคู่แข่งไปถึง 6 นัด
6 นัดไร้ชัย : สวิตเซอร์แลนด์ เจ้าภาพร่วมประจำศึกยูโร 2008 ครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งทีมที่มีสถิติย่ำแย่มากที่สุด ด้วยการลงเล่นในรอบสุดท้าย(นับก่อนยูโร 2008) มาแล้ว 6นัด ไม่เคยชนะทีมใดเลย โดยเสมอ 2นัด และแพ้ไปถึง 4 นัด ตกรอบแรกไปตามระเบียบ เช่นเดียวกับในยูโรครั้งนี้ขุนพลแดนนาฬิกา ลงสนามไปแล้ว 2 นัด และแพ้ 2นัดรวด ตกรอบแรกอีกเช่นเคย (ยังดีที่นัดสุดท้าย สวิตเซอร์แลนด์ กู้หน้าคว่ำโปรตุเกส หยุดสถิติอันเลวร้ายไปได้เรียบร้อย)
6-1 ยิงกระจาย - สกอร์ 6 ประตูต่อ 1 เป็นผลการแข่งขันที่มีการทำประตูรวมกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลชิงแชมป์แหงชาติยุโรป โดยนัดดังกล่าวเป็นการพบกันระหว่าง ฮอลแลนด์ กับ ยูโกสลาเวีย ในยูโร 2000 ซึ่งผลปรากฏว่าทีม"อัศวินสีส้ม"ถล่มขุนพลเซิร์บไปแบบขาดลอย โดยแพทริก ไคลเวิร์ต เป็นผู้ที่ทำแฮตทริกได้ในเกมดังกล่าวได้ด้วย
7 เกมของลาเกอร์บัค : ลาร์ส ลาเกอร์บัค กุนซือทีมชาติสวีเดนนับเป็นกุนซือที่คุมทีมลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยูโรรอบสุดท้ายมากที่สุด โดยคุมทีม"ไวกิง"ลงสนามในยูโรมาแล้ว 7 เกม และจะเพิ่มเป็น 10 เป็นอย่างน้อย กับ 3 นัดในรอบแรกของยูโรครั้งนี้
9 ประตูอมตะของนโปเลียน : ยังคงเป็นสถิติตลอดกาลอยู่จนทุกวันนี้สำหรับตำแหน่งดาวซัลโวประจำทัวนาเมนต์ของ มิเชล พลาตินี จอมทีพทีมชาติฝรั่งเศส ที่นำทีม"ตราไก่"ทะลุไปคว้าถ้วยอองรี เดอ ลาเน ได้ในยูโรปี 1984 ด้วยการซัดไปคนเดียวถึง 9 ประตู
10 นัดของโรมาเนีย : ทีม"ผีดิบ"โรมาเนีย เก็บชัยชนะได้เพียง 1 เกม หลังจากลงเล่นในศึกยูโรรอบสุดท้ายมาทั้งหมด 10 นัด ซึ่งนัดเดียวของพวกเขาก็คือการเอาชนะทีมชาติอังกฤษในศึกยูโร 2000 ด้วยสกอร์ 2-0 พร้อมส่งทีม"สิงโตคำราม"ตกรอบแรกในทัวร์นาเมนต์นั้น
10 คนจาก 1 สโมสร : สโมสรโอลิมปิก ลียง จากฝรั่งเศส และพานาติไนกอส จากกรีซ เป็นทีมที่มีนักเตะในสังกัดเข้าร่วมศึกยูโร 2008 มากที่สุด ถึง 10 คน
10 ประตูของดูดู้ : เอดูอาร์โด ดา ซิลวา กองหน้าทีมชาติโครเอเชียของอาร์เซนอล เป็นนักเตะที่ยิงประตูในรอบคัดเลือกได้มากที่สุดถึง 10 ประตู แต่ทว่ากลับต้องโชคร้ายพลาดเข้าร่วมยูโร 2008 รอบสุดท้ายหลังจากขาหักในเดือนกุมภาพันธ์
39 ยังแจ๋ว : โลธาร์ มัทเธอุส ฝืนสังขารของตัวเองลงเล่นฟุตบอลรายการใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิต ในศึกยูโร 2000 ที่ฮอลแลนด์และเบลเยียมร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ด้วยวัย 39 ปี 2 เดือน กับอีก 30 วัน ในนัดที่พ่ายโปรตุเกสไปยับเยิน 0-3 นับเป็นสถิตินักเตะที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยูโร
55 จากเมืองเบียร์ : ทัพนักเตะจากลีกบุนเดสลีกา เยอรมัน ถือเป็นชนกลุ่มใหญ่อย่างแท้จริงในยูโรครั้งนี้ เพราะ 356 นักเตะจาก 16 ชาติที่เข้าร่วมโม้แข้งในครั้งนี้ปรากฎว่า มีนักเตะจากลีกเมืองเบียร์ส่งเข้าประกวดมากที่สุดถึง 55 คน นอกจากนี้ยังมีอีก 2 คนที่เล่นอยู่ในลีกาสอง