ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 ได้ฤกษ์ระเบิดแข้งในวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายนนี้ ใครที่อยากเห็นฟอร์มของเต็งจ๋าอย่าง เยอรมนี อดีตแชมป์ 3 สมัย หรือแชมป์โลก อิตาลี ที่เปลี่ยนรูปโฉมทีมไปพอสมควร ต้องอดใจรอก่อน เพราะเป็นเกมใน กลุ่ม เอ เจ้าภาพร่วม สวิตเซอร์แลนด์ จะพบกับ สาธารณรัฐเช็ก ในเวลา 5 ทุ่ม ส่วนตี 01.45 น.ห้ามพลาดดูเกมรุกของ โปรตุเกส ว่าจะเจาะ ตุรกี เข้าหรือไม่
สวิตเซอร์แลนด์ VS เช็ก - ที่สนาม เซนต์ จาค็อบ-ปาร์ค เมืองบาเซิล
สวิตเซอร์แลนด์ หนึ่งในเจ้าภาพร่วม ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ต่อจากปี 2000 ที่มีหน้าเสื่อ คือ ฮอลแลนด์ และ เบลเยียม ดังนั้น จึงหมายมั่นปั้นมือขอผ่านรอบแรกให้ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งก็ดูมีโอกาสสูงไม่น้อย เพราะว่าคู่ปรับร่วมกลุ่มมีเพียง โปรตุเกส รองแชมป์เก่าเท่านั้นที่ดูดีกว่า จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกสตาร์ทให้ดีในนัดแรกนี้ แต่ต้องถาม เช็ก รองแชมป์ในปี 1996 ก่อนว่าจะยอมหรือไม่
เกมประเดิมสนาม โคบี คูห์น กุนซือ สวิตเซอร์แลนด์ ได้นักเตะที่ลงตัวในแนวรับแล้ว หลังจากปรับอยู่นาน และไม่เสียประตูในเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดหลังสุด ดิเอโก เบนากลิโอ รับบทนายด่านมือ 1 แพทริค มุลแลร์ น่าจะจับคู่กับ ฟิลิปป์ เซนเดอรอส โดยมี ลูโดวิช แม็กนิน และ ฟิลิปป์ เดเกน ยืนตำแหน่งแบ็กซ้ายและขวา
แต่ในแนวรุกยังมีปัญหาเมื่อ ทรานคิลโล บาร์เน็ตตา ปีกซ้ายมีอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า ส่วนปีกขวาเป็นหน้าที่ โยฮัน ฟอนลันเตน ด้านมิดฟิลด์คู่กลางมีสองคนที่โดดเด่นคือ เกลสัน เฟอร์นานเดส และ ก็อคฮาน อินแลร์ แต่ว่า คูห์น ยังคงตัดสินใจไม่ได้เพราะมี ฮาคาน ยาคิน และ ซาเวียร์ มากีราซ เป็นตัวเลือกด้วย กองหน้าตัวหลักคือ อเล็กซานเดอร์ ฟราย ที่กำลังฮอตซัด 6 ลูกใน 8 นัดหลังสุด น่าจะคู่กับ มาร์โก สเตรลเลอร์ โดยมีดาวรุ่งอย่าง อีเรน เดอร์ดิย็อค เป็นทีเด็ดที่ม้านั่งสำรอง
ทางฝั่ง เช็ก กุนซือ คาเรล บรูคเนอร์ ต้องปรับกระบวนทัพไม่น้อยเมื่อไร้ตัวเก๋าอย่าง พาเวล เนดเวด และ คาเรล โพบอร์สกี ที่ประกาศเลิกเล่น รวมถึง โทมัส โรซิคกี ที่บาดเจ็บต้องถอนตัวไป จึงไม่ถูกยกให้เป็นทีมที่น่ากลัวเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะต้องฝากความหวังไว้ที่ มาเร็ค มาเตยอฟสกี, ยาโรสลาฟ พลาซิล, แยน โพลัค และ ดาวิด ยาโรลิม
แต่หัวหอกยังเป็นคนหน้าเดิมอย่าง แยน โคลเลอร์ และ มิลาน บารอส ดาวซัลโว 5 ประตูจากปี 2004 โดยมี มาร์ติน เฟนิน คอยสอดแทรก ส่วนในเกมรับ โทมัส อูฟาลูซี กองหลังตัวเก่งเจ็บกล้ามเนื้อท้องเล็กน้อยแต่น่าจะลงได้ เช่นเดียวกับ มาเร็ค แยนคูลอฟกี แบ็กตัวเก่งที่เจ็บเข่า แต่เจ้าตัวก็มั่นใจว่าน่าจะหายทันในเกมนี้ แต่ก็อาจจะไม่ฟิตเต็มร้อย ทำให้ต้องพึ่งตัวเก๋าอย่าง โทมัส กาลาเซ็ค และ ซเดเน็ค กรีเกรา
ผลการแข่งขันที่คาด : สวิตเซอร์แลนด์ ชุดนี้มีเกมรับที่เหนียวแน่นน่าดูชม แต่ในฐานะเจ้าถิ่นและเสียงเชียร์คงจะเปิดเกมรุกครองบอลกดดันได้ดีกว่า เพราะว่ากองกลางของ เช็ก ชุดนี้น่าจะเป็นจุดอ่อนโดนบดและนวดอย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้กองหลังต้องทำงานหนักและเสียประตูในที่สุด แถม โคลเลอร์ และ บารอส ก็ไม่คมเหมือนเก่าแล้ว โอกาสชนะจึงเทไปทางด้านขุนพลนาฬิกามากกว่าที่จะเก็บชัยประเดิมสนามด้วยสกอร์ 3-1
โปรตุเกส VS ตุรกี - ที่สนาม สต๊าด เดอ เจนีฟ เมือง เจนีวา
โปรตุเกสหนึ่งในตัวเต็งที่จะผ่านเข้ารอบลึกๆ ถึง 4 ทีมสุดท้าย เพราะขุมกำลังที่พร้อมทุกตำแหน่ง รวมถึงมีแม่ทัพใหญ่จอมแทกติกอย่าง หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ที่พาทีมคว้ารองแชมป์เมื่อปีที่แล้วและอันดับ 4 ในศึกฟุตบอลโลก 2006 แต่ก็จะประมาท ตุรกี ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะเมื่อ 4 ปี ก่อนทัพฝอยทองก็ประเดิมสนามในฐานะเจ้าภาพและแพ้ให้กับม้ามืดอย่าง กรีซ ที่เถลิงบัลลังก์แชมป์ในบั้นปลายมาแล้ว
สโคลารี ยังคงยึดระบบ 4-2-3-1 เป็นหลัก แต่ว่าก็สามารถยืดหยุ่นเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้ไม่ว่าจะเป็น 4-3-3 หรือ 4-5-1 จนกระทั่ง 3-4-3 ที่เคยพา บราซิล คว้าแชมป์โลกมาแล้วในปี 2002 ตัวเลือกในแนวรุกยังค่อนข้างหลากหลาย แต่คงนำทัพโดยดาวเด่นอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ที่ซัดไป 8 ประตูในรอบคัดเลือก แม้ว่าจะเจ็บข้อเท้าขวาเล็กน้อยแต่คงไม่มีปัญหา จะประสานงานร่วมกับ ซิเมา ซาโบรซา อีกคนน่าจะเป็น เดโก หรือ ริคาร์โด ควาเรสมา
ส่วนดาวยิงตัวเป้าน่าจะเป็น นูโน โกเมส หอกหน้าหยกที่เก๋าที่สุดคอยค้ำอยู่แดนหน้า แนวรับเราน่าจะได้เห็นฟอร์มของ โฮเซ โบซิงวา แบ็กขวาใหม่แกะกล่องของ เชลซี ที่แม้จะเจ็บกล้ามเนื้อขาซ้าย แต่เจ้าตัวมั่นใจว่าจะเบียด เปาโล แฟร์ไรรา และ มิเกล ลงเล่นเป็นตัวจริงได้
ตุรกี ไม่เหลือลายของทีมอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2002 เมื่อไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ยูโร 2004 และ ฟุตบอลโลก 2006 ก่อนจะเข้ารอบมาอย่างสุดหืดในครั้งนี้รวมแล้วก็ 6 ปีที่ต้องห่างหายไปเลยทีเดียว นักเตะเปลี่ยนรูปโฉมไปมากส่วนใหญ่ก็เล่นอยู่กับ กาลาตาซาราย ในลีกประเทศตัวเอง พวกที่แบกความหวังของทีมอย่าง เอ็มเร เบโลโซกลู, ตูนกาน ซานลี และ นิฮัต คาห์เวชี ก็ดูจะยังไม่แกร่งพอ
เกมนี้ ฟาติห์ เตริม กุนซือ ตุรกี มีข่าวดีเมื่อ ฮามิต อัลตินท็อป มิดฟิลด์จากค่าย บาเยิร์น มิวนิค ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อระหว่างซ้อมพร้อมออกสตาร์ทช่วยทีม นอกจากนี้ ยังมีตัวที่จะมาสร้างมิติในเกมรุกอย่าง เมห์เมต ออเรลิโอ รวมถึงที่น่าจับตามองอย่าง เซมิห์ เซนเติร์ก ดาวซัลโวลีกไก่งวงฤดูกาลล่าสุดจากค่าย เฟเนร์บาห์เช ด้วย
ผลการแข่งขันที่คาด : น่าจะเป็นอีกเกมที่น่าดูอย่างยิ่งเพราะ โปรตุเกสขึ้นชื่อเรื่องเกมบุกและทักษะนักเตะแต่ละคนที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมคงจะเปิดเกมใส่อยู่ข้างเดียว ส่วนเกมนี้ ตุรกี พร้อมที่จะมาตั้งรับเหนียวแน่นและรอจังหวะสวนกลับอยู่แล้ว เพราะมีนักเตะอย่าง ตูนกาย, คาห์เวชี และ เซนเติร์ก ที่แต่ละคนมีความเร็วสูงและความสามารถเฉพาะตัวดีเก็บบอลหรือพาไปเองได้ แต่สุดท้ายแล้วเชื่อในความหลากหลายของ โปรตุเกส น่าจะเอาชนะไปได้ 2-0