"ปีศาจแดงดำ" ถึงเวลาต้องผลัดใบ

ถือเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังสำหรับ เอซี มิลาน ทีมมหาอำนาจแห่งเมืองมะกะโรนี เมื่อหมดลุ้นแชมป์ กัลโช เซเรีย อา ตั้งแต่ไก่โห่ แต่ที่เลวร้ายไม่แพ้กันก็คืออาจจะไม่ได้ไปร่วมโม่แข้ง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในปีหน้า อันหมายถึงการสูญเงินมหาศาล ทำให้น่าจะถึงเวลาแล้วที่ถิ่น ซาน ซิโร จำต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงซัมเมอร์นี้

ต้องเรียกว่าเข้าขั้นวิกฤตสำหรับทีมใหญ่ที่มีประธานสโมสรมีดีกรีเป็นถึงนายกรัฐมนตรีของประเทศอิตาลี เพราะ "รอสโซเนรี" ไร้ถ้วย สคูเด็ตโต มาประดับตู้โชว์ 4 ปีติดต่อกัน ปีนี้ตามหลัง อินเตอร์ มิลาน อริร่วมเมืองถึง 23 คะแนน แถมศรัทธาที่เคยเต็มเปี่ยมกลับเปื้อนมลทินจากข้อหาพัวพันคดีล้มบอลที่ครึกโครมที่สุดในวงการลูกหนังแดนรองเท้าบู๊ท

ปีที่แล้ว มิลาน เป็น 1 ใน 5 ทีมที่ถูกลงโทษข้อหาทุจริต โดยโดนตัด 8 แต้ม ทำให้พออ้างได้ว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้วืดแชมป์ลีกที่เคยกวาดมาครองได้แล้วถึง 17 สมัย แต่ในถ้วยยุโรปต้องเรียกว่าผลงานเกินคาดล้างแค้น ลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศคว้าแชมป์สมัยที่ 7 มาครองได้สำเร็จเป็นรางวัลปลอบใจให้กับแฟนบอลในช่วงปิดท้ายฤดูกาล

แต่ความล้มเหลวในปีนี้ทำให้สาวก "ปีศาจแดงดำ" รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายถ้วยยุโรปทั้งที่เป็นแชมป์เก่า รวมถึงรั้งอันดับ 5 ส่อแววต้องไปเล่น ยูฟา คัพ ในปีหน้า แม้ว่าแต้มยังไม่ขาดห่าง ฟิออเรนตินา อยู่ 4 คะแนนเหลืออีก 4 นัด แต่ด้วยฟอร์มกระท่อนกระแท่นเช่นนี้ 10 นัดหลังสุดชนะแค่ 4 นัด ใครจะกล้าการันตีได้ว่ายังมีหวัง

แฟนบอลหัวรุนแรงของ มิลาน ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม "อัลตรา" ออกมาแจกใบปลิวในเกมที่ชนะ กายารี เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาต่อต้านการกระทำของทีมหลายอย่างโดยเฉพาะการซื้อนักเตะที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าคว้าแต่พวกขาลงสังขารร่วงโรยทั้ง โรนัลโด และ เอเมอร์สัน อีกทั้งยังจะดึง อังเดร เชฟเชนโก หอกวัย 32 ปีจาก เชลซี กลับมาอีก

ข้อความส่วนหนึ่งในใบปลิวระบุว่า "เราไม่ต้องการ เชฟเชนโก เขาอายุ 32 ปีแล้ว และยังเป็นนักเตะนอกอียู ซึ่งจะเป็นการขัดขวาง มิลาน จากการคว้านักเตะดาวรุ่งรายอื่นและนักเตะที่ดีกว่านี้ การซื้อที่ฉลาดที่สุดในรอบ 3 ปี ก็คือ อเล็กซานเดร ปาโต หอกทีมชาติบราซิล ส่วนหลายต่อหลายคนก็เป็นช่วงขาลงของชีวิต และมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องความฟิต"

ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือน มิลาน ให้ต้องทำอะไรสักอย่างในช่วงซัมเมอร์นี้ ที่เห็นได้ชัดมีอยู่ 3 อย่างก็คือ เปลี่ยนแนวคิดเดิมๆ ในการบริหารทีม, ตำแหน่งกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่คุมทัพตั้งแต่ปี 2001 จนมีคำถามว่าถึงทางตันแล้วหรือยัง สุดท้ายก็คือเรื่องนักเตะต้องแก้ไขเกมรับ รวมถึงซื้อแข้งดาวรุ่ง และเลิกใช้บริการแข้งสูงวัยที่อายุเลข 3 ปลายๆ

มีข่าวลือว่า มิลาน เตรียมทาบ โฮเซ มูรินโญ อดีตกุนซือปากกล้าของ เชลซี มาคุมทัพ แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป เพราะว่า ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ประธานสโมสร ที่มีข่าวว่าจะลงจากเก้าอี้หลังได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ออกมาหนุนหลัง อันเชล็อตติ ว่าจะได้กุมบังเหียนต่อไป เพราะปีนี้ก็มีแชมป์ติดมือ 2 ถ้วยแล้วคือ ซูเปอร์ คัพ และ ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ

ทำให้เป็นเรื่องยากที่ อันเชล็อตติ ซึ่งถือเป็นกุนซือคนที่ 5 ที่คว้าแชมป์ยุโรปทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ชทีมเดียวกัน จะถูกไล่ออกจากเก้าอี้หลังจากจบฤดูกาลนี้ เพราะว่ามีสัญญาผูกพันจนถึงปี 2010 แถมมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับบรรดาบอร์ดบริหารของ มิลาน ส่วนหนึ่งก็เพราะเคยค้าแข้งอยู่ที่นี่ระหว่างปี 1987-1992 จนกระทั่งแขวนสตั๊ด

ปัญหาหนักของ มิลาน จึงอยู่ที่นักเตะ เพราะว่าหากมีตัวเลือกที่มีคุณภาพมากพอ ฝีมือระดับ อันเชล็อตติ น่าจะพาทีมกลับมาผงาดอีกครั้งหนึ่งได้ไม่ยาก แต่ว่าก็จะต้องทุ่มเงินครั้งมโหฬารเพื่อปรับแต่งทัพเกือบทุกตำแหน่ง ทั้งเกมรับที่ต้องหาผู้รักษาประตูที่เชื่อใจได้ รวมถึงดึงกองหลังที่อายุน้อยเข้ามาผสมผสานกับตัวเก๋าที่อยู่ในทีม สุดท้ายก็คือแนวรุก

นายทวารควรปลดระวางทั้ง 3 คนคือ ดิดา, เซล์จโก คาลัค และ วาเลริโอ ฟิออรี ส่วนกองหลังมีข่าวว่าอยากได้ เซอร์คิโอ รามอส เซนเตอร์ฮาล์ฟ รีล มาดริด เพราะสถิติเสียประตูเพิ่มขึ้นตลอดในช่วง 5 ปีหลัง แนวรุกเตรียมดึง เชฟเชนโก คืนถิ่นและ โรนัลดินโญ เพลย์เมกเกอร์ของ บาร์เซโลนา โดยเฉพาะรายหลังเชื่อว่าแฟนๆ จะต้องถูกใจแน่นอน

มิลาน ควรที่จะเดินตามรอยของ บาเยิร์น มิวนิค ที่วืดแชมป์ลีกแถมอดลุยบอลยุโรปถ้วยใหญ่ ก่อนจะทุ่มเงินถึง 57 ล้านยูโรดึงแข้งระดับพระกาฬทั้ง ลูกา โทนี, มิโรสลาฟ โคลเซ และ ฟรองค์ ริเบรี ทำให้กลับมาอย่างยิ่งใหญ่มีลุ้นทริปเปิลแชมป์ในฤดูกาลนี้ เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแสดงความมุ่งมั่นและซื้อใจแฟนบอลกลับมาก่อนเป็นอันดับแรก