โดย เวสารัช โทณผลิน
คุณมาโกเรี่ยมคือใคร? คำถามนี้อาจไม่สำคัญเท่ากับการพยายามตอบตัวเองให้ได้เสียก่อนว่า แท้จริงแล้วเราเป็นใคร?
อีกทั้งคำถามที่ว่าบรรดาของเล่นและร้านจำหน่ายของเล่นที่สุดแสนจะมหัศจรรย์อย่างร้านของคุณมาโกเรี่ยมนั้นมีอยู่จริงหรือไม่? ก็คงจะไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดหาคำตอบ ถ้าหากยังไม่สามารถมองเห็นความมหัศจรรย์ที่เราทุกคนต่างเนรมิตขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
Mr.Magorium’s Wonder Emporium คือภาพยนตร์แนวแฟนตาซี ครอบครัว และเบาสมอง ผลงานของผู้กำกับหน้าใหม่ “แซค เฮล์ม” ผู้ที่เขียนบทภาพยนตร์ให้กับหนังมากจินตนาการอย่าง Stranger than Fiction(2006) จนส่งให้ชื่อของเขาเป็นที่กล่าวขวัญในฐานะมือเขียนบทแนวเปี่ยมจินตนาการหน้าใหม่มาแล้วในวงกว้าง
การกลับมาครั้งนี้ของเฮล์ม มิใช่เพียงการหวนมาจับปากกาบอกเล่าสิ่งที่อยู่ในหัวเหมือนครั้งก่อน แต่เขาทั้งเขียนบทและกำกับควบคุมดูแลทุกอย่างในร้านของคุณมาโกเรี่ยมให้ออกมาต้องตรงกับจินตนาการเปี่ยมฝันที่ฟุ้งลอยอยู่ในความทรงจำ หลังจากที่แนวเรื่องดังกล่าวนอนนิ่งอยู่ในสมุดบันทึกของเขา นับจากวันที่เขาทำงานพาร์ตไทม์อยู่ในร้านขายของเล่นที่ชิคาโกในสมัยเรียนหนังสือ
หนังเริ่มขึ้นด้วยวิธีลำดับเรื่องในลักษณะของการอ่านหนังสือทีละบท ค่อยๆ ประกอบรายละเอียดปลีกย่อยของร้านขายของเล่นแห่งนี้ ให้เป็นชิ้นส่วนขนาดใหญ่เสมือนการต่อเลโก้ ผ่านการดำเนินชีวิตของตัวละครหลักทั้ง 4
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของร้านขายของเล่นอายุ 243 ปีอย่างคุณมาโกเรี่ยม(ดัสติน ฮอฟแมน) ผู้ใหญ่หัวใจเด็กที่ดูแลร้านขายของเล่นแห่งนี้มานานกว่า 200 ปี และยังเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นของเล่นมีชีวิตในรูปแบบต่างๆ ที่มีอยู่ในร้านอีกนับไม่ถ้วน
ตัวละครชื่อ มอลลี่ มาโฮนี่(นาตาลี พอร์ตแมน) สาวสมัยใหม่ที่มีจิตใจดี มีความเก่ง อารมณ์ดี แต่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง เฮนรี่ เวสตัน(เจสัน เบตแมน) สมุหบัญชีคนแรกในรอบ 200 ปีที่คุณมาโกเรี่ยมจ้างมาสะสางบัญชีในร้าน เขาคือตัวแทนผู้ใหญ่ค่อนโลกที่ปราศจากความเชื่อมั่นในเรื่องความมหัศจรรย์ และเอริค แอปเปิ้ลบาวม์(แซค มิลส์) เด็กอัจฉริยะแต่ขาดเพื่อน ผู้รับหน้าที่ดำเนินเรื่องผ่านการอ่านไล่ไปทีละบททีละตอน
"งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา" เป็นวลีที่ใช้แทนความเป็นไปของคุณมาโกเรี่ยมได้ดีที่สุด เมื่อเขาจำต้องวางมือจากร้านขายของเล่นที่ดูแลด้วยตัวเองมานานกว่า 200 ปีแห่งนี้ แล้วจากไปยังภพอื่น
เขาประสงค์จะโอนมอบร้านแห่งนี้ให้อยู่ในความดูแลของมาโฮนี่ ผู้จัดการร้านอายุ 23 ปี เพราะเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของเธอ ตลอดจนตัดสินใจว่าจ้างเฮนรี่ให้มาควบคุมบัญชีรายรับรายจ่ายภายในร้านซึ่งไม่เคยได้รับการคิดคำนวณมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่เพราะพรสวรรค์ทางด้านดนตรีที่หยุดการเจริญเติบโตของมาโฮนี่ ทำให้เธอสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองไปจนแทบจะทุกด้าน มาโฮนี่ปฏิเสธการสืบทอดกิจการร้านของคุณมาโกเรี่ยม โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่มีมนตร์วิเศษที่จะทำให้ของเล่นทุกชิ้นในร้านมหัศจรรย์มีชีวิตเหมือนดังที่คุณมาโกนี่กระทำ และจากถ้อยคำของเธอนี่เอง ร้านขายของเล่นซึ่งเคยเปี่ยมไปด้วยความมหัศจรรย์สดใสก็ค่อยๆ หม่นหมองหดหู่ขึ้นทุกทีๆ
การดำเนินเรื่องของ Mr.Magorium’s Wonder Emporium เป็นไปในลักษณะเดียวกับที่ภาพยนตร์แฟนตาซีแนวครอบครัวส่วนใหญ่พึงกระทำ แก่นของเรื่องมีความน่าสนใจ แต่องค์ประกอบต่างๆ ที่จะมาเติมให้เรื่องอิ่มสมบูรณ์ยังดูขาดๆ เกินๆ อีกทั้งประเด็นที่หนังต้องการสื่อก็มีเพียงด้านเดียว หากไม่มีประเด็นยิบย่อยอื่นๆ แทรกเข้ามาตัวเรื่องก็คงแห้งแล้งสีสันมากกว่านี้
ด้วยความที่หนังดำเนินด้วยประเด็นเดียว อีกทั้งยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในความมหัศจรรย์ของตัวของเล่นและความเหนือจริงมาสร้างบทผจญภัยเร้าหัวใจให้ได้ลุ้นชม Mr.Magorium’s Wonder Emporium จึงเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีแบบครึ่งกลาง เทคนิคด้านภาพที่ทำออกมาก็มิใช่เรื่องใหม่ชวนตื่นตะลึงอีกแล้วสำหรับผู้ชมในพุทธศักราชนี้
บทดราม่าที่ว่าด้วยเรื่องราวของความตาย การจากลา การมองโลกด้วยสายตาผู้ใหญ่ ความเป็นเด็กที่ฝังอยู่ในร่างกายที่เติบโตขึ้น ฯลฯ เป็นรายละเอียดแตกย่อยที่เจือจางอยู่ในหนังชนิดแค่พอแว่วกลิ่น
ดูเหมือนว่าผู้กำกับอย่าง แซค เฮล์ม ยังออกแนวรักพี่เสียดายน้อง ไม่กล้าที่จะยึดจับประเด็นหลักชิ้นไหนยกชูขึ้นมาเล่นให้ลึกสักเรื่อง นอกจากเรื่องความเชื่อที่เป็นประเด็นซึ่งผู้ชมทั่วไปสามารถคาดเดาบทสรุปกันได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก
เมื่อภาพแฟนตาซีที่ไม่แปลกใหม่ กับความมหัศจรรย์ที่คลายตัวลงตั้งแต่ชมภาพยนตร์ตัวอย่างมาอยู่ในแก่นเรื่องที่เป็นดราม่าแบบเบาะเบาไม่ลึกล้ำในประเด็นที่แปลกใหม่
Mr.Magorium’s Wonder Emporium จึงเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่เพียงดูเอาเพลินได้สำหรับครอบครัวที่ลูกหลานอายุไม่เกิน 8 ปี หรือผู้ที่ไม่ตั้งความหวังสูงจนล้ำเลิศนัก มุขตลกที่มีเป็นเพียงลักษณะเรียกรอยยิ้ม และสาระที่เคลือบอยู่ก็มิใช่เรื่องชวนขบถึงขนาดต้องกลับไปคิดต่ออะไรมากมายนัก
แม้ร้านขายของเล่นของคุณมาโกเรี่ยมจะไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ในโลกภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด แต่หากมันดำรงอยู่บนโลกมนุษย์ก็นับว่าคงเป็นเรื่องชวนตื่นตะลึงได้ไม่น้อย
แต่ทว่าก่อนที่จะค้นหาของวิเศษชิ้นไหนหรือร้านขายของมหัศจรรย์แห่งใด สิ่งหนึ่งที่ควรตระหนักทราบไว้เสมอก็คือ "เราทุกคนล้วนเป็นเช่นคุณมาโกเรี่ยมได้ทั้งนั้น เพราะเครื่องบินจิ๋วที่เหาะได้ไม่มีวันหล่นหรือมังกรตุ๊กตาที่พ่นไฟได้ ก็คงจะไม่มหัศจรรย์เท่า ชีวิตของมนุษย์ที่เลือกวิถีทางของตัวเองได้เสมอ"