คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
นับจากวันนี้ไปอีก 1 เดือนพอดี เทศกาลฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 ( EURO 2008 ) จะเริ่มเปิดฉากขึ้น ยิงยาวตลอดระยะเวลากว่า 3 สัปดาห์ คือ ระหว่างวันที่ 7 - 29 มิถุนายน ที่ สวิส กับ ออสเตรีย ซึ่งงานนี้อาจจะดูกร่อยๆไปหน่อยสำหรับแฟนบอลชาวไทยที่ชื่นชอบฟุตบอลอังกฤษ เพราะ ธรีลายเอินส์ ( Three Lions ) ทีมชาติอังกฤษที่มีสโมสรเป็นแชมป์ทวีปยุโรปปีล่าสุดดันตกรอบคัดเลือกไปก่อน
แม้ว่าเราจะไม่ได้ดูฝีเท้าของ เวย์น รูนีย์ โพล สโกลส์ สตีเวน เจราร์ด ริโอ เฟอร์ดินานด์ จอห์น เทรี แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่ถึงอย่างไร ดารานักเตะต่างชาติใน เพรอมิเอ ลีก อังกฤษก็มากันครบครัน ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติโปรตุเกสที่มี คริชติอาโน โรเนาโด และนานี จากแมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด เปาโล เฟร์ไรรา ริการ์โด กาวัลโญ จากเชลซี เพ็ตเตอร์ เช็ค ผู้รักษาประตูเชลซีก็เล่นให้ทีมชาติเช็ก นักเตะฝรั่งเศสที่กำลังฮ็อตและติดโผทีมชาติมาร่วมโชว์ฝีเท้าใน ยูโร 2008 ค่อนข้างแน่นอนก็คือ ปาตริส เอวรา จากแมนฯ ยู กาเอล กลิชี และวิลเลียม กัลลาส จากอาร์เซนอล โกลด มาเกเลเล โฟลร็อง มาลูดา และนิโกลา อาเนลกา จากเชลซี สตีลิโอส จานนาโกปูโลส นักเตะกรีซแชมป์เก่านั่นก็เล่นให้ โบลทัน วันเดอเรอร์ส เอ็มเร เบโลโซกลู นักเตะตุรกีแห่งทีมนิวคาสเซิล ยูนายเต็ด เยนส์ เลมาน ของอาร์เซนอล มิชาเอล บัลลัค ของเชลซีเล่นให้ทีมชาติเยอรมนี นิโก ครันชาร์ นักเตะพอร์ทสมัธแห่งทีมชาติโครเอเชีย ในทีมชาติสเปนมี โฆเซ เรอินา ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ชาบี อาลอนโซ อัลบาโร อารเบโลอา และแฟร์นานโด ตอร์เรส สามคนนี้ก็ลิเวอร์พูล และยังมี เชส ฟาเบรกาส จากอาร์เซนอล ส่วนทีมชาติเนเธอร์แลนด์สมี เอ็ดวิน ฟัน เดอ ซา จากแมนฯ ยู และ รายอัน บาเบล จากลิเวอร์พูล
การแข่งขันในรอบแรกนั้น แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มๆละ 4 ทีม เรียกว่าเป็นกรุ๊ปสเตจ ( Group stage ) ใช้ระบบพบกันหมดในกลุ่ม อันนี้เป็นระบบการแข่งขันที่เรียกว่า ราวนด์ ร็อบบิน ทัวร์นาเมนท์ ( Round-robin tournament ) โดยจะคิดคะแนนรวมของแต่ละทีม คัดเอา 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มเข้ารอบต่อไป
ในรอบสอง เปลี่ยนเป็นระบบน็อคเอาท์ ( Knock-out stage ) ทุกแมตช์ต้องมีผลแพ้ชนะ ใครชนะได้เข้ารอบต่อไป ใครแพ้ก็ออกช้อปปิ้งได้ สำหรับยูโร 2008 คราวนี้ จัดรอบน็อคเอาท์ แตกต่างจากครั้งก่อนๆคือ แบ่งเป็นสายบนกับสายล่างคล้ายกับการจัดประกบคู่แบบก้างปลาในการแข่งขันเทนนิส เพราะเขาจัดให้กลุ่ม A กับกลุ่ม B อยู่ด้วยกันเป็นสายบน และกลุ่ม C กับกลุ่ม D อยู่ด้วยกันเป็นสายล่าง ทีมจากกลุ่ม A และ B จะโคจรมาเจอกับทีมจากกลุ่ม C และ D ได้ก็ในนัดชิงชนะเลิศเท่านั้น
แชมป์ฟุตบอลยูโร 2008 จะได้ ถ้วยอ็องรี เดอโลเน ( Henri Delaunay ) ใบใหม่ด้วย ซึ่งก็ทำรูปลักษณ์คล้ายกับใบเดิม เพียงแต่เล็กกว่านิดหน่อย มีความสูง 60 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 8 กิโลกรัม ผมขอเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่า คุณอ็องรี เดอโลเน อดีตเลขธิการสมาพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสนั้น เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปตั้งแต่ปี 1927 แล้วก็มาเริ่มการแข่งขันครั้งแรกจริงๆในปี 1960 หมอนี่เป็นนักเตะเก่า เล่นให้ทีมเอตวล เด เดอ ลัก ( Etoile des Deux Lacs ) ในกรุงปารี ชื่อทีมนี้ ถ้าแปลเป็นไทยก็แปลได้ว่า ดาวแห่ง 2 ทะเลสาบ เขาเล่นฟุตบอลได้ไม่นาน ความจริงยังสดอยู่มาก แต่ก็ผันตัวเองมาเป็นผู้ตัดสิน จนมาเกิดเหตุในเกมหนึ่งที่เขาโดนลูกบอลอัดเข้าเต็มๆ ครึ่งปากครึ่งจมูก ทั้งๆที่ยังคาบนกหวีดอยู่คาปาก ก็ไม่น่าเหลือหรอกครับ นกหวีดกระแทกฟันอย่างแรง ถึงกับหัก 2 ซี่ เป็นอันเข็ด เดอโลเน ขอนั้งดูในฐานะผู้บริหารดีกว่า
สำหรับทีมชาติที่ร่วมทำศึก ยูโร 2008 ครั้งนี้ ยูเอ็ฟฟา มีค่าตอบแทนให้ด้วยนะครับ ไม่ใช่มาโชว์ฝีเท้ากันฟรีๆ โดยคราวนี้จัดเตรียมงบประมาณสูงถึง 184 ล้านยูโร หรือ 9200 ล้านบาท มากกว่า ยูโร 2004 เยอะทีเดียว เพราะคราวก่อนเขามีเงินให้เพียง 129 ล้านยูโรเท่านั้น ทั้ง 16 ทีมนี้ แค่มาร่วมแข่งก็ได้รับกันไปแล้วเนื้อๆทีมละ 7.5 ล้านยูโร หรือเอา 50 คูณเป็นเงินไทยก็ 375 ล้านบาท อันนี้อาจเรียกว่าเป็นค่าจ้างก็ได้ ส่วนเงินรางวัลนั้น ทีมใดจะได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของตนเอง ในรอบแรก ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม แต่ละทีมต้องมีแมตช์แข่ง 3 แมตช์ ยูเอ็ฟฟา ก็มีเงินก้อนให้ช่วงชิงกันแต่ละนัด 1 ล้านยูโร ใครชนะก็คว้าไปเลย ถ้าเสมอก็แบ่งกันคนละครึ่ง แพ้อด
ทีมที่ผ่านรอบแรกได้เข้าสู่รอบควอเตอร์ฟายนอลส์ หรือตั้งแต่รอบ 8 ทีม ต่อไปนี้เป็นรอบน็อคเอาท์ ต้องชนะจึงจะได้ไปต่อ ดังนั้น ยิ่งเข้ารอบลึกๆ เงินรางวัลก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น โดยทั้ง 8 ทีมที่เข้ารอบ 2 จะได้เงินไปเลยทีมละ 2 ล้านยูโร ทีมใดหยุดที่รอบนี้ หนทางที่จะได้เงินรางวัลเพิ่มก็จบลงด้วย ถ้าได้เป็น 4 ทีมสุดท้ายรับไปอีกทีมละ 3 ล้านยูโร และเกิดโชว์ฟอร์มหรูคว้าแชมป์ก็รวยกันใหญ่เลย ยูเอ็ฟฟา มอบให้อีก 7.5 ล้านยูโร ส่วนรองแชมป์ได้ 4.5 ล้านยูโร สรุปว่า ทีมชาติชุดใดใน 16 ทีมนี้ ถ้าได้แชมป์ยูโร 2008 โดยชนะทั้ง 3 แมตช์ในรอบแรก จะมีโอกาสได้รับเงินค่าตอบแทนและรางวัลรวมสูงสุด 23 ล้านยูโร หรือ 1,150 ล้านบาท
นับจากวันนี้ไปอีก 1 เดือนพอดี เทศกาลฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 ( EURO 2008 ) จะเริ่มเปิดฉากขึ้น ยิงยาวตลอดระยะเวลากว่า 3 สัปดาห์ คือ ระหว่างวันที่ 7 - 29 มิถุนายน ที่ สวิส กับ ออสเตรีย ซึ่งงานนี้อาจจะดูกร่อยๆไปหน่อยสำหรับแฟนบอลชาวไทยที่ชื่นชอบฟุตบอลอังกฤษ เพราะ ธรีลายเอินส์ ( Three Lions ) ทีมชาติอังกฤษที่มีสโมสรเป็นแชมป์ทวีปยุโรปปีล่าสุดดันตกรอบคัดเลือกไปก่อน
แม้ว่าเราจะไม่ได้ดูฝีเท้าของ เวย์น รูนีย์ โพล สโกลส์ สตีเวน เจราร์ด ริโอ เฟอร์ดินานด์ จอห์น เทรี แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่ถึงอย่างไร ดารานักเตะต่างชาติใน เพรอมิเอ ลีก อังกฤษก็มากันครบครัน ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติโปรตุเกสที่มี คริชติอาโน โรเนาโด และนานี จากแมนเชสเตอร์ ยูนายเต็ด เปาโล เฟร์ไรรา ริการ์โด กาวัลโญ จากเชลซี เพ็ตเตอร์ เช็ค ผู้รักษาประตูเชลซีก็เล่นให้ทีมชาติเช็ก นักเตะฝรั่งเศสที่กำลังฮ็อตและติดโผทีมชาติมาร่วมโชว์ฝีเท้าใน ยูโร 2008 ค่อนข้างแน่นอนก็คือ ปาตริส เอวรา จากแมนฯ ยู กาเอล กลิชี และวิลเลียม กัลลาส จากอาร์เซนอล โกลด มาเกเลเล โฟลร็อง มาลูดา และนิโกลา อาเนลกา จากเชลซี สตีลิโอส จานนาโกปูโลส นักเตะกรีซแชมป์เก่านั่นก็เล่นให้ โบลทัน วันเดอเรอร์ส เอ็มเร เบโลโซกลู นักเตะตุรกีแห่งทีมนิวคาสเซิล ยูนายเต็ด เยนส์ เลมาน ของอาร์เซนอล มิชาเอล บัลลัค ของเชลซีเล่นให้ทีมชาติเยอรมนี นิโก ครันชาร์ นักเตะพอร์ทสมัธแห่งทีมชาติโครเอเชีย ในทีมชาติสเปนมี โฆเซ เรอินา ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ชาบี อาลอนโซ อัลบาโร อารเบโลอา และแฟร์นานโด ตอร์เรส สามคนนี้ก็ลิเวอร์พูล และยังมี เชส ฟาเบรกาส จากอาร์เซนอล ส่วนทีมชาติเนเธอร์แลนด์สมี เอ็ดวิน ฟัน เดอ ซา จากแมนฯ ยู และ รายอัน บาเบล จากลิเวอร์พูล
การแข่งขันในรอบแรกนั้น แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มๆละ 4 ทีม เรียกว่าเป็นกรุ๊ปสเตจ ( Group stage ) ใช้ระบบพบกันหมดในกลุ่ม อันนี้เป็นระบบการแข่งขันที่เรียกว่า ราวนด์ ร็อบบิน ทัวร์นาเมนท์ ( Round-robin tournament ) โดยจะคิดคะแนนรวมของแต่ละทีม คัดเอา 2 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มเข้ารอบต่อไป
ในรอบสอง เปลี่ยนเป็นระบบน็อคเอาท์ ( Knock-out stage ) ทุกแมตช์ต้องมีผลแพ้ชนะ ใครชนะได้เข้ารอบต่อไป ใครแพ้ก็ออกช้อปปิ้งได้ สำหรับยูโร 2008 คราวนี้ จัดรอบน็อคเอาท์ แตกต่างจากครั้งก่อนๆคือ แบ่งเป็นสายบนกับสายล่างคล้ายกับการจัดประกบคู่แบบก้างปลาในการแข่งขันเทนนิส เพราะเขาจัดให้กลุ่ม A กับกลุ่ม B อยู่ด้วยกันเป็นสายบน และกลุ่ม C กับกลุ่ม D อยู่ด้วยกันเป็นสายล่าง ทีมจากกลุ่ม A และ B จะโคจรมาเจอกับทีมจากกลุ่ม C และ D ได้ก็ในนัดชิงชนะเลิศเท่านั้น
แชมป์ฟุตบอลยูโร 2008 จะได้ ถ้วยอ็องรี เดอโลเน ( Henri Delaunay ) ใบใหม่ด้วย ซึ่งก็ทำรูปลักษณ์คล้ายกับใบเดิม เพียงแต่เล็กกว่านิดหน่อย มีความสูง 60 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 8 กิโลกรัม ผมขอเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังว่า คุณอ็องรี เดอโลเน อดีตเลขธิการสมาพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสนั้น เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปตั้งแต่ปี 1927 แล้วก็มาเริ่มการแข่งขันครั้งแรกจริงๆในปี 1960 หมอนี่เป็นนักเตะเก่า เล่นให้ทีมเอตวล เด เดอ ลัก ( Etoile des Deux Lacs ) ในกรุงปารี ชื่อทีมนี้ ถ้าแปลเป็นไทยก็แปลได้ว่า ดาวแห่ง 2 ทะเลสาบ เขาเล่นฟุตบอลได้ไม่นาน ความจริงยังสดอยู่มาก แต่ก็ผันตัวเองมาเป็นผู้ตัดสิน จนมาเกิดเหตุในเกมหนึ่งที่เขาโดนลูกบอลอัดเข้าเต็มๆ ครึ่งปากครึ่งจมูก ทั้งๆที่ยังคาบนกหวีดอยู่คาปาก ก็ไม่น่าเหลือหรอกครับ นกหวีดกระแทกฟันอย่างแรง ถึงกับหัก 2 ซี่ เป็นอันเข็ด เดอโลเน ขอนั้งดูในฐานะผู้บริหารดีกว่า
สำหรับทีมชาติที่ร่วมทำศึก ยูโร 2008 ครั้งนี้ ยูเอ็ฟฟา มีค่าตอบแทนให้ด้วยนะครับ ไม่ใช่มาโชว์ฝีเท้ากันฟรีๆ โดยคราวนี้จัดเตรียมงบประมาณสูงถึง 184 ล้านยูโร หรือ 9200 ล้านบาท มากกว่า ยูโร 2004 เยอะทีเดียว เพราะคราวก่อนเขามีเงินให้เพียง 129 ล้านยูโรเท่านั้น ทั้ง 16 ทีมนี้ แค่มาร่วมแข่งก็ได้รับกันไปแล้วเนื้อๆทีมละ 7.5 ล้านยูโร หรือเอา 50 คูณเป็นเงินไทยก็ 375 ล้านบาท อันนี้อาจเรียกว่าเป็นค่าจ้างก็ได้ ส่วนเงินรางวัลนั้น ทีมใดจะได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับผลงานของตนเอง ในรอบแรก ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม แต่ละทีมต้องมีแมตช์แข่ง 3 แมตช์ ยูเอ็ฟฟา ก็มีเงินก้อนให้ช่วงชิงกันแต่ละนัด 1 ล้านยูโร ใครชนะก็คว้าไปเลย ถ้าเสมอก็แบ่งกันคนละครึ่ง แพ้อด
ทีมที่ผ่านรอบแรกได้เข้าสู่รอบควอเตอร์ฟายนอลส์ หรือตั้งแต่รอบ 8 ทีม ต่อไปนี้เป็นรอบน็อคเอาท์ ต้องชนะจึงจะได้ไปต่อ ดังนั้น ยิ่งเข้ารอบลึกๆ เงินรางวัลก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น โดยทั้ง 8 ทีมที่เข้ารอบ 2 จะได้เงินไปเลยทีมละ 2 ล้านยูโร ทีมใดหยุดที่รอบนี้ หนทางที่จะได้เงินรางวัลเพิ่มก็จบลงด้วย ถ้าได้เป็น 4 ทีมสุดท้ายรับไปอีกทีมละ 3 ล้านยูโร และเกิดโชว์ฟอร์มหรูคว้าแชมป์ก็รวยกันใหญ่เลย ยูเอ็ฟฟา มอบให้อีก 7.5 ล้านยูโร ส่วนรองแชมป์ได้ 4.5 ล้านยูโร สรุปว่า ทีมชาติชุดใดใน 16 ทีมนี้ ถ้าได้แชมป์ยูโร 2008 โดยชนะทั้ง 3 แมตช์ในรอบแรก จะมีโอกาสได้รับเงินค่าตอบแทนและรางวัลรวมสูงสุด 23 ล้านยูโร หรือ 1,150 ล้านบาท