ผ่านพ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการดราฟท์ผู้เล่นหน้าใหม่ (Rookies) จากระดับมหาวิทยาลัยขึ้นมาเล่นอาชีพในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำฤดูกาล 2008/09 ซึ่งเป็นอีกปีที่หลายคนพอมีแวว (ว่าที่) ซูเปอร์สตาร์แจ้งเกิดประดับวงการ คงไม่ช้าเกินไปกับการมาทำความรู้จักกับดาวดวงใหม่เหล่านี้
เจค ลอง (ออฟเฟนซีฟ แท็คเกิล) : ม.มิชิแกน
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ “นัมเบอร์วัน ดราฟท์” ไม่ต้องลุ้นกันถึงวินาทีการประกาศชื่อบนโพเดียมในเมดิสัน สแควร์ การ์เดน มหานครนิวยอร์ก เมื่อ ไมอามี ดอลฟินส์ ทีมที่ชนะแค่หนึ่งจากทั้งหมด 16 เกมในฤดูกาลปกติปีก่อนตัดสินใจเลือก “เจค ลอง” เป็นนักศึกษาคนแรกที่เข้าสู่เอ็นเอฟแอลประจำปี 2008 พร้อมเซ็นสัญญากัน 5 ปี 57.75 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการการันตีค่าจ้างแน่นอน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 990 ล้านบาท) เรียบร้อยก่อนการดราฟท์จริงเกือบสัปดาห์
นี่แสดงถึงจุดประสงค์ที่ชัดเจนของ ดอลฟินส์ แม้ตามประวัติ บิลล์ พาร์เซลล์ส รองประธานฝ่ายจัดการด้านฟุตบอลของ “โลมามหาภัย” ไม่เคยคัดเลือกผู้เล่นไลน์แมนขึ้นมาสูงขนาดนี้แต่อดีตเฮดโค้ชระดับตำนานรู้แก่ใจว่าทีมนี้มีปัญหาในเรื่องเกมรุก การปกป้องควอเตอร์แบ็กดั่งไข่ในหินสามารถเพิ่มโอกาสคว้าชัยในซีซั่นหน้า อีกทั้งการได้มือดีอย่าง โทนี สปาราโน หัวหน้าโค้ชคนใหม่ซึ่งเคยทำงานดูแลออฟเฟนซีฟไลน์ให้ ดัลลัส คาวบอยส์ มาก่อนน่าจะทำให้ทั้ง จอห์น เบ็ค หรือ จอสช์ แม็คคาวน์ พออุ่นใจได้เมื่อมี ลอง มาคอยช่วยแท็คเกิลคู่แข่งไม่ว่าประจำการอยู่ทางฝั่งซ้ายหรือขวา
คริส ลอง (ดีเฟนซีฟ แท็คเกิล) : ม.เวอร์จิเนีย
เกมรุกของ เซ็นต์หลุยส์ แรมส์ ทำคะแนนได้มากเท่าใด เกมรับของ “แกะเขาเหล็ก” ก็พร้อมเสียแต้มได้มากหรือมากกว่าเท่านั้น มันจึงเป็นเหตุผลง่ายๆ ที่ทีมใช้สิทธิดราฟท์อันดับ 2 เลือก “คริส ลอง” ผู้เล่นเกมรับซึ่งนักวิเคราะห์วิจารณ์ทุกสำนักเชื่อว่าเก่งที่สุดในปีนี้มาสู่เอ็ดเวิร์ด โจนส์ โดม เป็นปีที่สองติดต่อกันที่ สกอตต์ ไลน์แฮน เฮดโค้ชและทีมงานเลือกผู้เล่นในแผงดีเฟนด์ซีฟไลน์ เข้ามาเติมให้เต็มหลังจากที่ปีก่อนใช้สิทธิอันดับ 13 รอบแรกคว้า อดัม คาร์ริเกอร์ (ดีเฟนด์ซีฟ แท็คเกิล) มาจากเนบราสกา
สมัยเล่นให้ม.เวอร์จิเนีย ลอง ขึ้นคือว่าเป็นนักล่าควอเตอร์แบ็กตัวยงอีกคนหนึ่ง ความหิวกระหายที่จะไล่กดดัน, แท็คเกิล และก็แซ็คจอมทัพของคู่แข่งทำให้เด็กคนนี้ได้รับการกล่าวขวัญ แม้อาจเร็วเกินไปสำหรับการนำไปเปรียบเทียบกับ ฮาววี ลอง (คุณพ่อ) ซึ่งเป็นดีเฟนด์ซีฟ เอนด์ ระดับตำนาน “ฮอลออฟเฟม” ของ ลอสแองเจลิส / โอคแลนด์ เรดเดอร์ส แต่ถ้าขวบปีแรกของการเล่นอาชีพ ลอง มีส่วนช่วยทีมลดการโดนคู่แข่งบุกกินระยะเฉลี่ย 341.1 หลา 27.4 คะแนนต่อเกม การตัดสินใจครั้งนี้ของ แรมส์ อาจผลิดอกออกผลในอนาคตอันใกล้
แมตต์ ไรอัน (ควอเตอร์แบ็ก) : บอสตัน คอลเลจ
ดูเหมือน อาเธอร์ แบลงค์ เจ้าของทีม “นกสกปรก” แอตแลนตา ฟอลคอนส์ รับได้กับการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดหลังเจอปัญหารอบทิศทาง ไมเคิล วิก ควอเตอร์แบ็กความหวังของเฟรนไชส์ติดคุกในคดีทารุณกรรมสัตว์ บ็อบ เพทริโน ทิ้งทีมกลางครันทั้งๆ ที่ยังคุมทีมไม่ครบซีซั่น สองกำลังในเกมรุกอย่าง วอร์ริค ดันน์ (ตัววิ่ง) อัลจี ครัมป์เลอร์ (ปีกใน) รวมถึง ดีแอนเจโล ฮอลล์ ยอดตัวคุมปีกในเกมรับต่างแยกย้ายกันไปหมด
สิทธิ์ดราฟท์อันดับ 3 ของฟอลคอนส์ จึงเสมือนเข็มทิศแห่งอนาคต โธมัส ดิมิทรอฟฟ์ ผู้จัดการทีมคนใหม่เลือกดึง “แมตต์ ไรอัน” ควอเตอร์แบ็กซึ่งหลายคนว่าเก่งที่สุดในปีนี้เข้ามาเป็นความหวังใหม่ของเฟรนไชส์ แม้ต้องศึกษาแผนการเล่นสั่งสมประสบการณ์ไปก่อนสำหรับขวบปีแรก แต่เชื่อเหลือเกินว่าไม่ช้าไม่นานจอมทัพที่กวาดมาแล้วทั้งรางวัล “แมนนิง อะวอร์ด” และ “จอห์นนี ยูไนตัส โกลเดน อาร์ม อะวอร์ด” จะชิงตำแหน่งตัวจริงมาจาก โจอี แฮร์ริงตัน หรือ คริส เรดแมน ก่อนลงสนามไปพิสูจน์มันสมองและพลังแขนอย่างเต็มตัวกันต่อไป
ดาร์เรน แมคฟาดเดน (รันนิงแบ็ก) : ม.อาร์คันซอส์
โดนตั้งคำถามจากสื่อและแฟนๆ ว่าเหตุใด โอคแลนด์ เรดเดอร์ส ถึงใช้สิทธิดราฟท์อันดับ 4 เลือก “ดาร์เรน แมคฟาดเดน” แทนที่จะเป็นคนใดคนหนึ่งระหว่าง เกลนน์ ดอร์ซีย์ และเวอร์นอน โกลห์สตัน สองผู้เล่นเกมรับที่แข็งแกร่ง ทว่าอย่างที่ทราบว่า แอล เดวิส เป็นเจ้าของทีมที่บ้าดีเดือดขนาดไหน แม้ “สลัดดำ” มีตัววิ่งเป็นกระบิทั้ง จัสติน ฟาร์กาส, ลามอนท์ จอร์แดน หรือว่า โดมินิค โรดส์ แต่ที่ผ่านมาทีมยังขาด “บิ๊กเพลย์”
ซึ่งตรงนี้ แมคฟาดเดน สามารถเต็มในส่วนที่ขาดหายได้ สถิติการวิ่งทำระยะอย่างน้อย 100 หลา 22 จากการเล่น 38 เกมให้ม.อาร์คันซอส์ อาจไม่การันตีว่า เรดเดอร์ส คิดถูก แต่ปกติแล้วทีมนี้ชอบเสี่ยงมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งถ้า แมคฟาดเดน ฉายฟอร์ม “ตัววิ่งปิศาจ” ได้เหมือนกับ เอเดรียน พีเทอร์สัน รางวัลรุคกี้แห่งปีอาจย้ายจากมินนิอาโปลิส มาสู่ แคลิฟอร์เนีย ยิ่งถ้าเกิด แมคฟาดเดน เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับ จามาร์คัส รัสเซลล์ ควอเตอร์แบ็กนัมเบอร์วัน ดราฟท์ เมื่อปีก่อน เหล่า “ซิลเวอร์ แอนด์ แบ็ก” อาจได้เฮกันเร็วเกินคาด
